วานนี้ (24 มี.ค. ) นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายจักร์กฤษ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ร่วมกันออกแถลงการณ์ เรื่อง การกระทำที่อุกอาจ ขัดต่อกฎหมาย เป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรงและการคุกคาม ข่มขู่ผู้กระทำหน้าที่ตามกฎหมาย ความว่า
จากกรณีที่มีการใช้อาวุธสงคราม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงกระสุนระเบิด M79 ปืน M16 และอาวุธสงครามนานาชนิด รวมทั้งการกระทำอื่นๆ ในทุกรูปแบบ ที่ได้แสดงออกมาต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นการยิงระเบิดเข้าสู่ที่ทำการของศาลถึง 2 ครั้ง การขว้างปาอุจจาระของเน่าเสียเข้าสู่สถานที่ทำการของสำนักงาน ป.ป.ช. การใช้อาวุธกระสุนปืนยิงบ้านของตุลาการ หรือกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการกระทำของกลุ่มคนใดก็ตาม ย่อมเห็นได้ ชัดเจนว่า เป็นการกระทำที่เจตนาตั้งใจจะข่มขู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดถึงหน่วยงานยุติธรรมที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ให้เกิดความเกรงกลัว เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินของทางราชการ ต่อบุคคลซึ่งเป็นข้าราชการกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
การกระทำดังกล่าวนี้ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะต้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อหยุดยั้งมิให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ให้หมดไปจากสังคมไทยโดยเร็ว จึงร่วมกันแถลงการณ์ดังนี้
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีอาญาทุกประเภทที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีสถานีตำรวจครอบคลุมทุกพื้นที่ ย่อมไม่อาจจะนิ่งเฉยต่อภาวะวิกฤติของการประทุษร้าย การขู่เข็ญต่อสถานที่ และบุคลากรทางด้านงานตุลาการเช่นนี้ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ดี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็ดี รวมทั้งผู้บัญชาการสถานีตำรวจภูธรภาคทุกส่วนราชการของตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดกวดขัน ตามอำนาจหน้าที่ ในการติดตามจับกุมผู้ที่กระทำผิดในเหตุร้ายเหล่านั้นทุกกรณีมาเพื่อฟ้องยังศาลให้ลงโทษผู้กระทำผิดและสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด
2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องไม่เพิกเฉยต่อการตรวจตราการใช้อาวุธในทุกเวลา และเพิ่มมาตรการกดดันการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลซึ่งน่าเชื่อได้ว่าทางสำนักงานข่าวกรองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีข้อมูลของผู้กระทำความผิดอยู่บ้างแล้วในความครอบครอง ดังนั้นหน้าที่ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือต้องบังคับการตามกฎหมายที่จะป้องปรามไม่ให้มีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอีก
3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกหมู่เหล่าในการสืบเสาะหาเบาะแสของผู้กระทำความผิด รวมตลอดถึงแม้การให้รางวัลแก่ผู้ให้เบาะแสในการที่จะนำไปสู่การจับกุมบุคคลกลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดข้างต้นมาลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง
4. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด การระเบิดสถานที่ราชการข่มขู่ตุลาการและเจ้าหน้าที่บริหารงานยุติธรรมขององค์กรอิสระนั้นควรที่จะพิจารณาการกระทำดังกล่าวโดยนำเข้าคณะกรรมการพิจารณาคดีพิเศษและดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยอาศัยอำนาจกฎหมายพิเศษที่ตนมีอยู่อย่างรีบเร่งเพื่อระงับหรือหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงโดยชัดแจ้งเช่นนี้ให้เสร็จสิ้นลงโดยเร็ว
5. สภาทนายความ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เห็นพ้องต้องกันว่าส่วนงานราชการทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษมิอาจที่จะละเลยต่อหน้าที่และความรับผิดของตนตามกฎหมายในการที่จะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางกฎหมายในเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อย่างเข้มงวดกวดขัน โดยเฉพาะต้องทำให้เกิดผลที่เป็นประจักษ์เพื่อพิทักษ์ประชาชนบุคคลที่ต้องทำหน้าที่บังคับการตามกฎหมายในสายงานยุติธรรม หากละเลยเพิกเฉยจะเป็นผลทำให้ผู้ที่คิดการและทำร้ายบ้านเมืองเช่นนี้ก็จะยังคงกล้าทำต่อไป จึงไม่ควรที่จะรีรอในการดำเนินการในเรื่องนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแถลงการณ์ฉบับนี้จะช่วยเป็นกำลังใจให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังสมเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอาญาของประเทศไทยจึงแถลงการณ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
จากกรณีที่มีการใช้อาวุธสงคราม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงกระสุนระเบิด M79 ปืน M16 และอาวุธสงครามนานาชนิด รวมทั้งการกระทำอื่นๆ ในทุกรูปแบบ ที่ได้แสดงออกมาต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นการยิงระเบิดเข้าสู่ที่ทำการของศาลถึง 2 ครั้ง การขว้างปาอุจจาระของเน่าเสียเข้าสู่สถานที่ทำการของสำนักงาน ป.ป.ช. การใช้อาวุธกระสุนปืนยิงบ้านของตุลาการ หรือกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการกระทำของกลุ่มคนใดก็ตาม ย่อมเห็นได้ ชัดเจนว่า เป็นการกระทำที่เจตนาตั้งใจจะข่มขู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดถึงหน่วยงานยุติธรรมที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ให้เกิดความเกรงกลัว เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินของทางราชการ ต่อบุคคลซึ่งเป็นข้าราชการกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
การกระทำดังกล่าวนี้ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะต้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อหยุดยั้งมิให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ให้หมดไปจากสังคมไทยโดยเร็ว จึงร่วมกันแถลงการณ์ดังนี้
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีอาญาทุกประเภทที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีสถานีตำรวจครอบคลุมทุกพื้นที่ ย่อมไม่อาจจะนิ่งเฉยต่อภาวะวิกฤติของการประทุษร้าย การขู่เข็ญต่อสถานที่ และบุคลากรทางด้านงานตุลาการเช่นนี้ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ดี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็ดี รวมทั้งผู้บัญชาการสถานีตำรวจภูธรภาคทุกส่วนราชการของตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดกวดขัน ตามอำนาจหน้าที่ ในการติดตามจับกุมผู้ที่กระทำผิดในเหตุร้ายเหล่านั้นทุกกรณีมาเพื่อฟ้องยังศาลให้ลงโทษผู้กระทำผิดและสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด
2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องไม่เพิกเฉยต่อการตรวจตราการใช้อาวุธในทุกเวลา และเพิ่มมาตรการกดดันการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลซึ่งน่าเชื่อได้ว่าทางสำนักงานข่าวกรองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีข้อมูลของผู้กระทำความผิดอยู่บ้างแล้วในความครอบครอง ดังนั้นหน้าที่ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือต้องบังคับการตามกฎหมายที่จะป้องปรามไม่ให้มีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอีก
3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกหมู่เหล่าในการสืบเสาะหาเบาะแสของผู้กระทำความผิด รวมตลอดถึงแม้การให้รางวัลแก่ผู้ให้เบาะแสในการที่จะนำไปสู่การจับกุมบุคคลกลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดข้างต้นมาลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง
4. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด การระเบิดสถานที่ราชการข่มขู่ตุลาการและเจ้าหน้าที่บริหารงานยุติธรรมขององค์กรอิสระนั้นควรที่จะพิจารณาการกระทำดังกล่าวโดยนำเข้าคณะกรรมการพิจารณาคดีพิเศษและดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยอาศัยอำนาจกฎหมายพิเศษที่ตนมีอยู่อย่างรีบเร่งเพื่อระงับหรือหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงโดยชัดแจ้งเช่นนี้ให้เสร็จสิ้นลงโดยเร็ว
5. สภาทนายความ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เห็นพ้องต้องกันว่าส่วนงานราชการทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษมิอาจที่จะละเลยต่อหน้าที่และความรับผิดของตนตามกฎหมายในการที่จะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางกฎหมายในเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อย่างเข้มงวดกวดขัน โดยเฉพาะต้องทำให้เกิดผลที่เป็นประจักษ์เพื่อพิทักษ์ประชาชนบุคคลที่ต้องทำหน้าที่บังคับการตามกฎหมายในสายงานยุติธรรม หากละเลยเพิกเฉยจะเป็นผลทำให้ผู้ที่คิดการและทำร้ายบ้านเมืองเช่นนี้ก็จะยังคงกล้าทำต่อไป จึงไม่ควรที่จะรีรอในการดำเนินการในเรื่องนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแถลงการณ์ฉบับนี้จะช่วยเป็นกำลังใจให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังสมเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอาญาของประเทศไทยจึงแถลงการณ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน