ไตรมาสแรกตลาดน้ำอัดลมวูบติดลบ 7% เสริมสุข เครื่องร้อน ดัน “เอส” เข้าตลาดปีเศษ คว้าส่วนแบ่งแล้ว 12% ตามเป้าหมาย ปีนี้ลุยหนักอีก ครึ่งปีแรกอัดงบตลาด 300 ล้านบาทลุยเต็มที่ ชูกลยุทธ์สร้างความต่างๆ ส่งอีก 2 ไซส์ใหม่ลงตลาด ถึงกลุ่มผู้ดื่มให้มากที่สุด ลั่นปีหน้าขอเพิ่มแชร์เป็น 15%
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฎิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม “เอส” ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดรวมน้ำอัดลมในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ ตลาดรวมติดลบ 7% จากมูลค่ารวม 45,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7-10 ปีก็ว่าได้ที่ตลาดรวมติดลบมากขนาดนี้ ซึ่งปรกติจะเติบโตเฉลี่ย 3-5% เป็นอย่างต่ำ
เนื่องมาจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสาเหตุหลัก รวมทั้งต้นปีนี้อากาศเย็นนานด้วย ก็ยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำตลาด แต่ในส่วนของเอสคาดว่ายอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามตัวเลขเมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เครื่องดื่มเอส มีแชร์ในตลาดน้ำดำ 12% เป็นอันดับที่สาม โดยมีค่ายโค้กเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 52% และอันดับสามคือเป๊ปซี่ แชร์ 29% ส่วนในตลาดน้ำสีเอสมีแชร์เป็นอันดับที่สอง จากสัดส่วนตลาดรวมน้ำดำ 70% และน้ำสี 30% ขณะที่ตลาดรวมน้ำดำปีที่แล้วเติบโต 3%
“เมื่อตลาดรวมตกเราก็ต้องฝืนตลาด ทำอะไรเพื่อกระตุ้นตลาดบ้าง ไม่คิดอะไรแบบเดิมๆ เราจึงต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่อเนื่อง มีความหลากหลาย ตลาดน้ำอัดลมยังกว้างมีโอกาสอยู่อีกมาก และปีนี้เราก็เน้นคอนเซ็ปท์ “เอสเวิลด์ โลกยุคใหม่ ขอเราสร้างเอง” โดยมีหนังโฆษณาชุดใหม่ เอสเวิลด์ ออกอากาศกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และผ่านสื่อต่างๆอีกมาก ล่าสุดร่วมมือกับทางเมืองพัทยา จัดงานพัทยา มิวสิค เฟสติวัล 2014 นาน 3 วัน 3 คืน เพื่อเข้าถึงวัยรุ่น โดยมีคนไทยและคนต่างชาติมาร่วมงานมากกว่า 350,000 คน
ทั้งนี้ในปี 2558 บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลักดันให้เครือ่งดื่มเอส เติบโต 15% และมีส่วนแบ่งตลาดขยับเป็น 15% เช่นกัน และมันใจว่าจะสามรถทำได้ เนื่องจากช่วงปีเศษที่ผ่านมา สามารถทำตลาดเอสได้ตามแนวทางที่วางไว้แล้ว และสินค้าก็วางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ว รวมทั้งการวางกลยุทธ์การต่างๆที่จะมีต่อเนื่อง และเป้าหมายระยะยาวจากนี้อีก 4 ปี จะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับที่สองให้ได้
โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ตั้งงบการตลาดไว้รวม 300 ล้านบาทรุกตลาดเต็มที่ แ ละกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเอสร้างทางเลือกและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีหลากหลาย รวมทั้งเพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด แทนที่จะทำการตลาดจำกัดอยู่แบบเดิมๆขนาดเดิมๆ
ล่าสุดในช่วงเมษายนนี้ บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาดคือ ขวดแก้วขนาด 16 ออนซ์ ราคา 9 บาท เรียกว่าเอสเบิ้ม และขวดเพ็ทขนาด 1.6 ลิตร ราคา 25 บาท หรือเรียกว่าเอสยักษ์ จากเดิมที่มีอยู่แล้วจำนวน 9 ผลิตภัณฑ์ และการปรับโฉมใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์กระป๋อง ให้เป็น กระป๋องแบบสลีคแคน ขนาด 325 มล. ราคา 14 บาท และขนาด 250 มล. ราคา 10 บาท ทั้งนี้ที่ขายดีที่สุดคือ ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท
นอกจากันั้นเอสยังสามารถเจาะเข้าช่องทางร้านอาหาร โรงแรม ภัตตาคาร ฟู้ดคอร์ท ฟาสต์ฟู้ด เป็นเอ็กซ์คลูซีฟได้มากแล้วด้วย กว่า 31 พันธมิตร รวมมากกว่า 500 สาขา เช่น เซ็นทรัลฟู้ดปาร์ค เทอร์มินัล21 โออิชิราเมน ฮอทพอท ยำแซ่บ แบล็คแคนยอน เอแอนด์ดับบลิว เป็นต้น รวมทั้งจะใช้เป็นช่องทางในการแนะนำและทำโปรโมชั่นร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางตลาดครั้งนี้ด้วย
นายปริญญากล่าวเพิ่มเติมถึงการทำตลาดในช่วงหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า ตลาดรวมช่วงหน้าร้อนโดยเฉลี่ยแล้วจะเติบโตดี แต่ปัจจุบันคาดว่าจะเติบโตเหลือหลักเดียว เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงจากตลาดน้ำอัดลมด้วยกันเองและจากตลาดเครื่องดื่มทั่วไปที่มีจำนวนมากหลายกลุ่ม ซึ่งเสริมสุขเองก็วางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาดในช่วงสงกรานต์นี้เช่นกันเพื่อกระตุ้นยอดขาย
อย่างไรก็ตาม เอส ใช้งบ 20-30 ล้านบาทในการจัดเทศกาลสงกรานต์ โดยปีนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแบบเอ็กซ์คลูซีฟใน 5 งานใหญ่คือ ที่ ถนนข้าวสาร เป็นปีที่2ติดกันแล้ว ที่ถนนข้าวเหนียวจังหวัดขอนแก่น ที่พัทยา ที่อุดรธานี และที่ จันทบุรี ซึ่งจะมีกิจกรรม ความบันเทิงตลอดงาน
นายปริญญากล่าวต่อถึงสินค้าอื่นด้วยว่า แรงเยอร์ใช้งบตลาด 100 ล้านบาทปีนี้เพื่อบุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง โดยปีนี้จะจัดโปรโมชั่นเต็มที่ ล่าสุดคือ จัดชิงโชค ทองคำ มอเตอร์ไซค์ ซึ่งยอมรับบว่าแรงเยอร์ยังน้อยมาก เพราะเพิ่งเริ่มทำตลาด แต่จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีเพื่อศึกษาดูว่าจะทำตลาดต่อหรือไม่
ส่วนเครื่องดื่มเกลือแร่ เพาเวอร์พลัส จะวางตลาดเป็นทางการวันเสาร์ที่ 5 เมษายนนี้ ขนาด 250 ซีซี ราคา 10 บาท ขวดแก้ว เพื่อรุกตลาด เจาะช่องทางร้านโชห่วย โมเดิร์นเทรดต่างๆ
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฎิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม “เอส” ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดรวมน้ำอัดลมในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ ตลาดรวมติดลบ 7% จากมูลค่ารวม 45,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7-10 ปีก็ว่าได้ที่ตลาดรวมติดลบมากขนาดนี้ ซึ่งปรกติจะเติบโตเฉลี่ย 3-5% เป็นอย่างต่ำ
เนื่องมาจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสาเหตุหลัก รวมทั้งต้นปีนี้อากาศเย็นนานด้วย ก็ยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำตลาด แต่ในส่วนของเอสคาดว่ายอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามตัวเลขเมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เครื่องดื่มเอส มีแชร์ในตลาดน้ำดำ 12% เป็นอันดับที่สาม โดยมีค่ายโค้กเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 52% และอันดับสามคือเป๊ปซี่ แชร์ 29% ส่วนในตลาดน้ำสีเอสมีแชร์เป็นอันดับที่สอง จากสัดส่วนตลาดรวมน้ำดำ 70% และน้ำสี 30% ขณะที่ตลาดรวมน้ำดำปีที่แล้วเติบโต 3%
“เมื่อตลาดรวมตกเราก็ต้องฝืนตลาด ทำอะไรเพื่อกระตุ้นตลาดบ้าง ไม่คิดอะไรแบบเดิมๆ เราจึงต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่อเนื่อง มีความหลากหลาย ตลาดน้ำอัดลมยังกว้างมีโอกาสอยู่อีกมาก และปีนี้เราก็เน้นคอนเซ็ปท์ “เอสเวิลด์ โลกยุคใหม่ ขอเราสร้างเอง” โดยมีหนังโฆษณาชุดใหม่ เอสเวิลด์ ออกอากาศกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และผ่านสื่อต่างๆอีกมาก ล่าสุดร่วมมือกับทางเมืองพัทยา จัดงานพัทยา มิวสิค เฟสติวัล 2014 นาน 3 วัน 3 คืน เพื่อเข้าถึงวัยรุ่น โดยมีคนไทยและคนต่างชาติมาร่วมงานมากกว่า 350,000 คน
ทั้งนี้ในปี 2558 บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลักดันให้เครือ่งดื่มเอส เติบโต 15% และมีส่วนแบ่งตลาดขยับเป็น 15% เช่นกัน และมันใจว่าจะสามรถทำได้ เนื่องจากช่วงปีเศษที่ผ่านมา สามารถทำตลาดเอสได้ตามแนวทางที่วางไว้แล้ว และสินค้าก็วางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ว รวมทั้งการวางกลยุทธ์การต่างๆที่จะมีต่อเนื่อง และเป้าหมายระยะยาวจากนี้อีก 4 ปี จะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับที่สองให้ได้
โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ตั้งงบการตลาดไว้รวม 300 ล้านบาทรุกตลาดเต็มที่ แ ละกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเอสร้างทางเลือกและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีหลากหลาย รวมทั้งเพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด แทนที่จะทำการตลาดจำกัดอยู่แบบเดิมๆขนาดเดิมๆ
ล่าสุดในช่วงเมษายนนี้ บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาดคือ ขวดแก้วขนาด 16 ออนซ์ ราคา 9 บาท เรียกว่าเอสเบิ้ม และขวดเพ็ทขนาด 1.6 ลิตร ราคา 25 บาท หรือเรียกว่าเอสยักษ์ จากเดิมที่มีอยู่แล้วจำนวน 9 ผลิตภัณฑ์ และการปรับโฉมใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์กระป๋อง ให้เป็น กระป๋องแบบสลีคแคน ขนาด 325 มล. ราคา 14 บาท และขนาด 250 มล. ราคา 10 บาท ทั้งนี้ที่ขายดีที่สุดคือ ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท
นอกจากันั้นเอสยังสามารถเจาะเข้าช่องทางร้านอาหาร โรงแรม ภัตตาคาร ฟู้ดคอร์ท ฟาสต์ฟู้ด เป็นเอ็กซ์คลูซีฟได้มากแล้วด้วย กว่า 31 พันธมิตร รวมมากกว่า 500 สาขา เช่น เซ็นทรัลฟู้ดปาร์ค เทอร์มินัล21 โออิชิราเมน ฮอทพอท ยำแซ่บ แบล็คแคนยอน เอแอนด์ดับบลิว เป็นต้น รวมทั้งจะใช้เป็นช่องทางในการแนะนำและทำโปรโมชั่นร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางตลาดครั้งนี้ด้วย
นายปริญญากล่าวเพิ่มเติมถึงการทำตลาดในช่วงหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า ตลาดรวมช่วงหน้าร้อนโดยเฉลี่ยแล้วจะเติบโตดี แต่ปัจจุบันคาดว่าจะเติบโตเหลือหลักเดียว เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงจากตลาดน้ำอัดลมด้วยกันเองและจากตลาดเครื่องดื่มทั่วไปที่มีจำนวนมากหลายกลุ่ม ซึ่งเสริมสุขเองก็วางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ขนาดในช่วงสงกรานต์นี้เช่นกันเพื่อกระตุ้นยอดขาย
อย่างไรก็ตาม เอส ใช้งบ 20-30 ล้านบาทในการจัดเทศกาลสงกรานต์ โดยปีนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแบบเอ็กซ์คลูซีฟใน 5 งานใหญ่คือ ที่ ถนนข้าวสาร เป็นปีที่2ติดกันแล้ว ที่ถนนข้าวเหนียวจังหวัดขอนแก่น ที่พัทยา ที่อุดรธานี และที่ จันทบุรี ซึ่งจะมีกิจกรรม ความบันเทิงตลอดงาน
นายปริญญากล่าวต่อถึงสินค้าอื่นด้วยว่า แรงเยอร์ใช้งบตลาด 100 ล้านบาทปีนี้เพื่อบุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง โดยปีนี้จะจัดโปรโมชั่นเต็มที่ ล่าสุดคือ จัดชิงโชค ทองคำ มอเตอร์ไซค์ ซึ่งยอมรับบว่าแรงเยอร์ยังน้อยมาก เพราะเพิ่งเริ่มทำตลาด แต่จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีเพื่อศึกษาดูว่าจะทำตลาดต่อหรือไม่
ส่วนเครื่องดื่มเกลือแร่ เพาเวอร์พลัส จะวางตลาดเป็นทางการวันเสาร์ที่ 5 เมษายนนี้ ขนาด 250 ซีซี ราคา 10 บาท ขวดแก้ว เพื่อรุกตลาด เจาะช่องทางร้านโชห่วย โมเดิร์นเทรดต่างๆ