ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นปิดบวก 11 จุด รับสัญญาณหนุนจากต่างแดน หลังเฟดยืนยันต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ ดันต่างชาติเข้าซื้อต่อ ชี้ดัชนีหุ้นไทยทำนิวไฮใหม่ในรอบ 4 เดือน แต่ไร้ปัจจัยรองรับเพียงพอ แนะลงทุนรายตัว
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1เม.ย.) เคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดที่ระดับ 1,387.48 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ 0.82% มูลค่าการซื้อขาย 27,580.29 ล้านบาท ภาพรสมดัชนีสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในรอบ 4 เดือน และเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,387.58 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,374.95 จุด
นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิ 1,118.10 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 710.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,824.52 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 469 หลักทรัพย์ ลดลง 227 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 221 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,358.30 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,419.35 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,322.64 ล้านบาท ปิดที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,181.34 ล้านบาท ปิดที่ 181.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท และ SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,159.00 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ได้ออกมาบอกว่ายังต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตของจีน ก็ออกมาดี
ทั้งนี้ ภาพรวม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา 15% หรือเพิ่มขึ้น 180 จุด จากระดับ 1,200 จุด แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี สถานการณ์การเมืองยังกดดัน และยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับขึ้นของดัชนียังไม่มีเสถียรภาพ เป็นเพียงแค่การไม่มีสัญญาณการขายเท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนจึงควรจะเล่นหุ้นเป็นรายตัวดีกว่าและควรระมัดระวังการลงทุนด้วย
"วันนี้ดัชนีทำ High ในรอบ 4 เดือน นับจากต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่มีจุด High ที่ระดับ 1,392 จุด...แต่จะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดไม่ได้รองรับการปรับตัวมากเท่าใด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(2 เม.ย.) ประเมินว่ายังไม่ปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดันตลาด ทำให้ดัชนีมีโอกาสไปต่อได้ แต่นักลงทุนควรจะเล่นแบบมี stop loss ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,393 จุด”
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1เม.ย.) เคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดที่ระดับ 1,387.48 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ 0.82% มูลค่าการซื้อขาย 27,580.29 ล้านบาท ภาพรสมดัชนีสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในรอบ 4 เดือน และเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,387.58 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,374.95 จุด
นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิ 1,118.10 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 710.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,824.52 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 469 หลักทรัพย์ ลดลง 227 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 221 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,358.30 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,419.35 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,322.64 ล้านบาท ปิดที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,181.34 ล้านบาท ปิดที่ 181.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท และ SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,159.00 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ได้ออกมาบอกว่ายังต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตของจีน ก็ออกมาดี
ทั้งนี้ ภาพรวม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา 15% หรือเพิ่มขึ้น 180 จุด จากระดับ 1,200 จุด แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี สถานการณ์การเมืองยังกดดัน และยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับขึ้นของดัชนียังไม่มีเสถียรภาพ เป็นเพียงแค่การไม่มีสัญญาณการขายเท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนจึงควรจะเล่นหุ้นเป็นรายตัวดีกว่าและควรระมัดระวังการลงทุนด้วย
"วันนี้ดัชนีทำ High ในรอบ 4 เดือน นับจากต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่มีจุด High ที่ระดับ 1,392 จุด...แต่จะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดไม่ได้รองรับการปรับตัวมากเท่าใด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(2 เม.ย.) ประเมินว่ายังไม่ปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดันตลาด ทำให้ดัชนีมีโอกาสไปต่อได้ แต่นักลงทุนควรจะเล่นแบบมี stop loss ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,393 จุด”