วานนี้ (24 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในคลิปวีดีโอสั้น ผ่านทางเวปไซต์ยูทูป http://youtu.be/Reejmlo8Jyc ถึงกระบวนการเริ่มต้นในการค้นหาคำตอบของสถานการณ์ทางการเมือง ที่จะสามารถนำไปสู่การเดินหน้าประเทศอย่างมั่นคง และมีความเชื่อมั่นว่า หนทางเดียวที่จะผลักดันให้ประเทศเดินหน้าไปได้ นั่นคือ การปฏิรูปที่ต้องดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ และความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งเป็นขั้นตอนหนึ่งที่มีความจำเป็น
"แนวทางวันนี้คือ ต้องนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูป แต่ต้องเป็นการปฏิรูปตามหลักการของประชาธิปไตย และกระบวนการการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปนั้น"
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจ กรณีค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น การที่ชาวนาจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว และผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากปัญหาการทุจริต อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถกล่าวโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เป็นการเฉพาะ และ เวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาของการกล่าวโทษ ทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศในปัจจุบัน ซึ่งก็รวมถึงตัวนายอภิสิทธิ์เอง และพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังเสนอตัวเป็นผู้ริเริ่มแก้ไขสถานการณ์
"ผมอยู่เฉยไม่ได้ ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา หาคำตอบให้กับประเทศ และเราต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง ความจริงนั้นก็คือ ไม่มีฝ่ายใดจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมด แต่เราต้องเริ่มต้นจากการยึดประโยชน์ของส่วนรวม แล้วหาจุดร่วมเพื่อเดินหน้าประเทศต่อไป"
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินการ และกระบวนการพบปะบุคคลที่จะเป็นการเริ่มต้นสร้างกระบวนการ หาคำตอบของประเทศ โดยในวันนี้ (25 เม.ย. ) จะเดินทางเข้าพบ นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป และเตรียมเข้าพบกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกรผบ.สส. ในวันจันทร์ 28 เม.ย. และหลังจากนั้น มีความตั้งใจที่จะเข้าพบกับกกต. พร้อมทั้งวางแผนในการพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาล พรรคการเมือง และผู้นำของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆต่อไป
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ขอร้องให้คนไทยเปิดใจ และให้โอกาสตนในการปฏิรูป และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เปิดโอกาสสำหรับประเทศไทย
" ผมเข้าใจดีว่า แนวทางที่ผมจะนำเสนอ คงไม่ตรงกับความต้องการของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้แต่ความต้องการของคนในพรรคผม หรือคนที่ถูกมองว่า อยู่ในฝ่ายผม แต่ผมมั่นใจว่า แนวทางที่เริ่มจากจุดร่วมตรงนี้ จะเป็นคำตอบให้กับประเทศในระยะยาว เป็นคำตอบให้กับอนาคตของประเทศที่ดี และเป็นคำตอบให้กับลูกหลานของเรา ขอโอกาสผมทำงานครับ อย่าเพิ่งปฏิเสธการทำงานของผม ให้โอกาสกับผม แต่ที่สำคัญที่สุด ผมขอเชิญชวนให้ทุกฝ่ายให้โอกาสกับประเทศของเรา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "ตู่"ไม่ให้ราคาแผนเดินสาย"มาร์ค"
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นชป. กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เสนอตัวเป็นเดินสายหาทางออกให้ประเทศว่า ที่จริงแล้วคนทั่วประเทศไม่ได้มีปัญหาเลย จะมีปัญหาก็เฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. เท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทั่วไปที่เป็นปัญหา แต่มีคนจ้องจะล้มล้างประชาธิปไตย ขัดขวางการเลือกตั้ง ที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินสายไปคุยกับคนนั้น คนนี้ ก็เป็นคนที่นายสุเทพ เคยไปพบแล้วทั้งนั้น ไม่ได้ช่วยคลี่คลายปัญหาของประเทศเลย เพราะไม่ได้ยืนอยู่ในหลักการประชาธิปไตย เราเดินหน้าเลือกตั้ง 375 เขต แต่หากยังมีการขัดขวางเพียงแค่เขตเดียว ก็สามารถล้มเลือกตั้งได้แล้ว ถ้ากปปส. และกกต.ไม่พร้อมที่จะจัดเลือกตั้ง ก็ปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้
"มาร์คไม่ต้องไปพบใครเลย เพียงแค่หาคำตอบของตัวเองให้พบ แต่ถ้าคำตอบที่ได้ ไม่ได้อยู่บนหลักการประชาธิปไตย ยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน" นายจตุพร กล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมองว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ทำน่าจะเป็นการสร้างภาพ แก้เกี้ยวที่หนีการประชุมระหว่าง กกต. กับพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เพราะภาพนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ติดลบอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ เลือกที่จะคุยนั้น คุยแค่ 4 ฝ่ายก็พอ คือ 1. คุยในพรรคประชาธิปัตย์ และออกมาเป็นมติพรรค 2. คุยกับตัวแทนของรัฐบาล 3. คุยกับนายสุเทพ และ 4.คุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ถ้านายอภิสิทธิ์ ตั้งใจที่จะเป็นคนประสานจริง เป็นสิ่งที่ดี แต่ตนอยากถามว่า คิดช้าไปหรือไม่ เพราะนายสุเทพ และพวกชุมนุมยืดเยื้อมากว่า 5 เดือนแล้ว ตนอยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ หากตั้งใจ และบริสุทธิ์ใจจริง ก่อนที่จะเดินสายไปพบใคร ต้องประกาศเจตนารมณ์ว่าจะลงเลือกตั้งครั้งใหม่เสียก่อน ถ้าไม่กล้าประกาศ ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะมองว่าไม่ต่างจากการกระทำของนายสุเทพ ที่เดินสายเป็นอีเว้น หามวลชนล้มรัฐบาลหรือหวังเรียกกระแสมวลชนเท่านั้น
"แนวทางวันนี้คือ ต้องนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูป แต่ต้องเป็นการปฏิรูปตามหลักการของประชาธิปไตย และกระบวนการการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปนั้น"
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจ กรณีค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น การที่ชาวนาจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว และผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากปัญหาการทุจริต อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถกล่าวโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เป็นการเฉพาะ และ เวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาของการกล่าวโทษ ทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศในปัจจุบัน ซึ่งก็รวมถึงตัวนายอภิสิทธิ์เอง และพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังเสนอตัวเป็นผู้ริเริ่มแก้ไขสถานการณ์
"ผมอยู่เฉยไม่ได้ ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา หาคำตอบให้กับประเทศ และเราต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง ความจริงนั้นก็คือ ไม่มีฝ่ายใดจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมด แต่เราต้องเริ่มต้นจากการยึดประโยชน์ของส่วนรวม แล้วหาจุดร่วมเพื่อเดินหน้าประเทศต่อไป"
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินการ และกระบวนการพบปะบุคคลที่จะเป็นการเริ่มต้นสร้างกระบวนการ หาคำตอบของประเทศ โดยในวันนี้ (25 เม.ย. ) จะเดินทางเข้าพบ นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป และเตรียมเข้าพบกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกรผบ.สส. ในวันจันทร์ 28 เม.ย. และหลังจากนั้น มีความตั้งใจที่จะเข้าพบกับกกต. พร้อมทั้งวางแผนในการพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาล พรรคการเมือง และผู้นำของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆต่อไป
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ขอร้องให้คนไทยเปิดใจ และให้โอกาสตนในการปฏิรูป และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เปิดโอกาสสำหรับประเทศไทย
" ผมเข้าใจดีว่า แนวทางที่ผมจะนำเสนอ คงไม่ตรงกับความต้องการของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้แต่ความต้องการของคนในพรรคผม หรือคนที่ถูกมองว่า อยู่ในฝ่ายผม แต่ผมมั่นใจว่า แนวทางที่เริ่มจากจุดร่วมตรงนี้ จะเป็นคำตอบให้กับประเทศในระยะยาว เป็นคำตอบให้กับอนาคตของประเทศที่ดี และเป็นคำตอบให้กับลูกหลานของเรา ขอโอกาสผมทำงานครับ อย่าเพิ่งปฏิเสธการทำงานของผม ให้โอกาสกับผม แต่ที่สำคัญที่สุด ผมขอเชิญชวนให้ทุกฝ่ายให้โอกาสกับประเทศของเรา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "ตู่"ไม่ให้ราคาแผนเดินสาย"มาร์ค"
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นชป. กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เสนอตัวเป็นเดินสายหาทางออกให้ประเทศว่า ที่จริงแล้วคนทั่วประเทศไม่ได้มีปัญหาเลย จะมีปัญหาก็เฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. เท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทั่วไปที่เป็นปัญหา แต่มีคนจ้องจะล้มล้างประชาธิปไตย ขัดขวางการเลือกตั้ง ที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินสายไปคุยกับคนนั้น คนนี้ ก็เป็นคนที่นายสุเทพ เคยไปพบแล้วทั้งนั้น ไม่ได้ช่วยคลี่คลายปัญหาของประเทศเลย เพราะไม่ได้ยืนอยู่ในหลักการประชาธิปไตย เราเดินหน้าเลือกตั้ง 375 เขต แต่หากยังมีการขัดขวางเพียงแค่เขตเดียว ก็สามารถล้มเลือกตั้งได้แล้ว ถ้ากปปส. และกกต.ไม่พร้อมที่จะจัดเลือกตั้ง ก็ปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้
"มาร์คไม่ต้องไปพบใครเลย เพียงแค่หาคำตอบของตัวเองให้พบ แต่ถ้าคำตอบที่ได้ ไม่ได้อยู่บนหลักการประชาธิปไตย ยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน" นายจตุพร กล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมองว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ทำน่าจะเป็นการสร้างภาพ แก้เกี้ยวที่หนีการประชุมระหว่าง กกต. กับพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เพราะภาพนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ติดลบอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ เลือกที่จะคุยนั้น คุยแค่ 4 ฝ่ายก็พอ คือ 1. คุยในพรรคประชาธิปัตย์ และออกมาเป็นมติพรรค 2. คุยกับตัวแทนของรัฐบาล 3. คุยกับนายสุเทพ และ 4.คุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ถ้านายอภิสิทธิ์ ตั้งใจที่จะเป็นคนประสานจริง เป็นสิ่งที่ดี แต่ตนอยากถามว่า คิดช้าไปหรือไม่ เพราะนายสุเทพ และพวกชุมนุมยืดเยื้อมากว่า 5 เดือนแล้ว ตนอยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ หากตั้งใจ และบริสุทธิ์ใจจริง ก่อนที่จะเดินสายไปพบใคร ต้องประกาศเจตนารมณ์ว่าจะลงเลือกตั้งครั้งใหม่เสียก่อน ถ้าไม่กล้าประกาศ ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะมองว่าไม่ต่างจากการกระทำของนายสุเทพ ที่เดินสายเป็นอีเว้น หามวลชนล้มรัฐบาลหรือหวังเรียกกระแสมวลชนเท่านั้น
