ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.คาดได้รับผลกระทบจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการเคเคดีไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่หลังสัญญาการแลกเปลี่ยนแหล่งปิโตรเลียมในเคเคดีจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิ.ย.หรือก.ค.นี้ มั่นใจชนะประมูลซื้อกิจการบริษัทย่อยHess ในไทยได้ข้อสรุปผลเม.ย.นี้ ดันเป้ายอดขายปิโตรเลียมขยับขึ้น
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการด้อยค่าของสินทรัพย์โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดีไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายหลังทำสัญญาโอนคืนสิทธิการถือหุ้น 40%ในแหล่งได้แก่ Leismer และ Corner ให้กับสแตทออยล์เพื่อให้ได้หุ้นจำนวน 60%ในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THLS) รวมทั้งเงินสด 200ล้านเหรียญสหรัฐและเงินสดที่คำนวณจากเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 235 ล้านเหรียญแล้ว
ซึ่งสัญญาการแลกแหล่งปิโตรเลียมในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดีดังกล่าว คาดว่าจะมีผลสมบูรณ์ในเดือนมิ.ย.หรือ ก.ค.นี้ ทำให้ปตท.สผ.ลดการลงทุนลง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 5ปีนี้เหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากทั้ง 3 แปลงที่ปตท.สผ.ได้รับจากการแลก 3 แหล่งปิโตรเลียมนั้นยังไม่มีการสำรวจและพัฒนาในช่วงนี้ แต่ก็มีความชัดเจนเรื่องศักยภาพค่อนข้างมาก แต่ภาระคือต้องลงทุนมาก
การเข้าไปถือหุ้นใหญ่ทั้ง 100%ในแหล่งTHSL นี้ ทำให้บริษัทฯต้องปรับลดเป้าหมายการขายปิโตรเลียมในปีนี้ลงจาก 3.37 แสนบาร์เรล/วัน เหลือเพียง 3.25 แสนบาร์เรล/วัน แต่ก็เป็นตัวเลขยอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 11%จากปีก่อนที่ขายเฉลี่ย 2.93 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งปริมาณการขายปิโตรเลียมอาจจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ หากดีลการเจรจาซื้อกิจการใหม่ๆที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วเพิ่มเข้ามา
“ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีความเสี่ยงสูง บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การเข้าไปลงทุนในออยล์แซนด์ในช่วง 3 ปีนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และหลายบริษัทก็เข้าไปลงทุนจำนวนมากไม่ใช่เฉพาะปตท.สผ. แต่การค้นพบShale Gas/Shale Oil ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Resource ของโลกที่รุนแรง ทำให้บริษัทต้องปรับการถือหุ้นในโครงการเคเคดี เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์”
นายเทวินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าการประมูลซื้อบริษัทย่อยของHess Corporation ในไทย ซึ่งถือหุ้นอยู่ในแหล่งภูฮ่อม และแหล่งไพลินนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าน่าจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ที่ได้รับเลือกในการซื้อแปลงดังกล่าว จะทำให้ยอดขายปิโตรเลียมบริษัทเพิ่มขึ้นอีก จากปลายปีที่แล้ว บริษัทฯได้ซื้อหุ้นบริษัทย่อยของHess Corporation
ในโครงการนาทูน่า ซี เอ ซึ่งเป็นโครงการผลิตก๊าซฯที่สำคัญของอินโดนีเซีย
2ปีที่ผ่านมา ปตท.สผ.ได้ปรับลดเป้าหมายกำลังการผลิตจาก 9 แสนบาร์เรล/วันเหลือเพียง 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2563 เพื่อให้สมดุลกับการเติบโตอย่างยั่งยืน หากตั้งเป้าการผลิตไว้ที่ 9 แสนบาร์เรล/วันจะเป็นตัวกดดันให้บริษัทฯต้องลงทุนซื้อกิจการเกินกำลัง ทำให้กระทบต่อผลตอบแทนการลงทุน จำนวนบุคลากรที่มีจำกัด ซึ่งเป้าหมายการผลิตที่ 6 แสนบาร์เรล/วันก็เป็นเป้าหมายที่ท้าทายที่ปตท.สผ.จะต้องมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 8%จนถึงปี 2563 ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)อยู่ที่ 16% ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ROEเฉลี่ย 13-14%
ทั้งนี้ แหล่ง THSL ในแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 610 ตารางกิโลเมตร ซึ่งปตท.สผ.จะดำเนินการสำรวจและพัฒนาในอนาคต ซึ่งการแลกเปลี่ยนสัดส่วนในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์เคเคดีนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการบริการและกลั่นกรองการงทุนเพื่อให้สามารถบริการการลงทุนและได้ผลตอบแทน จากการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจภายใต้สภาวะตลาดในปัจจุบัน
โดยมั่นใจว่าแหล่งออยล์แซนด์ในประเทศแคนาดา จะสามารถเป็นฐานรองรับการเติบโตของธุรกิจ unconventional resources ของบริษัทฯในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 7,445 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.28 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,021 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.18 แสนล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.61 หมื่นล้านบาท )เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านเหรียญสหรัฐ( 5.73 หมื่นล้านบาท)
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการด้อยค่าของสินทรัพย์โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดีไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายหลังทำสัญญาโอนคืนสิทธิการถือหุ้น 40%ในแหล่งได้แก่ Leismer และ Corner ให้กับสแตทออยล์เพื่อให้ได้หุ้นจำนวน 60%ในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THLS) รวมทั้งเงินสด 200ล้านเหรียญสหรัฐและเงินสดที่คำนวณจากเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 235 ล้านเหรียญแล้ว
ซึ่งสัญญาการแลกแหล่งปิโตรเลียมในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดีดังกล่าว คาดว่าจะมีผลสมบูรณ์ในเดือนมิ.ย.หรือ ก.ค.นี้ ทำให้ปตท.สผ.ลดการลงทุนลง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 5ปีนี้เหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากทั้ง 3 แปลงที่ปตท.สผ.ได้รับจากการแลก 3 แหล่งปิโตรเลียมนั้นยังไม่มีการสำรวจและพัฒนาในช่วงนี้ แต่ก็มีความชัดเจนเรื่องศักยภาพค่อนข้างมาก แต่ภาระคือต้องลงทุนมาก
การเข้าไปถือหุ้นใหญ่ทั้ง 100%ในแหล่งTHSL นี้ ทำให้บริษัทฯต้องปรับลดเป้าหมายการขายปิโตรเลียมในปีนี้ลงจาก 3.37 แสนบาร์เรล/วัน เหลือเพียง 3.25 แสนบาร์เรล/วัน แต่ก็เป็นตัวเลขยอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 11%จากปีก่อนที่ขายเฉลี่ย 2.93 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งปริมาณการขายปิโตรเลียมอาจจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ หากดีลการเจรจาซื้อกิจการใหม่ๆที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วเพิ่มเข้ามา
“ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีความเสี่ยงสูง บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การเข้าไปลงทุนในออยล์แซนด์ในช่วง 3 ปีนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และหลายบริษัทก็เข้าไปลงทุนจำนวนมากไม่ใช่เฉพาะปตท.สผ. แต่การค้นพบShale Gas/Shale Oil ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Resource ของโลกที่รุนแรง ทำให้บริษัทต้องปรับการถือหุ้นในโครงการเคเคดี เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์”
นายเทวินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าการประมูลซื้อบริษัทย่อยของHess Corporation ในไทย ซึ่งถือหุ้นอยู่ในแหล่งภูฮ่อม และแหล่งไพลินนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าน่าจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ที่ได้รับเลือกในการซื้อแปลงดังกล่าว จะทำให้ยอดขายปิโตรเลียมบริษัทเพิ่มขึ้นอีก จากปลายปีที่แล้ว บริษัทฯได้ซื้อหุ้นบริษัทย่อยของHess Corporation
ในโครงการนาทูน่า ซี เอ ซึ่งเป็นโครงการผลิตก๊าซฯที่สำคัญของอินโดนีเซีย
2ปีที่ผ่านมา ปตท.สผ.ได้ปรับลดเป้าหมายกำลังการผลิตจาก 9 แสนบาร์เรล/วันเหลือเพียง 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2563 เพื่อให้สมดุลกับการเติบโตอย่างยั่งยืน หากตั้งเป้าการผลิตไว้ที่ 9 แสนบาร์เรล/วันจะเป็นตัวกดดันให้บริษัทฯต้องลงทุนซื้อกิจการเกินกำลัง ทำให้กระทบต่อผลตอบแทนการลงทุน จำนวนบุคลากรที่มีจำกัด ซึ่งเป้าหมายการผลิตที่ 6 แสนบาร์เรล/วันก็เป็นเป้าหมายที่ท้าทายที่ปตท.สผ.จะต้องมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 8%จนถึงปี 2563 ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)อยู่ที่ 16% ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ROEเฉลี่ย 13-14%
ทั้งนี้ แหล่ง THSL ในแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 610 ตารางกิโลเมตร ซึ่งปตท.สผ.จะดำเนินการสำรวจและพัฒนาในอนาคต ซึ่งการแลกเปลี่ยนสัดส่วนในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์เคเคดีนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการบริการและกลั่นกรองการงทุนเพื่อให้สามารถบริการการลงทุนและได้ผลตอบแทน จากการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจภายใต้สภาวะตลาดในปัจจุบัน
โดยมั่นใจว่าแหล่งออยล์แซนด์ในประเทศแคนาดา จะสามารถเป็นฐานรองรับการเติบโตของธุรกิจ unconventional resources ของบริษัทฯในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 7,445 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.28 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,021 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.18 แสนล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.61 หมื่นล้านบาท )เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านเหรียญสหรัฐ( 5.73 หมื่นล้านบาท)