ASTV ผู้จัดการรายวัน - ไตรมาสแรกปี57 หุ้นไทยบวกเพิ่ม 5.97% แต่วอลุ่มเทรดวูบ 10% พบสัญญาณดีต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน แสดงความมั่นใจผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย แต่ยกการปรับลดขนาดมาตรการQE และการเมืองในประเทศ ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น ล่าสุดดัชนีบวกเพิ่ม 7 จุด โบรกฯมองแนวต้านสำคัญ 1,400 จุด หากไม่ผ่านควรทำกำไร
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/57 ปรับบวก 5.97% จากสิ้นปี 2556 โดยมีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์สุทธิเฉลี่ยต่อวันที่ 30,814 ล้านบาท ลดลง 10.92% จากไตรมาสก่อน โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 628 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับเข้ามาซื้อสุทธิในเดือนมีนาคมกว่า 440 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เริ่มผ่อนคลายลง และ ปัญหาความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองในประเทศที่สร้างความกดดันต่อตลาดทุนเริ่มมีความผ่อนคลายลงอย่างชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่สูงกว่า MSCI Emerging market index และ MSCI World Index โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2557 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ค่า Forward P/E มีนาคม 2557 ของตลาดหุ้นไทย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 13.12 เท่า แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ของ mai เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 15.87 เท่า
ในส่วนของผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET และ mai ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 3.13%และ 1.83% ตามลําดับ โดยในไตรมาส 1/2557 นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET10 เพิ่มขึ้น ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET และ mai ในเดือนมีนาคม 2557 ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนยู่ที่ 12.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.87% ขณะที่ของ mai อยู่ที่ 177,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.37%
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิราว 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อได้ว่าในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ภาวะการซื้อขายน่าจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ พบว่ามีการเข้าซื้อหุ้นขนาดกลางในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ใน SET 100 มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้
แต่ปัจจัยความเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงให้น้ำหนักไปที่การลดขนาดมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้การไหลเข้าออกของเงินยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง ส่วนปัจจัยความเสี่ยงเรื่องการเมืองในประเทศ เชื่อว่ามีโอกาสที่จะไม่สามารถมีรัฐบาลถาวรได้ในครึ่งปีแรก แต่ตลาดได้มีการรับข่าวและสะท้อนจากดัชนีไปก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศมากนัก
หุ้นไทยปิดตลาดบวก 7 จุด
สำหรับปิดตลาดหุ้นไทย วานนี้ 10 เม.ย. ดัชนีอยู่ที่ 1,389.56 จุด เพิ่มขึ้น 7.54 จุด มูลค่าการซี้อขาย 25,063.67 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +0.55% โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,389.78 จุด และต่ำสุดที่ 1,380.19 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรพัย์ บล.ซีไอเอ็มบี สรุปภาพความเคลื่อนไหว SET lndex ทั้งวันปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,386.58 จุด แต่ไม่ผ่านจึงทิ้งตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,380 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันนี้(11เม.ย.) ว่า ดัชนีมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงหลุดแนวรับ 1,378 จุดลงไป จึงแนะนำหากดัชนียังคงขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญให้ขายทำกำไร และมารอรับที่ 1,360 จุด
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังวันหยุดยาว 4 วันว่า ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศจะกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุน และหากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในครึ่งปีแรก จะกดดันให้เศรษฐกิจฟุบ และหากลากยาวถึงครึ่งปีหลัง จีดีพีอาจติดลบ 1% ส่งผลให้ต่างชาติย้ายฐานหนี
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีว่า SET มีแนวโน้มขึ้นไปทดสอบ 1,370-1,380 จุด เป้าหมายต่อไปที่ 1,430-1,450 จุด ระยะสั้นแนะซื้อเก็งกำไร ระยะกลางถึงยาว แนะให้ถือต่อ และซื้อเพิ่มช่วงอ่อนตัว เลือกลงทุนหุ้นรายตัวจากอุตสาหกรรมเด่น เช่น STEC, SPALI, INTUCH, JAS, KTB และ CKP
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/57 ปรับบวก 5.97% จากสิ้นปี 2556 โดยมีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์สุทธิเฉลี่ยต่อวันที่ 30,814 ล้านบาท ลดลง 10.92% จากไตรมาสก่อน โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 628 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับเข้ามาซื้อสุทธิในเดือนมีนาคมกว่า 440 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เริ่มผ่อนคลายลง และ ปัญหาความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองในประเทศที่สร้างความกดดันต่อตลาดทุนเริ่มมีความผ่อนคลายลงอย่างชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่สูงกว่า MSCI Emerging market index และ MSCI World Index โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2557 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ค่า Forward P/E มีนาคม 2557 ของตลาดหุ้นไทย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 13.12 เท่า แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ของ mai เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 15.87 เท่า
ในส่วนของผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET และ mai ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 3.13%และ 1.83% ตามลําดับ โดยในไตรมาส 1/2557 นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET10 เพิ่มขึ้น ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET และ mai ในเดือนมีนาคม 2557 ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนยู่ที่ 12.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.87% ขณะที่ของ mai อยู่ที่ 177,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.37%
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิราว 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อได้ว่าในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ภาวะการซื้อขายน่าจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ พบว่ามีการเข้าซื้อหุ้นขนาดกลางในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ใน SET 100 มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้
แต่ปัจจัยความเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงให้น้ำหนักไปที่การลดขนาดมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้การไหลเข้าออกของเงินยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง ส่วนปัจจัยความเสี่ยงเรื่องการเมืองในประเทศ เชื่อว่ามีโอกาสที่จะไม่สามารถมีรัฐบาลถาวรได้ในครึ่งปีแรก แต่ตลาดได้มีการรับข่าวและสะท้อนจากดัชนีไปก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศมากนัก
หุ้นไทยปิดตลาดบวก 7 จุด
สำหรับปิดตลาดหุ้นไทย วานนี้ 10 เม.ย. ดัชนีอยู่ที่ 1,389.56 จุด เพิ่มขึ้น 7.54 จุด มูลค่าการซี้อขาย 25,063.67 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +0.55% โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,389.78 จุด และต่ำสุดที่ 1,380.19 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรพัย์ บล.ซีไอเอ็มบี สรุปภาพความเคลื่อนไหว SET lndex ทั้งวันปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,386.58 จุด แต่ไม่ผ่านจึงทิ้งตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,380 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันนี้(11เม.ย.) ว่า ดัชนีมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงหลุดแนวรับ 1,378 จุดลงไป จึงแนะนำหากดัชนียังคงขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญให้ขายทำกำไร และมารอรับที่ 1,360 จุด
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังวันหยุดยาว 4 วันว่า ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศจะกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุน และหากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในครึ่งปีแรก จะกดดันให้เศรษฐกิจฟุบ และหากลากยาวถึงครึ่งปีหลัง จีดีพีอาจติดลบ 1% ส่งผลให้ต่างชาติย้ายฐานหนี
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีว่า SET มีแนวโน้มขึ้นไปทดสอบ 1,370-1,380 จุด เป้าหมายต่อไปที่ 1,430-1,450 จุด ระยะสั้นแนะซื้อเก็งกำไร ระยะกลางถึงยาว แนะให้ถือต่อ และซื้อเพิ่มช่วงอ่อนตัว เลือกลงทุนหุ้นรายตัวจากอุตสาหกรรมเด่น เช่น STEC, SPALI, INTUCH, JAS, KTB และ CKP