**ปากดีไม่เลิก แม้จะโดนต้อนใกล้ลงโลงแล้วก็ตาม น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ล่าสุดบินมาโฉบใกล้ประเทศไทยระหว่าง ฮ่องกง ปักกิ่ง และสิงคโปร์ เพื่อให้สมุน ขี้ข้า ลิ่วล้อ ได้เข้าไปกราบรดน้ำดำหัว ขณะเดียวกัน ก็เคาะกบาลตรวจการบ้าน ประเมินสถานการณ์ในช่วงมะม่วงใกล้หล่นจากขั้ว
แล้วเป็นอะไรที่ตรงเผงกับปฏิกิริยาที่ออกมาหลังเรียกขี้ข้าไปตรวจแถว ที่ ฮ่องกง ข่าวปล่อย ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวหยั่งกระแส ถูกโยนมาสารพัด ตามยุทธศาสตร์ที่ได้มีการหารือกันมาแล้ว
เริ่มตั้งแต่ตัวพ่ออย่าง น.ช.ทักษิณ ที่งวดนี้ออกโรงเอง หลังตายซากหายจากหน้าจอไปนาน เพราะกลัวผลกระทบเกิดขึ้นกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวในไส้ มาอีหรอบนี้ ปั้นหน้าแหกปากเรียกบทดราม่า บางลีลามีส่งสัญญาณขู่ศัตรู เป็นนัยด้วย
**แต่ยังไม่ทิ้งสันดานเดิมๆ คือ ทำร้ายประเทศตัวเอง กับคิวหลอกด่าองค์กรอิสระ ว่ากฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ระวังประเทศชาติจะวุ่นวายด้วย
ตามกำพืดนิสัยนักโทษชายแต่ไหนแต่ไร การออกมาขับเคลื่อนอะไรย่อมมีนัยสำคัญเสมอ โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่มะม่วงใกล้หล่น ตามสัญญาณที่แปรรหัสทักษิณได้ ทั้งส่งซิก ทั้งต่อรอง และท้ารบ ทำได้ทุกอย่าง เอาทุกทางที่จะให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย
โดยเฉพาะช็อตที่ให้สมุนอย่าง ชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม ออกมาโยนแนวทางตาม มาตรา 7 หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพจากความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้ทูลเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมีพระบรมราชวินิจฉัย
เรียกว่าตวัดมุม 360 องศา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะตะแบงมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 7 แต่นาทีนี้ กลับเออออห่อหมกเห็นด้วยเสียแบบดื้อๆ แต่ก็ยังเล่นแง่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเสียทั้งหมด
**เพราะคนอย่าง น.ช.ทักษิณ ติดสันดานนักธุรกิจ คือ ต่อรอง และต้องเป็นคนกำหนดเกมเอง
**คิวนี้หลายฝ่ายรู้แกว น.ช.ทักษิณ ว่าจงใจยื่นเงื่อนไขเปิดทางเจรจาคนละครึ่งทาง โดยการโยนข้อเสนอออกมาหยั่งเชิงฝั่งตรงข้าม ในทำนองว่า ยอมให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางตามมาตรา 7 แต่ต้องเป็นคนที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้หรือ วิน–วิน กันนั่นเอง จะไม่ยอมให้เสียอำนาจแบบหมดตัว
ต้องมีแต้มต่อบ้าง !!
โดยเฉพาะชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลาง จะต้องเป็นตัวเองที่มีส่วนในการเสนอชื่อด้วย และมีส่วนร่วมในการตัดสิน
ทว่าหากโต๊ะเจรจาล้มเหลว “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และทีมงาน ปัดข้อเสนอทิ้ง เพื่อเดินหน้าปฏิรูปแบบสุดซอย น.ช.ทักษิณ ก็พร้อมจะปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ เปิดศึกสงครามการเมืองกับฝั่งตรงข้ามแบบไม่ลดราวาศอก ตามสัญชาตญาณหมาจนตรอก ที่สู้ขาดใจ
เพราะเหมือนก็รู้อยู่แล้วว่า “กำนันเทือก”นั้นยากที่จะตกลงปลงใจยอมจบแบบ วิน–วิน ตามข้อเสนอของตัวเอง เพราะสู้มาจนถึงขนาดนี้ ลงทุนลงแรงแบบหมดหน้าตัก คงไม่ยอมกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ เพื่อเริ่มต้นใหม่ให้เสียของ
แต่ที่ต้องหยั่งเชิง ส่งสัญญาณเจรจา ก็เพื่อหวังฟลุ๊กจะได้อยู่ประคองอำนาจแบบเหลือรากเหลือโคน มาคิดบัญชีเอาคืนในวันหน้า
โดยในระหว่างนี้ที่พักรบชั่วคราวเพื่อรอวันมะม่วงหล่น น.ช.ทักษิณ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ได้ซ่องสุมกำลังพล วางยุทธศาสตร์ต่อสู้แตกหักเอาไว้ ไม่ได้ดูอ่อนเอนลง ตามคิวที่สำรอกเปรียบเปรยสงครามการเมืองในประเทศรวันดา มาขู่เรียกน้ำย่อยกับสถานการณ์ในประเทศไทย
**กับจุดเริ่มต้นของสงครามการเมืองในประเทศรวันดา ที่เกิดจากดีเจสองคน ทำหน้าที่ปลุกระดม จนประชาชนเข่นฆ่ากันหลายศพ เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เรื่องของเรื่องเพราะ น.ช.ทักษิณ กำลังจะบอกประเทศไทยว่า หากจะปลุกระดมให้คนออกมานั้นง่ายนิดเดียว แล้วทำได้เหมือนรวันดา เสียด้วย
หากเลือดเข้าตา ก็พร้อมจะทำ !!
เป็นการตีธงขู่ฟ่อว่า พร้อมจะแตกหันแบบสะบั่นหั่นแหลกให้รู้ดำรู้แดงไปเลย หากฝ่ายตรงข้ามจะเอากันให้ถึงขั้นถอนรากถอนโคน
วันนี้ น.ช.ทักษิณ เล่นบทตีสองหน้า เหยียบเรือสองแคม ทางหนึ่งเปิดศึก ทางหนึ่งก่อนจะรบ ก็สวมบทเจรจาไปในตัว ถ้าไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ปิดดีลกันเลย โดยใช้วิธีเอาคนมาตาย
ตามสันดานหยาบที่เคยทำมาแล้ว สมัยหลอกให้คนเสื้อแดง ออกมาสู้เมื่อเหตุการณ์ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 แล้วเหยียบศพคนตาย 98 ศพ ขึ้นไปเถลิงอำนาจ กินดีอยู่ดีบนอำนาจบริหาร ขณะเดียวกัน ก็เอาเงินฟาดหัวเป็นการปิดปาก
บทเรียนเอาคนมาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด มีมาแล้วทนโท่ ตามนิสัยไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ หากจะทำซะอีกรอบ ย่อมเป็นไปได้เสมอ
พร้อมกันในช่วงก่อนจนตรอก ยังหลิ่วตาส่งซิกให้น้องสาวในไส้ ปรับโหมดจากกรรเชียงมาสู้แบบเลือดเข้าตา ด้วยการดิสเครดิตองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทบจะทุกวัน ขณะเดียวกัน ก็เล่นบท ดราม่า ร้องแรกแหกกระเชอว่า ถูกรังแก เพื่อโหยหาให้คนเสื้อแดงเห็นอกเห็นใจ ออกมาช่วยกันปกป้องระบอบประชาธิปไตย
**ทั้งพี่ทั้งน้องตระกูลชินวัตร แพ็กกันเปิดศึกกับฝั่งตรงข้าม ฉายภาพให้เห็นว่า พร้อมตายคาเก้าอี้
แต่แผนชั่วจะสำเร็จหรือไม่ จะมีคนยอมพลีกายออกมาตายเพื่อ น.ช.ทักษิณ และว่าที่ น.ญ.ยิ่งลักษณ์ อีกรอบหรือไม่ ยังไม่ชัวร์ เพราะจากการระดมพลใหญ่ที่ถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล เมื่อครั้งที่ผ่านมา ไพร่พลเสื้อแดงอ่อนล้าอ่อนแรงลงไปเยอะ ไม่ดุดัน หวังจะให้มาพรึบพรับเหมือนปี 2553 ไม่มีทาง ปิดประตูใส่หน้าไปเลย
ทว่าหากจะขนมวลชนออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วหวังพึ่งบริการ “กองกำลังชุดดำ” เข้ามาเร้าสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย จนกลายเป็นสงครามการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เพราะคนอย่าง น.ช.ทักษิณ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ยกเว้นยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่สะกดไม่เป็น
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์วันนี้กับปี 2553 มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่จะลงมือกันง่ายๆ หนำซ้ำการแตกหักแบบเอาคนมาตาย ยังสุ่มเสี่ยงกับน้องสาวในไส้ตัวเอง เพราะหากเกิดกลียุค คนที่มีส่วนได้เสียจะต้องรับผิดชอบก็คือ ยิ่งลักษณ์ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากเดิมที่หากยอมรับกระบวนการยุติธรรม แพ้กันตามแง่กฎหมายก็ยังพออยู่หายใจในประเทศนี้ต่อไปได้ แต่หากจะเลือดเข้าตา พาคนมาตาย โอกาสได้จองตั๋วเครื่องบินไปอยู่กับพี่ชายที่ดูไบ มีสูงลิ่ว
**ไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่ !!!
แล้วเป็นอะไรที่ตรงเผงกับปฏิกิริยาที่ออกมาหลังเรียกขี้ข้าไปตรวจแถว ที่ ฮ่องกง ข่าวปล่อย ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวหยั่งกระแส ถูกโยนมาสารพัด ตามยุทธศาสตร์ที่ได้มีการหารือกันมาแล้ว
เริ่มตั้งแต่ตัวพ่ออย่าง น.ช.ทักษิณ ที่งวดนี้ออกโรงเอง หลังตายซากหายจากหน้าจอไปนาน เพราะกลัวผลกระทบเกิดขึ้นกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวในไส้ มาอีหรอบนี้ ปั้นหน้าแหกปากเรียกบทดราม่า บางลีลามีส่งสัญญาณขู่ศัตรู เป็นนัยด้วย
**แต่ยังไม่ทิ้งสันดานเดิมๆ คือ ทำร้ายประเทศตัวเอง กับคิวหลอกด่าองค์กรอิสระ ว่ากฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ระวังประเทศชาติจะวุ่นวายด้วย
ตามกำพืดนิสัยนักโทษชายแต่ไหนแต่ไร การออกมาขับเคลื่อนอะไรย่อมมีนัยสำคัญเสมอ โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่มะม่วงใกล้หล่น ตามสัญญาณที่แปรรหัสทักษิณได้ ทั้งส่งซิก ทั้งต่อรอง และท้ารบ ทำได้ทุกอย่าง เอาทุกทางที่จะให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย
โดยเฉพาะช็อตที่ให้สมุนอย่าง ชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม ออกมาโยนแนวทางตาม มาตรา 7 หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพจากความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้ทูลเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมีพระบรมราชวินิจฉัย
เรียกว่าตวัดมุม 360 องศา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะตะแบงมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 7 แต่นาทีนี้ กลับเออออห่อหมกเห็นด้วยเสียแบบดื้อๆ แต่ก็ยังเล่นแง่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเสียทั้งหมด
**เพราะคนอย่าง น.ช.ทักษิณ ติดสันดานนักธุรกิจ คือ ต่อรอง และต้องเป็นคนกำหนดเกมเอง
**คิวนี้หลายฝ่ายรู้แกว น.ช.ทักษิณ ว่าจงใจยื่นเงื่อนไขเปิดทางเจรจาคนละครึ่งทาง โดยการโยนข้อเสนอออกมาหยั่งเชิงฝั่งตรงข้าม ในทำนองว่า ยอมให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางตามมาตรา 7 แต่ต้องเป็นคนที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้หรือ วิน–วิน กันนั่นเอง จะไม่ยอมให้เสียอำนาจแบบหมดตัว
ต้องมีแต้มต่อบ้าง !!
โดยเฉพาะชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลาง จะต้องเป็นตัวเองที่มีส่วนในการเสนอชื่อด้วย และมีส่วนร่วมในการตัดสิน
ทว่าหากโต๊ะเจรจาล้มเหลว “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และทีมงาน ปัดข้อเสนอทิ้ง เพื่อเดินหน้าปฏิรูปแบบสุดซอย น.ช.ทักษิณ ก็พร้อมจะปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ เปิดศึกสงครามการเมืองกับฝั่งตรงข้ามแบบไม่ลดราวาศอก ตามสัญชาตญาณหมาจนตรอก ที่สู้ขาดใจ
เพราะเหมือนก็รู้อยู่แล้วว่า “กำนันเทือก”นั้นยากที่จะตกลงปลงใจยอมจบแบบ วิน–วิน ตามข้อเสนอของตัวเอง เพราะสู้มาจนถึงขนาดนี้ ลงทุนลงแรงแบบหมดหน้าตัก คงไม่ยอมกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ เพื่อเริ่มต้นใหม่ให้เสียของ
แต่ที่ต้องหยั่งเชิง ส่งสัญญาณเจรจา ก็เพื่อหวังฟลุ๊กจะได้อยู่ประคองอำนาจแบบเหลือรากเหลือโคน มาคิดบัญชีเอาคืนในวันหน้า
โดยในระหว่างนี้ที่พักรบชั่วคราวเพื่อรอวันมะม่วงหล่น น.ช.ทักษิณ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ได้ซ่องสุมกำลังพล วางยุทธศาสตร์ต่อสู้แตกหักเอาไว้ ไม่ได้ดูอ่อนเอนลง ตามคิวที่สำรอกเปรียบเปรยสงครามการเมืองในประเทศรวันดา มาขู่เรียกน้ำย่อยกับสถานการณ์ในประเทศไทย
**กับจุดเริ่มต้นของสงครามการเมืองในประเทศรวันดา ที่เกิดจากดีเจสองคน ทำหน้าที่ปลุกระดม จนประชาชนเข่นฆ่ากันหลายศพ เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เรื่องของเรื่องเพราะ น.ช.ทักษิณ กำลังจะบอกประเทศไทยว่า หากจะปลุกระดมให้คนออกมานั้นง่ายนิดเดียว แล้วทำได้เหมือนรวันดา เสียด้วย
หากเลือดเข้าตา ก็พร้อมจะทำ !!
เป็นการตีธงขู่ฟ่อว่า พร้อมจะแตกหันแบบสะบั่นหั่นแหลกให้รู้ดำรู้แดงไปเลย หากฝ่ายตรงข้ามจะเอากันให้ถึงขั้นถอนรากถอนโคน
วันนี้ น.ช.ทักษิณ เล่นบทตีสองหน้า เหยียบเรือสองแคม ทางหนึ่งเปิดศึก ทางหนึ่งก่อนจะรบ ก็สวมบทเจรจาไปในตัว ถ้าไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ปิดดีลกันเลย โดยใช้วิธีเอาคนมาตาย
ตามสันดานหยาบที่เคยทำมาแล้ว สมัยหลอกให้คนเสื้อแดง ออกมาสู้เมื่อเหตุการณ์ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 แล้วเหยียบศพคนตาย 98 ศพ ขึ้นไปเถลิงอำนาจ กินดีอยู่ดีบนอำนาจบริหาร ขณะเดียวกัน ก็เอาเงินฟาดหัวเป็นการปิดปาก
บทเรียนเอาคนมาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด มีมาแล้วทนโท่ ตามนิสัยไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ หากจะทำซะอีกรอบ ย่อมเป็นไปได้เสมอ
พร้อมกันในช่วงก่อนจนตรอก ยังหลิ่วตาส่งซิกให้น้องสาวในไส้ ปรับโหมดจากกรรเชียงมาสู้แบบเลือดเข้าตา ด้วยการดิสเครดิตองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทบจะทุกวัน ขณะเดียวกัน ก็เล่นบท ดราม่า ร้องแรกแหกกระเชอว่า ถูกรังแก เพื่อโหยหาให้คนเสื้อแดงเห็นอกเห็นใจ ออกมาช่วยกันปกป้องระบอบประชาธิปไตย
**ทั้งพี่ทั้งน้องตระกูลชินวัตร แพ็กกันเปิดศึกกับฝั่งตรงข้าม ฉายภาพให้เห็นว่า พร้อมตายคาเก้าอี้
แต่แผนชั่วจะสำเร็จหรือไม่ จะมีคนยอมพลีกายออกมาตายเพื่อ น.ช.ทักษิณ และว่าที่ น.ญ.ยิ่งลักษณ์ อีกรอบหรือไม่ ยังไม่ชัวร์ เพราะจากการระดมพลใหญ่ที่ถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล เมื่อครั้งที่ผ่านมา ไพร่พลเสื้อแดงอ่อนล้าอ่อนแรงลงไปเยอะ ไม่ดุดัน หวังจะให้มาพรึบพรับเหมือนปี 2553 ไม่มีทาง ปิดประตูใส่หน้าไปเลย
ทว่าหากจะขนมวลชนออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วหวังพึ่งบริการ “กองกำลังชุดดำ” เข้ามาเร้าสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย จนกลายเป็นสงครามการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เพราะคนอย่าง น.ช.ทักษิณ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ยกเว้นยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่สะกดไม่เป็น
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์วันนี้กับปี 2553 มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่จะลงมือกันง่ายๆ หนำซ้ำการแตกหักแบบเอาคนมาตาย ยังสุ่มเสี่ยงกับน้องสาวในไส้ตัวเอง เพราะหากเกิดกลียุค คนที่มีส่วนได้เสียจะต้องรับผิดชอบก็คือ ยิ่งลักษณ์ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากเดิมที่หากยอมรับกระบวนการยุติธรรม แพ้กันตามแง่กฎหมายก็ยังพออยู่หายใจในประเทศนี้ต่อไปได้ แต่หากจะเลือดเข้าตา พาคนมาตาย โอกาสได้จองตั๋วเครื่องบินไปอยู่กับพี่ชายที่ดูไบ มีสูงลิ่ว
**ไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่ !!!