พิษเศรษฐกิจหดตัว กรมสรรพากรเผยยอดจัดเก็ยรายได้ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 ต่ำกว่าเป้า 2.3 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้า เครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์ลดลง ขณะที่ภาษีบุคคลธรรมดามีผู้ยื่นแบบกว่า 10 ล้านราย ขอคืนภาษี 2.4 หมื่นล้านบาท
นายสิทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 จัดเก็บได้ 705,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 729,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 23,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3% สาเหตุหลักมาจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้า เครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์ลดลงถึง 18,000 ล้านบาท
ผลการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีประจำปี 56 โดยกรมสรรพากรยืดเวลาให้จนครบกำหนดในวันที่ 8 เม.ย.57 โดยมีประชาชนยื่นแบบเสียภาษีทั้งหมด 10 ล้านฉบับ สูงกว่าปีที่ผ่านมา จำนวน 4 แสนราย โดยเป็นการยื่นแบบผ่านอินเตอร์เน็ต 7.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11% การยื่นแบบเสียภาษีดังกล่าว มีประชาชนต้องจ่ายภาษีเพิ่มจากยอดยื่นแบบวงเงิน 14,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ต้องเสียเพิ่มวงเงิน 18,000 ล้านบาท
สำหรับการยื่นแบบและได้ขอคืนภาษีมีจำนวน 3.3 ล้านราย เป็นเงิน 24,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดไว้โดยตั้งวงเงินรองรับ 50,000 ล้านบาท โดยการขอคืนภาษีต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากรายได้ผู้เสียภาษีอาจสูงขึ้นจึงไม่ได้ขอคืน การได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีประเภทต่างๆ อาจหมดไป เช่น การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF หรืออาจไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนครบตามที่รัฐบาลได้ให้ไว้ สำหรับผู้ได้ยื่นแบบแล้วรอการคืนเงินภาษีนั้น หลังจากครบกำหนดยื่นแบบไปแล้ว กรมสรรพากรจะสุ่มตรวจเพียง 15% ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน คาดว่าจะส่งเช็คเพื่อคืนเงินภาษีได้หมดในสิ้นเดือนมิถุนายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมสรรพากรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรเตรียมพร้อมจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยการจัดเก็บภาษีต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด ตรวจสอบให้จริงจัง โดยเฉพาะต้องตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทว่าสอดคล้องกับการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของบรรดาเจ้าของบริษัท ผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าเจ้าของ ผู้บริหารและกรรมการบริษัทมีการหลบเลี่ยงเสียภาษีเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการตรวจสอบสามารถย้อนกลับไปถึงการซื้อบ้าน และการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ.
นายสิทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 จัดเก็บได้ 705,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 729,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 23,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3% สาเหตุหลักมาจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้า เครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์ลดลงถึง 18,000 ล้านบาท
ผลการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีประจำปี 56 โดยกรมสรรพากรยืดเวลาให้จนครบกำหนดในวันที่ 8 เม.ย.57 โดยมีประชาชนยื่นแบบเสียภาษีทั้งหมด 10 ล้านฉบับ สูงกว่าปีที่ผ่านมา จำนวน 4 แสนราย โดยเป็นการยื่นแบบผ่านอินเตอร์เน็ต 7.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11% การยื่นแบบเสียภาษีดังกล่าว มีประชาชนต้องจ่ายภาษีเพิ่มจากยอดยื่นแบบวงเงิน 14,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ต้องเสียเพิ่มวงเงิน 18,000 ล้านบาท
สำหรับการยื่นแบบและได้ขอคืนภาษีมีจำนวน 3.3 ล้านราย เป็นเงิน 24,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดไว้โดยตั้งวงเงินรองรับ 50,000 ล้านบาท โดยการขอคืนภาษีต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากรายได้ผู้เสียภาษีอาจสูงขึ้นจึงไม่ได้ขอคืน การได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีประเภทต่างๆ อาจหมดไป เช่น การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF หรืออาจไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนครบตามที่รัฐบาลได้ให้ไว้ สำหรับผู้ได้ยื่นแบบแล้วรอการคืนเงินภาษีนั้น หลังจากครบกำหนดยื่นแบบไปแล้ว กรมสรรพากรจะสุ่มตรวจเพียง 15% ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน คาดว่าจะส่งเช็คเพื่อคืนเงินภาษีได้หมดในสิ้นเดือนมิถุนายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมสรรพากรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรเตรียมพร้อมจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยการจัดเก็บภาษีต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด ตรวจสอบให้จริงจัง โดยเฉพาะต้องตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทว่าสอดคล้องกับการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของบรรดาเจ้าของบริษัท ผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าเจ้าของ ผู้บริหารและกรรมการบริษัทมีการหลบเลี่ยงเสียภาษีเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการตรวจสอบสามารถย้อนกลับไปถึงการซื้อบ้าน และการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ.
