ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีสภาพไม่ต่างจาก “ผีดิบ” ซึ่งที่จริงต้องพ้นจากสมาชิกภาพการเป็นรัฐบาลรักษาการไปแล้ว เนื่องจากเลยกำหนด 30 วันในการทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการ หลังจากประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ตามที่กฎหมายระบุแล้ว แต่รัฐบาลปูนิ่มก็ยังนั่งสิงเกาะเก้าอี้แน่น เป็นผีดิบคอยดูดเลือดประชาชน ไม่ยอมไปผุดไปเกิด
นอกจากนั้นยังถูกกระหน่ำด้วยคดีความต่างๆทั้งที่องค์กรอิสระพิจารณาไปแล้ว อย่างกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญ หรือที่กำลังจะถูกองค์กรอิสระตัดสินในเร็วๆนี้อย่าง คดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรณีการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ.2557 ซึ่งมีแนวโน้มว่าการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มี.ค.2557 นั้นศาลอาจจะตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ขณะที่กระแสต่อต้านจากทุกภาคส่วนก็เพิ่มมากขึ้นทุกที แม้แต่บรรดาผู้นำเหล่าทัพที่เคยยืนเคียงข้างก็ออกอาการเมินเฉย โดยเฉพาะหลังจากมวลชนเสื้อแดงซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าอยู่ใต้บังคับบัญชาของพรรคเพื่อไทย ออกมาเคลื่อนไหวขอแบ่งแยกดินแดนในส่วนของภาคเหนือและอีสานเพื่อสถาปนาขึ้นเป็น สปป.ล้านนา บรรดาบิ๊กทหารต่างก็ตบเท้าออกมาแสดงความไม่พอใจ เพราะการดำเนินการเช่นนี้ถือว่ามีเจตนาก่อกบฏอย่างชัดแจ้งซึ่งนับเป็นภัยร้ายแรงของชาติ
การยื่น “เจรจา” กับแกนนำกลุ่ม กปปส. เพื่อหาทางประนีประนอมและยอมลงจากอำนาจแบบเจ็บตัวน้อยที่สุด จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งแม้หลังม่าน “กำนันสุเทพ” จะแบะท่าพร้อมเจรจาแบบ win-win กับตัวแทนแห่งระบอบทักษิณ แต่ในเมื่อเช็คกระแสแล้วปรากฏว่ามวลมหาประชาชนไม่เอาด้วย เรียกว่าแค่สะกิดก็เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง กำนันเลยต้องใส่เกียร์ถอย ออกมาประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมเจรจาตามที่ตัวแทนกำมะลอจาก 7 องค์กรอิสระเสนอมา
ดังนั้นนาทีนี้จึงเหลือเพียงวิธีเดียวที่ “นช.ทักษิณ” จะสามารถรักษาอำนาจที่ถือผ่านน้องสาวที่มีฐานะเป็นรัฐบาลรักษาการเอาไว้ได้ นั่นก็คือการเดินเกม “ก่อจลาจล” หากถึงวันที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าตาจนและต้องพ้นจากอำนาจ ขณะเดียวกันก็ยังคงใช้แผนถล่มฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเวที กกปส. สวนลุม , เวทีแจ้งวัฒนะ รวมถึงองค์กรอิสระที่กำลังจะชี้มูลในคดีต่างๆ เพื่อข่มขู่ให้เกรงกลัวไม่กล้าตัดสินในลักษณะที่เป็นลบต่อรัฐบาลที่หมดสมาชิกภาพไปแล้วของพรรคเพื่อไทย
เราจึงได้เห็นการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” เขี่ย “ป้านกแสก” นางธิดา ถาวรเศรษฐ ออกจากเก้าอี้ ประธาน นปช.(กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) แล้วเอา “อ้ายตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.สายฮาร์ดคอร์ ขึ้นมาเป็น ประธาน นปช.แทน นอกจากนั้นยังมีเจ้าของวลี “เผาเลยครับ ผมรับผิดชอบเอง” เมื่อครั้งชุมนุมเสื้อแดง ปี 53 อย่าง “อ้ายเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มานั่งเป็นเลขาธิการ นปช. ซึ่งการเปลี่ยนตัวแกนนำ นปช.ดังกล่าวเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าต่อแต่นี้ความรุนแรงจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แน่นอน ทันทีที่มีการเปลี่ยนตัวประธาน นปช. บรรดาแกนนำแดงฮาร์ดคอร์ก็ออกมาขานรับทันที โดย “นายขวัญชัย สาราคำ” หรือ “ขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดร ออกมาประกาศลั่นกลองรบ พร้อมระดมคนเสื้อแดงร่วมชุมนุมที่พัทยา ในวันที่ 22 มี.ค.นี้
“ผมจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไปไม่ย่อท้อ ถึงจะบาดเจ็บแต่ไม่ล้มและไม่ถอย ยิ่งฮึกเหิมและ มีพลังกำลังใจมากขึ้น ตอนนี้ ผมสั่งการให้ แกนนำคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด ให้ความร่วมมือกับนายจตุพร ประธาน นปช.คนใหม่ อย่างไม่มีข้อแม้ เราจะลั่นกลองรบไปด้วยกัน วันที่ 22 มี.ค.ที่พัทยา จะนำทัพคนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมอย่างแน่นอน” นายขวัญชัยกล่าว
ขณะที่ “โกตี๋” หรือ “นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ” แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี นั้นเหิมเกริมถึงขั้นประกาศว่าหากนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องลงจากอำนาจเพราะถูกองค์กรอิสระตัดสิน เขาจะจัดตั้งกองกำลังฝึกอาวุธเพื่อต่อสู้กับกองทัพ จะนำคนเสื้อแดงออกปล้นธนาคาร ปล้นร้านสะดวกซื้อ ปล้นปั๊มน้ำมัน รวมทั้งปล้นร้านค้าและปล้นชิงรถยนต์ของทุกคนที่ติดธงชาติซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐบาลเพื่อไทยด้วย โดยเขาตั้งชื่อปฏิบัติการอย่างโก้เก๋ว่า “ยุทธการช้างสารกับมดแดง”
“ ถ้าแม้ว่าองค์กรเถื่อนพวกนี้เล่นงาน นายกยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าปลด ย้าย หรือพักงาน วันนั้น บังเกอร์เวทีแห่งนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสนามฝึกอาวุธสู้กับมัน ซึ่งวันนี้หลังเวทีเราก็ทำอยู่แล้ว นี่เป็นสาเหตุที่ผมคงเวทีไว้ เพื่อเป็นที่พบปะพูดคุย ถ้าไปที่สถานีวิทยุชุมชนของผมมากๆ เดี๋ยวมันสงสัยว่าอะไรกันนักหนา หลังเวทีการ์ดเขาก็คุยกัน ไม่รู้หรอกว่าเราแลกเปลี่ยนอะไรกันบ้าง ไม่ต้องให้มันรู้ ถึงรู้ก็เรื่องของมึง กูไม่กลัวมึงแล้ว วันนี้นายสุรชัย (ด่านวัฒนานุสรณ์) บอกผมว่า การที่จะสู้มีใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเงินสำคัญที่สุด ไม่ยาก ตอนนี้ข้าวของมีพร้อมทุกอย่าง แอเรียใกล้ๆ ธนาคารมีตรงไหนบ้างเดี๋ยวผมจะไปยืมมาให้พี่น้องใช้ ไม่ได้ปล้น ยืมมาใช้ ไม่ต้องไปสนตู้นิรภัย มีพร้อมหมดอุปกรณ์ ทั้งเจาะทั้งอะไร นี่คือเรื่องจริง เหตุการณ์บ้านเมืองสงบค่อยเอาไปคืน ครบไม่ครบก็ช่างแม่งมัน คืนเท่าที่เหลือ
จุดที่ 2 ปั๊ม ปตท.ทุกปั๊มมีเซเว่น มีเอทีเอ็ม ของกิน บัตรเติมเงิน มีพร้อม รวมทั้งน้ำมัน ให้หมายตาเอาไว้ ไม่ต้องออกแรง ขอทีมงาน 5 คนพร้อมอาก้ากับลูกระเบิดมันก็ถอยแล้ว ยึดแม่งเลย นี่คือเตรียมสู้อย่างนี้ นอกจากนั้นจุดที่เราหมายตาคือร้านที่มันติดธงชาติ ร้านไอ้ควายเหลือง รถติดธงชาติอยากได้คันไหนก็บอกมา เดี๋ยวผมเอาให้ นี่คือพูดเรื่องจริง ต้องทำอย่างนี้ เพราะวันนี้เลือกข้างแล้ว พี่น้องเชียงใหม่ กลุ่มของดีเจต้อม ดีเจอ้วน เขามีมอเตอร์ไซค์ร่วม 100 คันแล้ว ไอ้พวกสลิ่มมาขับมอเตอร์ไซค์ผ่านล็อกคอจอดถอดทะเบียนทิ้ง ตอนนี้ถ้าเกิดคาร์บอมบ์ในเชียงใหม่ไม่ต้องถามฝีมือใคร ต้องเอาอย่างนี้ เตรียมพร้อมอย่างนี้ สถานการณ์เราปราศรัยได้ แต่ว่าการต่อสู้ที่จริงจังและเด็ดขาดต้องเตรียมพร้อมไว้
มีทหารบางคนที่ฟังผมอยู่ บอกโอ่ไอ้สัตว์นรกมึงฝันหวาน กูฝึกมาอย่างดี กูมีเป็นกองทัพ กูมีรถถัง ผมก็จะบอกว่า เรื่องของมึง มึงมีรถถังกูก็มีน้ำมันเครื่อง มึงฝึกได้ กูก็ฝึกได้ ถ้านายกฯ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผมและกลุ่มจะปฏิบัติงานทันที เสียงปืนจะแตกทั่วกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน ขอให้องค์กรต่างๆ คิดให้ดีก่อนจะวุ่นวายมากไปกว่านี้ ” นายวุฒิพงศ์ ประกาศบนเวทีอนุสรณ์สถานแห่งชาติ หลักสี่
นอกจากนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงยังได้มีการจัดชุมนุมใหญ่ ที่สนามกีฬากลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยโปรโมตสร้างกระแสเสียใหญ่โตว่าจะมีมวลชนมาร่วมชุมนุมเป็นแสน โดยมีการจัดอีเว้นท์อย่างอลังการงานสร้างราวกับจำลองขบวนศึกสมัยโบราณที่มีทั้งยุทธนาวีและยุทธหัตถี โดยมีการเคลื่อนพลจากจังหวัดต่างๆทั้งทางบกทางน้ำ จัดขนวนเรือนับร้อยลำ ล่องจากหน้าวัดกษัตราธิราชฯ จ.อยุธยา ออกไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านสะพานปรีดีพนมยงค์ สะพานพระนเรศวร และสะพานพระเอกาทศรถ จากนั้นล่องเรือเข้าแม่น้ำป่าสัก ขึ้นบกที่หน้าพระราชวังจันทรเกษม รวมระยะทาง 6 ก.ม. ต่อด้วยขบวนช้าง 10 เชือก ตามด้วยรถของคนเสื้อแดงหลายร้อยคัน เคลื่อนไปยังสนามกีฬา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมชุมนุมในช่วงบ่ายถึงค่ำ เรียกว่าจัดงานกันเที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยทีเดียว
ว่ากันว่างานนี้ “คนดูไบ” ทุ่มไม่อั้นหวังสร้างความฮึกเหิมให้มวลชนคนเสื้อแดง หลังจากที่เคยถีบหัวส่งด้วยมั่นใจว่าสามารถกุมอำนาจได้เบ็ดเสร็จ ไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับแดงฮาร์ดคอร์ให้ภาพพจน์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องมัวหมอง แต่มาวันนี้ถูกกระหน่ำจากรอบด้าน อยู่ในสถานการณ์เจียนอยู่เจียนไปจึงต้องหันกลับมาใช้บริการคนเสื้อแดงอีกครั้ง อนุมัติค่าหัวต่อรายสูงลิ่วถึง 1,500 บาท เคาะเหนาะๆ ระดมมวลชน 1 แสนคน ก็ตก 150 ล้านบาทไม่ขาดไม่เกิน ยังไม่รวมค่าจ้างเรือเล็กเรือใหญ่ ขบวนรถขบวนช้างอีกมโหฬารบานตะไท แต่ถ้าสามารถเรียกศรัทธาให้คนออกมาเจ็บมาตายแทนได้ “คนดูไบ” ก็ถือว่าคุ้ม
แต่ทักษิณที่ว่าแน่ ก็ยังแพ้เหล่าแกนนำ “สู้แล้วรวย” เพราะงานนี้ค่าหัวที่จ่ายไปก็ยังคงถูกหักถูกอมเหมือนอย่างเคย จากหัวละ 1,500 ถึงมือมวลชนจริงๆแค่ 200 เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมขบวนรถขบวนเรือยาวเหยียดอลังการแต่จำนวนคนหรอมแหรมบางตา รถกระบะแต่ละคัน เรือหางยาวแต่ละลำ มีคนนั่งด้านท้ายแค่ 1-2 คน
อย่าว่าแต่จะได้แสนคนอย่างที่อ้าง สนามกีฬากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา จุคนเต็มที่ได้ไม่เกิน 1 หมื่นคน แต่มวลชนที่มาชุมนุมก็ยังไม่เต็มพื้นที่ ? นอกจากนั้นยังเกิดเหตุการณ์งามหน้า หลังจากที่มีการตั้งโต๊ะจ่ายเงินกันอย่างเอิกเกริก พอมวลชนเซ็นชื่อรับเงินเสร็จก็มุดรั้วช่องกำแพงปูนขนาดเท่าตัวคนหนีออกไป หาได้อยู่ร่วมชุมนุมตามสัญญาจ้าง เนื่องจากมวลชนเกรงว่าถ้าเดินออกทางประตุสนามกีฬาจะโดนการ์ดเสื้อแดงเล่นงาน เพราะถูกขู่มาว่าถ้าใครกลับก่อนจะไม่รับประกันความปลอดภัย ส่วนมวลชนที่เหลือหลักพันก็นั่งชุมนุมกันต่อไปอย่างหงอยๆ
ช่วงค่ำ “ธิดาแดง” ขึ้นเวทีประกาศอำลาตำแหน่งประธาน นปช. พร้อมกับส่งไม้ต่อให้จตุพร ตามด้วยณัฐวุฒิในฐานะเลขาธิการ นปช.หมาดๆ ที่ออกมาประกาศศักดาของแดงฮาร์ดคอร์เพื่อเอาใจนายใหญ่ ว่าให้คนเสื้อแดงทุกจังหวัดไปทำแผนการเคลื่อนไหวของตนเองอย่างอิสระ จากนั้นบรรดามวลชนแดงรับจ้างก็พากันลุกพรึ่บกลับเกือบหมด เหลืออยู่เพียงหลักร้อยคนเท่านั้น ทำเอา 'อ้ายเต้น' ถึงกับหน้าถอดสี ต้องใช้วิธีโกหกว่า “เดี๋ยวจะมีการ์ดนำเสื้อไปแจก” เพื่อดึงมวลชนให้นั่งฟังต่อ แต่มวลชนก็ยังคงทยอยออก สุดท้ายแค่ 4 ทุ่มก็ต้องตัดสินใจปิดเวที เพราะคนเสื้อแดงหายเหี้ยนเหลือแต่สนามโล่งโจ่ง เหลือแต่เศษขยะเกลื่อนกลาดไว้ให้ดูต่างหน้า
งานนี้ไม่รู้ว่า 'คนดูไบ' จะฉุนจนควันออกหูที่เสียรู้บรรดา 'แกนนำสู้แล้วรวย' เป็นครั้งที่ร้อยแล้วหรือไม่ เพราะทุ่มเงินไปหลายร้อยล้าน แต่กลับไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ที่คุยฟุ้งว่าจะระดมพลได้เรือนแสน เอาเข้าจริงมีคนมาร่วมไม่ถึงหมื่น หนำซ้ำยังมีข่าวว่าแกนนำไปล่องเรือเลี้ยงฉลองกันใหญ่โต ที่สามารถอมค่าหัวคิวจาก 'คนดูไบ' มาเหนาะๆถึง 130 บาท บวกลบคูณหารแล้วร่ำรวยกันเป็นทิวแถว
ดังนั้นจึงไม่แน่ว่าแผนปฏิบัติการ 'เผาบ้าน ปล้นเมือง' เพื่อล้างแค้นในกรณีที่นายกฯนกแก้วถูกองค์กรอิสระฟันจนตกเก้าอี้ ตามที่ 'คนดูไบ' วางแผนและสั่งการไว้ โดยให้มวลชนเสื้อแดงดาหนาออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว แล้วให้ 'มือรับจ้าง' ลงมือเผาลงมือปล้น เพื่อสร้างชอบธรรมในการสร้างความรุนแรงนั้น เอาเข้าจริงจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ เพราะตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป 'ลมปาก' ของคนดูไบในสายตาเสื้อแดงดูจะไม่ขลังเหมือนเมื่อก่อน เพราะถึงจะเป็นรากหญ้าที่ระบอบทักษิณสร้างวาทกรรมตีตราให้อยู่ในฐานะ 'ไพร่' แต่ก็มีหัวใจและ 'เจ็บแล้วจำ' จะเห็นได้ว่าตอนนี้จำนวนมวลชนคนเสื้อแดงหดหาย แม้จะเอาเงินมาให้ก็หาคนออกมาร่วมเคลื่อนไหวได้น้อยเต็มที เรียกว่านาทีนี้จะให้ออกมาเจ็บฟรีตายฟรีเพื่อทวงคืนอำนาจให้ทักษิณเหมือนเมื่อปี 53 คงจะยาก !
ที่สำคัญทหารจะยอมให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ? เพราะดูจากสถานการณ์ขณะนี้ท่าทีของกองทัพนั้นเปลี่ยนไป จะเห็นได้จากการที่รักษาการนายกฯยิ่งลักษณ์ส่งสัญญาณให้กองทัพรื้อบังเกอร์จุดตรวจที่อยู่รอบพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ออกไป โดยอ้างว่าภาพเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ผู้บัญชาการทหารบก ก็แก้เกมกลับด้วยการสั่งให้นายทหารเอาต้นไม้มาตั้ง เอาน้ำตกมาตกแต่งสร้างบรรยากาศแทน แต่ไม่ยอมย้ายบังเกอร์ออก
ในที่สุดรัฐบาลจึงตัดสินใจประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเอา พ.ร.บ.ความมั่นคง กลับมาใช้ เพื่อหวังกันทหารออกไป ไม่ให้มาตั้งบังเกอร์ตรวจตราเพื่อคุ้มครองผู้ชุมนุมอีก ตามด้วยการส่ง 'พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว' ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเป็นหนังหน้าไฟ สั่งการให้ทหารเอาบังเกอร์ออก โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจตราแทน แต่กองทัพก็เฉย ไม่ยอมปฏิบัติตาม ทำเอาทั้งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่รู้จะทำยังไง ถึงขั้นไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
กระทั่งล่าสุด ตำรวจต้องงัดมุข 'ปาหี่ จับฮีโร่ป๊อบคอร์น' ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นคนมีสีที่ออกปฏิบัติการปกป้องชีวิตผู้ชุมนุม เพื่อหวังกดดันกองทัพให้ปรามกำลังพลไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวขัดขวางการใช้อำนาจบาตรใหญ่เพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาล ส่วนว่าจะได้ผลหรือไม่นั้นคงต้องติดตามกันชนิด 'ห้ามกระพริบตา'