ASTVผู้จัดการรายวัน - ชุดสืบสวนบก.น. 2 พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบร่องรอยระเบิดบ้านปลัดสาธารณสุข พบสะเก็ดระเบิดขนาด 40 มม.ยิงจากเครื่องยิงเอ็ม 79 คาดคนร้ายแค่ข่มขู่เหตุความเห็นต่างทางการเมือง ด้านผบ.ตร.มอบหมายรอง"เอก" ควบคุมการการสืบสวน ขณะที่ข้าราชการในสังกัดประณามการคุกคาม ยันยืนเคียงข้างปลัด สธ.และความถูกต้อง เตรียมให้กำลังใจวันนี้ (22 เม.ย.) ด้าน"หมอณรงค์" เผยปลอดภัยดี ขณะที่ สธ.ติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม 20 จุด ด้านเครือข่ายบุคลากรแพทย์ฯ จี้ยุบ ศอ.รส.
วานนี้ (21 เม.ย.) พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น. 2 พร้อมด้วยพล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.กองพลาธิการและสรรพาวุธสำนักงานส่ง กำลังบำรุง สตช. พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาลัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.อ.กำธรอุ่ย เจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของ นพ.ณรงค์สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 12/100 ถ.แจ้งวัฒนะ 14 แยกย่อย ถ.เกษตร ซอยเกษตร4 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กทม. ซึ่งเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิด เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่เดียวกันจำนวน 3 หลัง มีรั้วรอบ ขอบชิด จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังแรกเลขที่12/100 ห่างจากปากซอยประมาณ 50 เมตร บริเวณกำแพงบ้านฝั่งทิศเหนือมีร่องรอยถูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรยิงจาก เครื่องยิงเอ็ม 79 เป็นรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว มีร่องรอยสะเก็ดระเบิด โดยรอบ ด้านในรั้วบ้านมีรถยนต์เก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิคทะเบียน ฎจ 122 กทม. ได้รับ ความเสียหายเล็กน้อยที่ตัวรถฝั่งขวา เป็นรอยบุบเล็กน้อยจากเศษปูนของกำแพงที่ โดนระเบิดกระเด็นมากระทบมีเศษและสะเก็ดระเบิดรวมทั้งเศษปูนเกลื่อนพื้นเจ้า หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดของลูก ระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรที่ยิงจากเครื่องยิงเอ็ม 79 เป็นหัวระเบิดแบบธรรมดา ซึ่ง ร่องรอยที่เกิดขึ้นที่กำแพงนั้นเป็นการยิงวิถีตรงขนานกับพื้น ไม่ได้ยิงแบบวิถีโค้ง ระยะการยิงประมาณ 50 เมตร จากการวัดระยะก็จะอยู่ช่วงปากซอยเข้าบ้านพอดี
พล.ต.ต.สุรนิตย์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เก็บ หลักฐานไปเบื้องต้นแล้ว และช่วงสายวันที่ 21 เมษายน เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีและ พฐ. ได้เข้าตรวจเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดรวมทั้งวัดระยะและวิถีการยิง ซึ่ง แน่ชัดแล้วว่าเป็นการยิงวิถีตรงจากทางปากซอยเข้ามาใส่กำแพงบ้าน โดยทาง พล.ต.อ.อดุลย์แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และสั่งกำชับให้ละเอี ยดรอบคอบในการสืบสวนทำคดี คลี่คลายคดีให้ได้ จากการประเมินที่เกิดเหตุคนร้ายน่าจะข่มขู่จากผู้ ไม่หวังดี หรืออาจจะเป็นฝีมือของบุคคลที่3 เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ มีความเห็นต่าง เพราะเจตนายิงเข้าใส่กำแพงบ้านวิถีตรง หากต้องการยิงใส่ตัวบ้านก็ สามารถทำได้เนื่องจากจุดยิงนั้นสามารถมองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สน.ทุ่งสองห้องจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ให้มาก ขึ้น ขณะเดียวกันก็สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามทาง เข้าออกโดยรอบพื้นที่ทุกจุด ซึ่งจุดเกิดเหตุสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง
โดยน้องสาวของน.พ.ณรงค์บอกว่าได้ยินเสียง ระเบิดดังสั่นขึ้นตอน 5 ทุ่มตรง หลังเกิดเหตุยังไม่ได้ออกมาดูโดยทันทีเพราะพากัน ไปดูกล้องวงจรปิดของบ้านก่อน ก็พบเป็นแสงระเบิดที่กำแพงเท่านั้น กระทั่งเจ้าหน้า ที่ทหารเดินทางมาดูคนในบ้านจึงออกมาจากบ้านก็พบว่ารถยนต์ที่จอดอยู่เสียหาย เป็นรอยบุบเล็กน้อย อย่างไรก็ตามทุกคนในบ้านไม่ได้หวั่นไหวหรือหวาดกลัวกับเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนยังมีกำลังใจเป็นปกติดี แต่คงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
***"บิ๊กอู๋" ตั้งรองเอกคุมคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันนี้ (21เม.ย. ) เวลา ประมาณ 00.20 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงลูกระเบิด M 79 ตกบริเวณ บ้านของ นางอมร สหเมธาพัฒน์ อายุ 46 ปี พี่สาวนายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย่านถนนแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของตำรวจและเจ้าหน้าที่ชุด EOD เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ายิงมาจากทิศทางใด โดยแรงระเบิดทำให้กำแพงรั้วบ้าน และรถยนต์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ไม่พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มีความห่วงใยในสถานการณ์ จึงได้มีการสั่งการกำชับในที่ประชุม ศปก.ตร. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเร่งรัดสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นคณะทำงาน เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
***ข้าราชการสธ.ประณามการคุกคาม
ด้านนพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนและคนในบ้านปลอดภัยดี ขณะนี้ยังปฏิบัติงานราชการตามปกติ โดยลงพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในการออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางพื้นที่ อ.หัวหิน ส่วนจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาดูแลหรือไม่ ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ. รวมถึง สมาคมข้าราชการพลเรือนมีความเป็นห่วงต่อ นพ.ณรงค์ และครอบครัวได้ส่งกำลังใจมาให้ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ การข่มขู่คุกคามต่อข้าราชการระดับสูง ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทยที่มีความศิวิไลซ์ ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลหลายกลุ่ม ควรดำเนินการมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยในการดูแลความปลอดภัยรวมถึงเจ้าหน้าที่สธ.ในระดับต่างๆด้วยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
***ยกระดับดูแลความปลอดภัย
นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สธ. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบบริเวณบ้านปลัด สธ.เพื่อประเมินว่ามีพื้นที่ใดที่รกร้างบดบังการมองเห็น รวมถึงแจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้ามาตรวจตราอย่างละเอียดมากขึ้น เนื่องจากเป็นบ้านของข้าราชการคนสำคัญและผู้บริหารสูงสุดของกระทรวง ซึ่งจะเท่ากับเป็นการดูแลความปลอดภัยของคนอื่นภายในหมู่บ้านเดียวกันไปในตัวด้วย ส่วนของมาตรการดูแลความปลอดภัยใน สธ. ได้มีการยกระดับโดยภายหลังเวลา 19.00 น.จะเปิดประตูเข้ากระทรวงเพียงประตูเดียว ตรวจตรารถทุกคัน และดูบัตรประชาชนทุกคน พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สธ. รปภ. และแม่บ้านให้สอดส่องดูวัตถุแปลกปลอมและคนแปลกหน้า นอกจากนี้ ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสธ. เพิ่มอีก 20 จุด สำหรับวันที่ 22 เม.ย. ที่คน สธ.นัดรวมพล เพื่อให้กำลังใจปลัดสธ. เห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะเวลาเช่นนี้ พี่น้อง สธ.ควรดูแลและให้กำลังใจกันและกัน แต่ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
***แพทย์อาสาลั่นยืนเคียงข้างปลัดฯ
ด้าน นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผู้ประสานงานเครือข่ายแพทย์พยาบาลอาสาผู้ช่วยเหลือประชาชน ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า เป็นผลจากการออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การรณรงค์ประณามความรุนแรง ไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกงทุกรัฐบาล จนเกิดปรากฏการณ์คุกคามบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยอาวุธสงครามมากที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา อย่างไรก็ตาม เครือข่ายฯพร้อมที่จะยืนเคียงข้าง ปลัด สธ. อยู่ข้างความถูกต้อง และไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด ชาวสาธารณสุขพร้อมที่จะดูแลประชาชนทุกหมู่เหล่าเท่าเทียมกัน การข่มขู่ คุกคาม ไม่สามารถหยุดยั้งให้มีการแสดงออก แต่ทำให้มีการรวมตัวกันเข้มแข็งขึ้น ทุกคนมีความกลัว แต่ขอต่อสู้ยืนยันเจตนาไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาทุกรัฐบาลที่โกงประชาชน
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า ขอประณามผู้ก่อความรุนแรง ยิงระเบิด M79 ใส่บ้านพักปลัด สธ. พวกเราชาวสาธารณสุขไม่มีอาวุธ ไม่เคยคิดทำร้ายใคร มีแต่รักษาผู้เจ็บป่วย ไม่คิดสร้างความรุนแรงใดๆ การที่ปลัดกระทรวงที่เป็นผู้นำสูงสุดในข้าราชการประจำถูกกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการคุกคามชีวิตอย่างรุนแรง ที่ผู้มีหน้าที่ดูแลความสงบต้องรับผิดชอบ รีบติดตามจับผู้ก่อเหตุมารับโทษโดยเร็วรวมทั้งผู้บงการทุกระดับด้วย ขอเรียกร้องข้าราชการทุกหมู่เหล่าให้ร่วมประณาม และต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบร่วมกับพวกเราชาวสาธารณสุข และร่วมปกป้องศักดิ์ศรีของข้าราชการร่วมกัน ไม่ยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลมืด อันธพาลเช่นนี้
*** เครือข่ายแพทย์ เสนอยุบศอ.รส.
ด้านเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ออกแถลงการณ์ระบุกรณีคนร้ายยิงระเบิดใส่บ้านปลัด สธ. เป็นการก่อความรุนแรงต่อข้าราชการระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสถานพยาบาล องค์กรอิสระ ซึ่งยังจับผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ได้แม้แต่รายเดียว สะท้อนความสามารถการรักษาความสงบของรัฐบาล บ่งบอกว่าสังคมไทยไร้ความปลอดภัย ยิ่งรัฐบาลปล่อยให้มีการข่มขู่ คุกคามและใช้ความรุนแรงต่อคนเห็นต่าง โดยจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ ยิ่งทำให้เกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การใช้กฎหมายพิเศษเพิ่มอำนาจให้ ศอ.รส. แต่กลับไม่สามารถจัดการกับอาชญากรรมได้ การคงอยู่ของ ศอ.รส.จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบสุข รัฐบาลควรพิจารณายุบ ศอ.รส.และ กอ.รมน.ทำงานตามกลไกปกติจะเหมาะสมกว่า
เครือข่ายฯเห็นว่า ความขัดแย้งทางความคิดควรได้รับการจัดการด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การคุกคามด้วยความรุนแรงและการข่มขู่ ในลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราขอยืนยันในการปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชนทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยจะยึดหลักความถูกต้อง คุณธรรม จริยธรรมและผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ.นัดรวมพล เพื่อให้กำลังใจปลัด สธ.ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดสธ.เวลา 10.00 น. วันที่ 22 เมษายน 2557
วานนี้ (21 เม.ย.) พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น. 2 พร้อมด้วยพล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.กองพลาธิการและสรรพาวุธสำนักงานส่ง กำลังบำรุง สตช. พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาลัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.อ.กำธรอุ่ย เจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของ นพ.ณรงค์สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 12/100 ถ.แจ้งวัฒนะ 14 แยกย่อย ถ.เกษตร ซอยเกษตร4 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กทม. ซึ่งเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิด เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่เดียวกันจำนวน 3 หลัง มีรั้วรอบ ขอบชิด จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังแรกเลขที่12/100 ห่างจากปากซอยประมาณ 50 เมตร บริเวณกำแพงบ้านฝั่งทิศเหนือมีร่องรอยถูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรยิงจาก เครื่องยิงเอ็ม 79 เป็นรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว มีร่องรอยสะเก็ดระเบิด โดยรอบ ด้านในรั้วบ้านมีรถยนต์เก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิคทะเบียน ฎจ 122 กทม. ได้รับ ความเสียหายเล็กน้อยที่ตัวรถฝั่งขวา เป็นรอยบุบเล็กน้อยจากเศษปูนของกำแพงที่ โดนระเบิดกระเด็นมากระทบมีเศษและสะเก็ดระเบิดรวมทั้งเศษปูนเกลื่อนพื้นเจ้า หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดของลูก ระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรที่ยิงจากเครื่องยิงเอ็ม 79 เป็นหัวระเบิดแบบธรรมดา ซึ่ง ร่องรอยที่เกิดขึ้นที่กำแพงนั้นเป็นการยิงวิถีตรงขนานกับพื้น ไม่ได้ยิงแบบวิถีโค้ง ระยะการยิงประมาณ 50 เมตร จากการวัดระยะก็จะอยู่ช่วงปากซอยเข้าบ้านพอดี
พล.ต.ต.สุรนิตย์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เก็บ หลักฐานไปเบื้องต้นแล้ว และช่วงสายวันที่ 21 เมษายน เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีและ พฐ. ได้เข้าตรวจเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดรวมทั้งวัดระยะและวิถีการยิง ซึ่ง แน่ชัดแล้วว่าเป็นการยิงวิถีตรงจากทางปากซอยเข้ามาใส่กำแพงบ้าน โดยทาง พล.ต.อ.อดุลย์แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และสั่งกำชับให้ละเอี ยดรอบคอบในการสืบสวนทำคดี คลี่คลายคดีให้ได้ จากการประเมินที่เกิดเหตุคนร้ายน่าจะข่มขู่จากผู้ ไม่หวังดี หรืออาจจะเป็นฝีมือของบุคคลที่3 เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ มีความเห็นต่าง เพราะเจตนายิงเข้าใส่กำแพงบ้านวิถีตรง หากต้องการยิงใส่ตัวบ้านก็ สามารถทำได้เนื่องจากจุดยิงนั้นสามารถมองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สน.ทุ่งสองห้องจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ให้มาก ขึ้น ขณะเดียวกันก็สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามทาง เข้าออกโดยรอบพื้นที่ทุกจุด ซึ่งจุดเกิดเหตุสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง
โดยน้องสาวของน.พ.ณรงค์บอกว่าได้ยินเสียง ระเบิดดังสั่นขึ้นตอน 5 ทุ่มตรง หลังเกิดเหตุยังไม่ได้ออกมาดูโดยทันทีเพราะพากัน ไปดูกล้องวงจรปิดของบ้านก่อน ก็พบเป็นแสงระเบิดที่กำแพงเท่านั้น กระทั่งเจ้าหน้า ที่ทหารเดินทางมาดูคนในบ้านจึงออกมาจากบ้านก็พบว่ารถยนต์ที่จอดอยู่เสียหาย เป็นรอยบุบเล็กน้อย อย่างไรก็ตามทุกคนในบ้านไม่ได้หวั่นไหวหรือหวาดกลัวกับเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนยังมีกำลังใจเป็นปกติดี แต่คงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
***"บิ๊กอู๋" ตั้งรองเอกคุมคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันนี้ (21เม.ย. ) เวลา ประมาณ 00.20 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงลูกระเบิด M 79 ตกบริเวณ บ้านของ นางอมร สหเมธาพัฒน์ อายุ 46 ปี พี่สาวนายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย่านถนนแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของตำรวจและเจ้าหน้าที่ชุด EOD เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ายิงมาจากทิศทางใด โดยแรงระเบิดทำให้กำแพงรั้วบ้าน และรถยนต์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ไม่พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มีความห่วงใยในสถานการณ์ จึงได้มีการสั่งการกำชับในที่ประชุม ศปก.ตร. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเร่งรัดสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นคณะทำงาน เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
***ข้าราชการสธ.ประณามการคุกคาม
ด้านนพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนและคนในบ้านปลอดภัยดี ขณะนี้ยังปฏิบัติงานราชการตามปกติ โดยลงพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในการออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางพื้นที่ อ.หัวหิน ส่วนจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาดูแลหรือไม่ ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ. รวมถึง สมาคมข้าราชการพลเรือนมีความเป็นห่วงต่อ นพ.ณรงค์ และครอบครัวได้ส่งกำลังใจมาให้ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ การข่มขู่คุกคามต่อข้าราชการระดับสูง ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทยที่มีความศิวิไลซ์ ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลหลายกลุ่ม ควรดำเนินการมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยในการดูแลความปลอดภัยรวมถึงเจ้าหน้าที่สธ.ในระดับต่างๆด้วยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
***ยกระดับดูแลความปลอดภัย
นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สธ. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบบริเวณบ้านปลัด สธ.เพื่อประเมินว่ามีพื้นที่ใดที่รกร้างบดบังการมองเห็น รวมถึงแจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้ามาตรวจตราอย่างละเอียดมากขึ้น เนื่องจากเป็นบ้านของข้าราชการคนสำคัญและผู้บริหารสูงสุดของกระทรวง ซึ่งจะเท่ากับเป็นการดูแลความปลอดภัยของคนอื่นภายในหมู่บ้านเดียวกันไปในตัวด้วย ส่วนของมาตรการดูแลความปลอดภัยใน สธ. ได้มีการยกระดับโดยภายหลังเวลา 19.00 น.จะเปิดประตูเข้ากระทรวงเพียงประตูเดียว ตรวจตรารถทุกคัน และดูบัตรประชาชนทุกคน พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สธ. รปภ. และแม่บ้านให้สอดส่องดูวัตถุแปลกปลอมและคนแปลกหน้า นอกจากนี้ ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสธ. เพิ่มอีก 20 จุด สำหรับวันที่ 22 เม.ย. ที่คน สธ.นัดรวมพล เพื่อให้กำลังใจปลัดสธ. เห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะเวลาเช่นนี้ พี่น้อง สธ.ควรดูแลและให้กำลังใจกันและกัน แต่ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
***แพทย์อาสาลั่นยืนเคียงข้างปลัดฯ
ด้าน นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผู้ประสานงานเครือข่ายแพทย์พยาบาลอาสาผู้ช่วยเหลือประชาชน ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า เป็นผลจากการออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การรณรงค์ประณามความรุนแรง ไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกงทุกรัฐบาล จนเกิดปรากฏการณ์คุกคามบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยอาวุธสงครามมากที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา อย่างไรก็ตาม เครือข่ายฯพร้อมที่จะยืนเคียงข้าง ปลัด สธ. อยู่ข้างความถูกต้อง และไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด ชาวสาธารณสุขพร้อมที่จะดูแลประชาชนทุกหมู่เหล่าเท่าเทียมกัน การข่มขู่ คุกคาม ไม่สามารถหยุดยั้งให้มีการแสดงออก แต่ทำให้มีการรวมตัวกันเข้มแข็งขึ้น ทุกคนมีความกลัว แต่ขอต่อสู้ยืนยันเจตนาไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาทุกรัฐบาลที่โกงประชาชน
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า ขอประณามผู้ก่อความรุนแรง ยิงระเบิด M79 ใส่บ้านพักปลัด สธ. พวกเราชาวสาธารณสุขไม่มีอาวุธ ไม่เคยคิดทำร้ายใคร มีแต่รักษาผู้เจ็บป่วย ไม่คิดสร้างความรุนแรงใดๆ การที่ปลัดกระทรวงที่เป็นผู้นำสูงสุดในข้าราชการประจำถูกกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการคุกคามชีวิตอย่างรุนแรง ที่ผู้มีหน้าที่ดูแลความสงบต้องรับผิดชอบ รีบติดตามจับผู้ก่อเหตุมารับโทษโดยเร็วรวมทั้งผู้บงการทุกระดับด้วย ขอเรียกร้องข้าราชการทุกหมู่เหล่าให้ร่วมประณาม และต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบร่วมกับพวกเราชาวสาธารณสุข และร่วมปกป้องศักดิ์ศรีของข้าราชการร่วมกัน ไม่ยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลมืด อันธพาลเช่นนี้
*** เครือข่ายแพทย์ เสนอยุบศอ.รส.
ด้านเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ออกแถลงการณ์ระบุกรณีคนร้ายยิงระเบิดใส่บ้านปลัด สธ. เป็นการก่อความรุนแรงต่อข้าราชการระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสถานพยาบาล องค์กรอิสระ ซึ่งยังจับผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ได้แม้แต่รายเดียว สะท้อนความสามารถการรักษาความสงบของรัฐบาล บ่งบอกว่าสังคมไทยไร้ความปลอดภัย ยิ่งรัฐบาลปล่อยให้มีการข่มขู่ คุกคามและใช้ความรุนแรงต่อคนเห็นต่าง โดยจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ ยิ่งทำให้เกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การใช้กฎหมายพิเศษเพิ่มอำนาจให้ ศอ.รส. แต่กลับไม่สามารถจัดการกับอาชญากรรมได้ การคงอยู่ของ ศอ.รส.จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบสุข รัฐบาลควรพิจารณายุบ ศอ.รส.และ กอ.รมน.ทำงานตามกลไกปกติจะเหมาะสมกว่า
เครือข่ายฯเห็นว่า ความขัดแย้งทางความคิดควรได้รับการจัดการด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การคุกคามด้วยความรุนแรงและการข่มขู่ ในลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราขอยืนยันในการปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชนทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยจะยึดหลักความถูกต้อง คุณธรรม จริยธรรมและผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ.นัดรวมพล เพื่อให้กำลังใจปลัด สธ.ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดสธ.เวลา 10.00 น. วันที่ 22 เมษายน 2557