ASTVผู้จัดการรายวัน- “ยิ่งลักษณ์”ส่งทนาย ยื่นคำร้องป.ป.ช. 2 ประเด็น คัดค้าน“วิชา”ร่วมคณะพิจารณาเป็นรอบที่ 3 พร้อมขอเพิ่มพยานอีก 4 ปาก แก้ข้อกล่าวหา "หมอวรงค์" จวก"กิตติรัตน์" เตรียมชิ่งหนีแจงโกงข้าวแนะส่งปลัดคลังไปแทน ป.ป.ช.มีมติให้ “กิตติรัตน์” เลื่อนให้ปากคำปมจำนำข้าวเป็น 18 เม.ย.นี้
วานนี้ (8 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงความคืบหน้า การชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อกล่าวหาละเลยปฏิบัติหน้าที่ โครงการรับจำนำข้าว ว่า ได้มอบหมายให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกเป็นการขอยื่นคัดค้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. เป็นองค์คณะในการพิจารณา ซึ่งยื่นเป็นครั้งที่ 3 หวังว่า คณะกรรมการป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรมในการพิจารณา และยื่นคัดค้านกรณีถูกตัดพยานจาก 11 ปาก เหลือ 3 ปาก จึงขอให้ ป.ป.ช. สืบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก ที่ล้วนอยู่ในระดับปฏิบัติการที่สามารถให้ข้อมูลข้อเท้จจริงได้ โดยหวังว่า คณะกรรมการป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรม ในการให้สืบพยานเพิ่มเติม เพราะตนดูในระดับนโยบาย แต่การกล่าวหานั้น ลงไปในระดับฝ่ายปฏิบัติการ จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ได้มีโอกาสเข้าชี้แจง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญหลัก
นอกจากนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทางป.ป.ช. ได้กล่าวหาตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคยเสนอนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากหน่วยงานไม่มี เราได้รับแต่หนังสือจาก ป.ป.ช. และในส่วนที่เราได้พูดคุยกันคือ มีพี่น้องประชาชน ร้องเรียนในโครงการนี้ แต่ในระดับปฏิบัติงาน ไม่มี อย่างไรก็ตามในข้อมูลลึกๆ ขออนุญาตไปตอบในชั้นการให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.
นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนพยายามเพิ่มเติมอีก 4 ปาก ประกอบด้วย 1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน 2. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. หรือ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 3. นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯ 4.นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทย
** อ้างขาดทุนแค่แสนล้าน-ข้าวไม่หาย
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวในฐานะพยายานให้ปากคำแก้ข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โครงการรับจำนำข้าว ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าได้เตรียมข้อมูลไว้อย่างดีทีสุด หากป.ป.ช. ต้องการข้อมูลด้านใดเพิ่ม หรือจะสอบปากคำกี่ครั้ง เราก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ทั้งนี้จากข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ต้องดูทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน การที่นายกรัฐมนตรี จะยุติโครงการ ต้องเป็นการทำนอกนโยบายรัฐบาล หรือขัดต่อมติครม. และมีความจำเป็นต้องยกเลิกโครงการ จึงจะยกเลิกได้ และถ้าไม่มีหน่วยงานใดมาเสนอให้นายกฯ ในฐานะประธานกขช. ยกเลิกโครงการ อำนาจการยุติโครงการ ก็จะไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมนายกฯ สำรองไว้หรือไม่ หากนายกฯต้องเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เวลานี้เราเตรียมข้อมูลปฏิเสธข้อกล่าวหาต่อป.ป.ช.ไว้ แม้จะเป็นเรื่องข้าวหายจากสต็อก 2 ล้านตัน ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่าไม่ได้หาย แต่เป็นเพราะไม่ได้ลงบัญชี เรื่องนี้เจ้าของสต็อกจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และถือว่าข้าวที่เป็นของราชการไม่หาย ส่วนการขาดทุนตัวเลข อยู่ที่ประมาณแสนล้าน ไม่ใช่ 2 แสนล้านอย่างที่วิพากษ์ วิจารณ์กัน ยืนยันเพราะมีตัวเลขไปชี้แจงกับป.ป.ช. ส่วนการจ่ายเงินให้กับชาวนาล่าช้านั้น เพราะมีวิกฤตทางการเมือง แต่ก็มีการแก้ไขมาเป็นลำดับ และทยอยจ่ายมาบ้างแล้ว ส่วนป.ป.ช.จะชี้มูลเมื่อไร ก็เป็นเรื่องของป.ป.ช. เชื่อว่าจะใช้วิจารณญานด้วยความเป็นธรรม เพราะเรื่องนี้อยู่ในสายตาประชาชนทั่วไป
***จวก “โต้ง” ชิ่งหนีชี้แจง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช.เชิญพยาน 3 ปากของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าให้ปากคำ แต่เริ่มเห็นความบิดพลิ้วของฝ่ายรัฐบาล ในการไม่ให้ความร่วมมือ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ขอเลื่อนการชี้แจง โดยอ้างว่ามีภารกิจประชุมเวิล์ดแบงก์ และ ไอเอ็มเอฟ ทั้งที่ควรให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไป เพราะนายกิตติรัตน์ เป็น รัฐมนตรีรักษาการ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่น่าจะเป็นเจตนาเตะถ่วง เพื่อยืดเวลาคดีมากกว่า จึงเห็นว่าเป็นการเดินทางที่น่าเสียดาย เพราะเป็นการเสียงบประมาณโดยสูญเปล่า จึงคิดว่านายกิตติรัตน์ ควรยกเลิกการเดินทาง และเข้าชี้แจ้งต่อ ป.ป.ช. จะเป็นประโยชน์มากกว่า
อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความสงสัย กรณีที่นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ออกมาระบุว่า มีการยืมเงินคงคลัง 2 หมื่นล้าน มาจ่ายจำนำข้าว ซึ่งจะหาเงินมาคืนจากการระบายข้าว หรือจากการกู้เงิน ภายในวันที่ 31 พ.ค. 57 ตามที่ กกต.กำหนด แสดงให้เห็นว่า มีการโยนหินถามทางว่า รัฐบาลจะไม่สามารถหาเงินมาใช้ในวันที่ 31 พ.ค. 57 ใช่ หรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงพาณิชย์ ว่า จะต้องมีความโปร่งใส ชี้แจงปริมาณข้าวที่ขายในแต่ละครั้งว่า ขายได้เท่าไร ราคาเท่าไร ได้เงินเท่าไร ในทุกครั้งที่มีการประมูล จะได้ประเมินได้ว่า รัฐบาลจะนำเงินมาใช้หนี้เงินคงคลังได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบว่า เหตุใดจึงมีการใช้เงินคงคลัง มาจ่ายจำนำข้าวทั้งที่ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติให้ใช้งบกลาง ตามที่ ครม.ได้เสนอเรื่องไป แต่กลับมาเปลี่ยนแปลงประเภทเงินที่ใช้ จากงบกลาง มาเป็นเงินคงคลัง ซึ่งการใช้เงินคงคลัง จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่า การใช้เงินคงคลังครั้งนี้ ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นการใช้เงินผิดประเภทหรือเปล่า โดย กกต.ควรจะตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีการใช้เงินที่ไม่เป็นไปตามที่ กกต.อนุมัติ อีกทั้งต้องพิจารณาด้วยว่า รัฐบาลรักษาการสามารถใช้เงินคงคลังได้หรือไม่
***ป.ป.ช.ยืด'โต้ง'ให้ปากคำ 18 เม.ย.นี้
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นชอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เลื่อนการให้ปากคำเป็นพยานคดีรับจำนำข้าว ไปเป็นวันที่ 18 เม.ย. เวลา 10.00 น. เนื่องจากนายกิตติรัตน์ติดภารกิจไปประชุมธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตันดี ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย.จึงไม่สามารถมาให้การเป็นพยานต่อป.ป.ช.ได้ ส่วนกรณีทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐนตรี ขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปากนั้น เนื่องจากทีมทนายความเพิ่งยื่นคำร้องมาในวันที่ 8 เม.ย. ทำให้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ไม่ทัน ดังนั้นที่ประชุมป.ป.ช.จึงนัดพิจารณาว่าจะสอบพยานเพิ่ม 4 ปากให้นายกฯหรือไม่ในวันที่ 10 เม.ย.
ส่วนที่ทีมทนายความขอให้ป.ป.ช.ตัดนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ออกจากองค์คณะไต่สวนคดีรับจำนำข้าว เป็นรอบที่สามนั้น ที่ประชุมมีมติให้ยกคำร้อง เนื่องจากกรณีที่นายวิชาไปปาฐกถาพูดเรื่องจำนำข้าวไม่เข้าข่ายเป็นเหตุให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นญาติพี่น้อง หรือโกรธเคืองส่วนตัวกับผู้ถูกกล่าวหา.
***สั่งสอบจีทูจีเก๊อีก 89 ราย
นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ไต่สวนแล้วพบว่า มีบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 89 ราย ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอันเป็นเหตุที่ทำให้มีการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็ค เจ้าของบัญชีที่นำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ซึ่งนำไปมอบให้กับกรมการค้าต่างประเทศ อาทิ บริษัทแคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด, บริษัทนครหลวงค้าข้าว จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีกิจทวียโสธร, บริษัทกิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด, บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด, บริษัทสุวรรณเกลียวทอง จำกัด, บริษัทไทยฟ้า จำกัด, บริษัท พี.เอส.ซี.สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด, บริษัทเค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ จำกัด, บริษัทเอลัช (ประเทศไทย) จำกัด, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง, บริษัทข้าวไชยพร จำกัด, บริษัทไชยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด, บริษัทเจียเม้ง จำกัด, บริษัทยิ่งวัฒนาทาปิโอก้า จำกัด ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหารวม 89 ราย และให้อนุกรรมการไต่สวนแจ้งคำสั่งไต่สวนให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด
วานนี้ (8 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงความคืบหน้า การชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อกล่าวหาละเลยปฏิบัติหน้าที่ โครงการรับจำนำข้าว ว่า ได้มอบหมายให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกเป็นการขอยื่นคัดค้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. เป็นองค์คณะในการพิจารณา ซึ่งยื่นเป็นครั้งที่ 3 หวังว่า คณะกรรมการป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรมในการพิจารณา และยื่นคัดค้านกรณีถูกตัดพยานจาก 11 ปาก เหลือ 3 ปาก จึงขอให้ ป.ป.ช. สืบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก ที่ล้วนอยู่ในระดับปฏิบัติการที่สามารถให้ข้อมูลข้อเท้จจริงได้ โดยหวังว่า คณะกรรมการป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรม ในการให้สืบพยานเพิ่มเติม เพราะตนดูในระดับนโยบาย แต่การกล่าวหานั้น ลงไปในระดับฝ่ายปฏิบัติการ จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ได้มีโอกาสเข้าชี้แจง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญหลัก
นอกจากนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทางป.ป.ช. ได้กล่าวหาตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคยเสนอนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากหน่วยงานไม่มี เราได้รับแต่หนังสือจาก ป.ป.ช. และในส่วนที่เราได้พูดคุยกันคือ มีพี่น้องประชาชน ร้องเรียนในโครงการนี้ แต่ในระดับปฏิบัติงาน ไม่มี อย่างไรก็ตามในข้อมูลลึกๆ ขออนุญาตไปตอบในชั้นการให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.
นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนพยายามเพิ่มเติมอีก 4 ปาก ประกอบด้วย 1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน 2. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. หรือ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 3. นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯ 4.นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทย
** อ้างขาดทุนแค่แสนล้าน-ข้าวไม่หาย
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวในฐานะพยายานให้ปากคำแก้ข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โครงการรับจำนำข้าว ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าได้เตรียมข้อมูลไว้อย่างดีทีสุด หากป.ป.ช. ต้องการข้อมูลด้านใดเพิ่ม หรือจะสอบปากคำกี่ครั้ง เราก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ทั้งนี้จากข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ต้องดูทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน การที่นายกรัฐมนตรี จะยุติโครงการ ต้องเป็นการทำนอกนโยบายรัฐบาล หรือขัดต่อมติครม. และมีความจำเป็นต้องยกเลิกโครงการ จึงจะยกเลิกได้ และถ้าไม่มีหน่วยงานใดมาเสนอให้นายกฯ ในฐานะประธานกขช. ยกเลิกโครงการ อำนาจการยุติโครงการ ก็จะไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมนายกฯ สำรองไว้หรือไม่ หากนายกฯต้องเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เวลานี้เราเตรียมข้อมูลปฏิเสธข้อกล่าวหาต่อป.ป.ช.ไว้ แม้จะเป็นเรื่องข้าวหายจากสต็อก 2 ล้านตัน ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่าไม่ได้หาย แต่เป็นเพราะไม่ได้ลงบัญชี เรื่องนี้เจ้าของสต็อกจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และถือว่าข้าวที่เป็นของราชการไม่หาย ส่วนการขาดทุนตัวเลข อยู่ที่ประมาณแสนล้าน ไม่ใช่ 2 แสนล้านอย่างที่วิพากษ์ วิจารณ์กัน ยืนยันเพราะมีตัวเลขไปชี้แจงกับป.ป.ช. ส่วนการจ่ายเงินให้กับชาวนาล่าช้านั้น เพราะมีวิกฤตทางการเมือง แต่ก็มีการแก้ไขมาเป็นลำดับ และทยอยจ่ายมาบ้างแล้ว ส่วนป.ป.ช.จะชี้มูลเมื่อไร ก็เป็นเรื่องของป.ป.ช. เชื่อว่าจะใช้วิจารณญานด้วยความเป็นธรรม เพราะเรื่องนี้อยู่ในสายตาประชาชนทั่วไป
***จวก “โต้ง” ชิ่งหนีชี้แจง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช.เชิญพยาน 3 ปากของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าให้ปากคำ แต่เริ่มเห็นความบิดพลิ้วของฝ่ายรัฐบาล ในการไม่ให้ความร่วมมือ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ขอเลื่อนการชี้แจง โดยอ้างว่ามีภารกิจประชุมเวิล์ดแบงก์ และ ไอเอ็มเอฟ ทั้งที่ควรให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไป เพราะนายกิตติรัตน์ เป็น รัฐมนตรีรักษาการ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่น่าจะเป็นเจตนาเตะถ่วง เพื่อยืดเวลาคดีมากกว่า จึงเห็นว่าเป็นการเดินทางที่น่าเสียดาย เพราะเป็นการเสียงบประมาณโดยสูญเปล่า จึงคิดว่านายกิตติรัตน์ ควรยกเลิกการเดินทาง และเข้าชี้แจ้งต่อ ป.ป.ช. จะเป็นประโยชน์มากกว่า
อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความสงสัย กรณีที่นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ออกมาระบุว่า มีการยืมเงินคงคลัง 2 หมื่นล้าน มาจ่ายจำนำข้าว ซึ่งจะหาเงินมาคืนจากการระบายข้าว หรือจากการกู้เงิน ภายในวันที่ 31 พ.ค. 57 ตามที่ กกต.กำหนด แสดงให้เห็นว่า มีการโยนหินถามทางว่า รัฐบาลจะไม่สามารถหาเงินมาใช้ในวันที่ 31 พ.ค. 57 ใช่ หรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงพาณิชย์ ว่า จะต้องมีความโปร่งใส ชี้แจงปริมาณข้าวที่ขายในแต่ละครั้งว่า ขายได้เท่าไร ราคาเท่าไร ได้เงินเท่าไร ในทุกครั้งที่มีการประมูล จะได้ประเมินได้ว่า รัฐบาลจะนำเงินมาใช้หนี้เงินคงคลังได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบว่า เหตุใดจึงมีการใช้เงินคงคลัง มาจ่ายจำนำข้าวทั้งที่ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติให้ใช้งบกลาง ตามที่ ครม.ได้เสนอเรื่องไป แต่กลับมาเปลี่ยนแปลงประเภทเงินที่ใช้ จากงบกลาง มาเป็นเงินคงคลัง ซึ่งการใช้เงินคงคลัง จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่า การใช้เงินคงคลังครั้งนี้ ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นการใช้เงินผิดประเภทหรือเปล่า โดย กกต.ควรจะตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีการใช้เงินที่ไม่เป็นไปตามที่ กกต.อนุมัติ อีกทั้งต้องพิจารณาด้วยว่า รัฐบาลรักษาการสามารถใช้เงินคงคลังได้หรือไม่
***ป.ป.ช.ยืด'โต้ง'ให้ปากคำ 18 เม.ย.นี้
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นชอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เลื่อนการให้ปากคำเป็นพยานคดีรับจำนำข้าว ไปเป็นวันที่ 18 เม.ย. เวลา 10.00 น. เนื่องจากนายกิตติรัตน์ติดภารกิจไปประชุมธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตันดี ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย.จึงไม่สามารถมาให้การเป็นพยานต่อป.ป.ช.ได้ ส่วนกรณีทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐนตรี ขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปากนั้น เนื่องจากทีมทนายความเพิ่งยื่นคำร้องมาในวันที่ 8 เม.ย. ทำให้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ไม่ทัน ดังนั้นที่ประชุมป.ป.ช.จึงนัดพิจารณาว่าจะสอบพยานเพิ่ม 4 ปากให้นายกฯหรือไม่ในวันที่ 10 เม.ย.
ส่วนที่ทีมทนายความขอให้ป.ป.ช.ตัดนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ออกจากองค์คณะไต่สวนคดีรับจำนำข้าว เป็นรอบที่สามนั้น ที่ประชุมมีมติให้ยกคำร้อง เนื่องจากกรณีที่นายวิชาไปปาฐกถาพูดเรื่องจำนำข้าวไม่เข้าข่ายเป็นเหตุให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นญาติพี่น้อง หรือโกรธเคืองส่วนตัวกับผู้ถูกกล่าวหา.
***สั่งสอบจีทูจีเก๊อีก 89 ราย
นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ไต่สวนแล้วพบว่า มีบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 89 ราย ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอันเป็นเหตุที่ทำให้มีการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็ค เจ้าของบัญชีที่นำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ซึ่งนำไปมอบให้กับกรมการค้าต่างประเทศ อาทิ บริษัทแคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด, บริษัทนครหลวงค้าข้าว จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีกิจทวียโสธร, บริษัทกิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด, บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด, บริษัทสุวรรณเกลียวทอง จำกัด, บริษัทไทยฟ้า จำกัด, บริษัท พี.เอส.ซี.สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด, บริษัทเค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ จำกัด, บริษัทเอลัช (ประเทศไทย) จำกัด, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง, บริษัทข้าวไชยพร จำกัด, บริษัทไชยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด, บริษัทเจียเม้ง จำกัด, บริษัทยิ่งวัฒนาทาปิโอก้า จำกัด ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหารวม 89 ราย และให้อนุกรรมการไต่สวนแจ้งคำสั่งไต่สวนให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด