ใครที่ดูละครลูกทาส คงจำได้ว่าในเรื่องมีอั้งยี่ยกพวกตีกัน พวกอั้งยี่นี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Triad เป็นคนจีนที่รวมกลุ่มกันเก็บค่าคุ้มครองจากคนจีนด้วยกันที่ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาใช้แรงงาน พวกอั้งยี่นี้บางทีก็เกี่ยวข้องกับสมาคมลับด้วย พวกนี้ยังหลงเหลืออยู่จนถึงรัชกาลที่ 7 มีเรื่องราวเล่าว่านักเลงอั้งยี่จะฆ่าคนด้วยกรรไกรขาเดียว
การเกิดอั้งยี่เป็นเพราะชาวจีนเป็นชนกลุ่มน้อย เมื่อมาอยู่ต่างแดนก็มีการปกครองกันเอง ไม่ใช่แต่การเก็บเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักพิงให้ความช่วยเหลือชาวจีนอพยพอีกด้วย
ชาวจีนมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏว่าบิดาของพระเจ้าตากสินก็เป็นคนจีน และจีนก็ถือว่าพระเจ้าตากสินเป็นคนจีน และให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด
คนจีนอพยพเข้ามามากสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเมืองจีนอดอยาก ส่วนมากจะเป็นคนยากจนจากหัวเมืองชายทะเลคือเมืองซัวเถา ตำบลที่คนมามากก็คือหมู่บ้านเท่งไฮ้ คนจีนที่กลายเป็นมหาเศรษฐีหลายคนมาจากหมู่บ้านนี้ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผมเคยไปเยี่ยมมาแล้ว ตอนที่ไปเปิดอนุสาวรีย์ท่านเหียกวงเอียม วีรบุรุษผู้ต่อสู้กับญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คนจีนที่เข้ามาในเมืองไทยส่วนมากเป็นคนหนุ่ม จึงมาได้เมียคนไทย คนที่มีเมียอยู่แล้วก็ทิ้งเมียไว้ส่งเงินไปให้ เมื่อตั้งตัวได้แล้วก็พามาอยู่เมืองไทยด้วยกัน
ในสมัยรัชกาลที่ 5 คนจีนที่มีความรู้ได้ประกอบการค้าขาย และรับเป็นเจ้าภาษีนายอากร รัฐบาลได้เปิดประมูลภาษีให้เจ้าภาษีเหมาไป และเจ้าภาษีก็ไปเก็บภาษีกินส่วนต่างไป นอกจากนั้นก็ให้สัมปทานโรงเหล้าด้วย คนจีนจึงร่วมมือกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทำมาหากินด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน และเมื่อร่ำรวยเป็นเจ้าสัวมีลูกสาวก็มักจะให้เป็นภรรยาขุนนาง และเจ้านายจนได้เป็นเจ้าจอมก็หลายคน ดังนั้นการแต่งงานกับคนไทยจึงมีทุกระดับ
ต่อมาในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง สถานภาพของคนจีนก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่เดิมรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ไว้ใจคนจีนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พระมหากษัตริย์ ไม่ทรงให้ประชาธิปไตยเพราะกลัวคนจีนจะตั้งหรือสนับสนุนพรรคการเมือง เนื่องจากเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีศักยภาพ
ชาวจีนประสบปัญหามากในสมัยรัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงคราม ซึ่งมีนโยบายชาตินิยม เมื่อจะระดมให้คนรักชาติก็จำเป็นต้องให้เกลียดชาติอื่นก็คือคนจีนนั่นเอง ในยุคนี้มีการปิดโรงเรียนจีน และคนจีนจำนวนมากก็ต้องเปลี่ยนจากแซ่มาใช้นามสกุลไทย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีนโยบายต่อต้านคนจีน แต่ในระดับบนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะมีคนจีนที่ทำธุรกิจเข้าไปพึ่งพา โดยชาวจีนจะเป็นฝ่ายหารายได้ให้ ข้าราชการหลายคนจึงไปนั่งเป็นกรรมการและประธานบริษัทใหญ่ๆ และมีหุ้นลมในกิจการเหล่านั้น
ด้วยวิธีการนี้ คนจีนไม่ว่าจะร่ำรวยเพียงใด ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พอใจแค่มีเงินและให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี อำนาจทางการเมืองจึงแยกออกจากอำนาจทางเศรษฐกิจ ระบบทุนนิยมก็ไม่ได้กลายเป็นฐานอำนาจทางการเมือง ความสัมพันธ์เช่นนี้เป็นที่ยอมรับของข้าราชการซึ่งมีอำนาจแต่ไม่มีเงิน ลูกคนจีนก็ได้ลูกข้าราชการแต่งงานกันเป็นหนทางหนึ่งของการได้รับการยอมรับทางสังคมมากขึ้น
ในสมัยก่อนหากคนจีนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองก็ต้องอยู่เบื้องหลัง แล้วเมื่อใดที่คนจีนเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการเมือง ผมเห็นว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นหลัง พ.ศ. 2500 เมื่อจอมพลสฤษดิ์เริ่มให้มีการพัฒนาประเทศ สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัด คนจีนก็ร่ำรวยขึ้นจากการรับเหมาก่อสร้าง และการขายรถมอเตอร์ไซค์บ้าง รถกระบะ รถสิบล้อบ้าง คนจีนในต่างจังหวัดก็มีฐานะดีขึ้น ประกอบกับคนสัญชาติจีนมีเมียไทย มีลูกออกมาก็เป็นคนไทย ในยุคหลังๆ ลูกคนจีนออกไปเรียนเมืองนอก ได้เข้ามาเป็นข้าราชการจำนวนมาก บรรดาอธิบดี และปลัดกระทรวงส่วนใหญ่ก็เป็นลูกคนจีนทั้งสิ้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ระบบการเมืองเปิดกว้างขึ้น ประจวบเหมาะกับการสะสมทุนของคนจีน ทำให้คนจีนเริ่มเข้ามาเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินสนับสนุนพรรค หรือตั้งพรรคการเมือง และเนื่องจากได้สัญชาติไทยแล้ว ก็สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ ในปัจจุบัน ส.ส.และ ส.ว.ตลอดจนนักการเมืองท้องถิ่น 80% เป็นลูกจีน และนำเอาวัฒนธรรมทางธุรกิจเข้ามา ทำให้การเมืองกลายเป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง และคนจีนถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะเท่ากับเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าไปด้วย
การเกิดอั้งยี่เป็นเพราะชาวจีนเป็นชนกลุ่มน้อย เมื่อมาอยู่ต่างแดนก็มีการปกครองกันเอง ไม่ใช่แต่การเก็บเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักพิงให้ความช่วยเหลือชาวจีนอพยพอีกด้วย
ชาวจีนมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏว่าบิดาของพระเจ้าตากสินก็เป็นคนจีน และจีนก็ถือว่าพระเจ้าตากสินเป็นคนจีน และให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด
คนจีนอพยพเข้ามามากสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเมืองจีนอดอยาก ส่วนมากจะเป็นคนยากจนจากหัวเมืองชายทะเลคือเมืองซัวเถา ตำบลที่คนมามากก็คือหมู่บ้านเท่งไฮ้ คนจีนที่กลายเป็นมหาเศรษฐีหลายคนมาจากหมู่บ้านนี้ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผมเคยไปเยี่ยมมาแล้ว ตอนที่ไปเปิดอนุสาวรีย์ท่านเหียกวงเอียม วีรบุรุษผู้ต่อสู้กับญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คนจีนที่เข้ามาในเมืองไทยส่วนมากเป็นคนหนุ่ม จึงมาได้เมียคนไทย คนที่มีเมียอยู่แล้วก็ทิ้งเมียไว้ส่งเงินไปให้ เมื่อตั้งตัวได้แล้วก็พามาอยู่เมืองไทยด้วยกัน
ในสมัยรัชกาลที่ 5 คนจีนที่มีความรู้ได้ประกอบการค้าขาย และรับเป็นเจ้าภาษีนายอากร รัฐบาลได้เปิดประมูลภาษีให้เจ้าภาษีเหมาไป และเจ้าภาษีก็ไปเก็บภาษีกินส่วนต่างไป นอกจากนั้นก็ให้สัมปทานโรงเหล้าด้วย คนจีนจึงร่วมมือกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทำมาหากินด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน และเมื่อร่ำรวยเป็นเจ้าสัวมีลูกสาวก็มักจะให้เป็นภรรยาขุนนาง และเจ้านายจนได้เป็นเจ้าจอมก็หลายคน ดังนั้นการแต่งงานกับคนไทยจึงมีทุกระดับ
ต่อมาในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง สถานภาพของคนจีนก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่เดิมรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ไว้ใจคนจีนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พระมหากษัตริย์ ไม่ทรงให้ประชาธิปไตยเพราะกลัวคนจีนจะตั้งหรือสนับสนุนพรรคการเมือง เนื่องจากเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีศักยภาพ
ชาวจีนประสบปัญหามากในสมัยรัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงคราม ซึ่งมีนโยบายชาตินิยม เมื่อจะระดมให้คนรักชาติก็จำเป็นต้องให้เกลียดชาติอื่นก็คือคนจีนนั่นเอง ในยุคนี้มีการปิดโรงเรียนจีน และคนจีนจำนวนมากก็ต้องเปลี่ยนจากแซ่มาใช้นามสกุลไทย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีนโยบายต่อต้านคนจีน แต่ในระดับบนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะมีคนจีนที่ทำธุรกิจเข้าไปพึ่งพา โดยชาวจีนจะเป็นฝ่ายหารายได้ให้ ข้าราชการหลายคนจึงไปนั่งเป็นกรรมการและประธานบริษัทใหญ่ๆ และมีหุ้นลมในกิจการเหล่านั้น
ด้วยวิธีการนี้ คนจีนไม่ว่าจะร่ำรวยเพียงใด ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พอใจแค่มีเงินและให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี อำนาจทางการเมืองจึงแยกออกจากอำนาจทางเศรษฐกิจ ระบบทุนนิยมก็ไม่ได้กลายเป็นฐานอำนาจทางการเมือง ความสัมพันธ์เช่นนี้เป็นที่ยอมรับของข้าราชการซึ่งมีอำนาจแต่ไม่มีเงิน ลูกคนจีนก็ได้ลูกข้าราชการแต่งงานกันเป็นหนทางหนึ่งของการได้รับการยอมรับทางสังคมมากขึ้น
ในสมัยก่อนหากคนจีนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองก็ต้องอยู่เบื้องหลัง แล้วเมื่อใดที่คนจีนเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการเมือง ผมเห็นว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นหลัง พ.ศ. 2500 เมื่อจอมพลสฤษดิ์เริ่มให้มีการพัฒนาประเทศ สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัด คนจีนก็ร่ำรวยขึ้นจากการรับเหมาก่อสร้าง และการขายรถมอเตอร์ไซค์บ้าง รถกระบะ รถสิบล้อบ้าง คนจีนในต่างจังหวัดก็มีฐานะดีขึ้น ประกอบกับคนสัญชาติจีนมีเมียไทย มีลูกออกมาก็เป็นคนไทย ในยุคหลังๆ ลูกคนจีนออกไปเรียนเมืองนอก ได้เข้ามาเป็นข้าราชการจำนวนมาก บรรดาอธิบดี และปลัดกระทรวงส่วนใหญ่ก็เป็นลูกคนจีนทั้งสิ้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ระบบการเมืองเปิดกว้างขึ้น ประจวบเหมาะกับการสะสมทุนของคนจีน ทำให้คนจีนเริ่มเข้ามาเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินสนับสนุนพรรค หรือตั้งพรรคการเมือง และเนื่องจากได้สัญชาติไทยแล้ว ก็สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ ในปัจจุบัน ส.ส.และ ส.ว.ตลอดจนนักการเมืองท้องถิ่น 80% เป็นลูกจีน และนำเอาวัฒนธรรมทางธุรกิจเข้ามา ทำให้การเมืองกลายเป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง และคนจีนถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะเท่ากับเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าไปด้วย