โซเชียลมีเดียนายสิบทหารบก เผยตำรวจยอมรับผิดกรณีบุกจับยาบ้า ยิง “ส.อ.อารยะ” ดับในค่าย มารดาเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 4 ล้าน แต่ถูกตำรวจต่อรองเหลือ 1.7 ล้าน คดีอาญารอดตัดสินใจเพราะใช้เวลานาน-ค่าใช้จ่ายสูง อีกด้านเผยภาพตำรวจนอกเครื่องแบบลงมือสังหารวันเกิดเหตุ
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีที่ ส.อ.อารยะ หาญกล้า อายุ 25 ปี ทหารสังกัดกองร้อยทหารสารวัตร (ส.ห.) มณฑลทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี ถูกตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ยิงเสียชีวิตในบ้านพักข้าราชการ ซอย 4 ภายในค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการทหารซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก (NCO) ถึงความไม่ชอบมาพากลที่ตำรวจชุดดังกล่าวอ้างว่าระหว่างจับกุมเกิดปืนลั่น ตามที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (20 มี.ค.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของบรรดาศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้ส่งต่อข้อความระบุว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ได้ยอมรับผิดและรับผิดชอบทุกอย่าง ส่วน นางวรารัตน์ หาญกล้า มารดาของ ส.อ.อารยะ ผู้เสียชีวิต เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท แต่ทางตำรวจได้ขอต่อรองจนเหลือ 1.7 ล้านบาท นางวรารัตน์ จึงตัดสินใจตกลง เพราะตนเหนื่อยจึงขอแค่นี้ ส่วนคดีอาญาตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 จำนวน 8 นาย ได้เข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวไปแล้ว ขึ้นอยู่กับนางวรารัตน์จะเอาความในคดีอาญาถึงที่สุดหรือไม่ เพราะใช้เวลายาวนานและมีค่าใช้จ่ายในการสู้คดีจำนวนมาก
ล่าสุด ได้มีการโพสต์ภาพตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ที่เข้ามาก่อเหตุยิง ส.อ.อารยะ ภายในค่ายนวมินทราชินี โดยผู้ที่ลงมือยิงคือตำรวจนอกเครื่องแบบสวมเสื้อสีขาว ใช้รถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เงินเป็นยานพาหนะ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของตำรวจชุดดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
อีกด้านหนึ่ง วานนี้ (19 มี.ค.) พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ระบุว่า ตนเองได้ให้ทางตำรวจคู่กรณี และผู้บังคับบัญชา เจรจากับญาติของผู้ตาย ในเรื่องของการชดใช้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าตกลงกันอย่างไรบ้าง ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะเท่าที่ได้รับรายงานคือ มีการกอดรัดกันระหว่างตำรวจกับผู้ตาย ปืนจึงลั่นขึ้นมาจนทำให้ทหารเสียชีวิต และตำรวจเองก็ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้คงจะไปพิสูจน์ความจริงอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เปิดเผยว่า ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 2 ได้บุกจับยาเสพติดในค่ายทหาร ทำให้ทหารยศ ส.อ.เสียชีวิต 1 นาย ตำรวจท้องที่ในฐานะเจ้าของคดียืนยันว่า ทำคดีไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะการจับกุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นตำรวจในหน่วย โดยแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนชันสูตรนายทหารที่ถูกยิงเสียชีวิต กับสำนวนตำรวจที่ก่อเหตุยิงผู้อื่น ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับตำรวจที่ก่อเหตุเอาไว้ก่อน ตามที่ญาติผู้ตายร้องทุกข์เอาไว้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทหารทั้งผู้บังคับบัญชา และเพื่อนของ ส.อ.อารยะ ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดเขาบางทราย ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งระบุว่า ไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าวถ่ายรูป
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีที่ ส.อ.อารยะ หาญกล้า อายุ 25 ปี ทหารสังกัดกองร้อยทหารสารวัตร (ส.ห.) มณฑลทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี ถูกตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ยิงเสียชีวิตในบ้านพักข้าราชการ ซอย 4 ภายในค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการทหารซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก (NCO) ถึงความไม่ชอบมาพากลที่ตำรวจชุดดังกล่าวอ้างว่าระหว่างจับกุมเกิดปืนลั่น ตามที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (20 มี.ค.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของบรรดาศิษย์เก่าโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้ส่งต่อข้อความระบุว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ได้ยอมรับผิดและรับผิดชอบทุกอย่าง ส่วน นางวรารัตน์ หาญกล้า มารดาของ ส.อ.อารยะ ผู้เสียชีวิต เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท แต่ทางตำรวจได้ขอต่อรองจนเหลือ 1.7 ล้านบาท นางวรารัตน์ จึงตัดสินใจตกลง เพราะตนเหนื่อยจึงขอแค่นี้ ส่วนคดีอาญาตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 จำนวน 8 นาย ได้เข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวไปแล้ว ขึ้นอยู่กับนางวรารัตน์จะเอาความในคดีอาญาถึงที่สุดหรือไม่ เพราะใช้เวลายาวนานและมีค่าใช้จ่ายในการสู้คดีจำนวนมาก
ล่าสุด ได้มีการโพสต์ภาพตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดภาค 2 ที่เข้ามาก่อเหตุยิง ส.อ.อารยะ ภายในค่ายนวมินทราชินี โดยผู้ที่ลงมือยิงคือตำรวจนอกเครื่องแบบสวมเสื้อสีขาว ใช้รถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เงินเป็นยานพาหนะ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของตำรวจชุดดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
อีกด้านหนึ่ง วานนี้ (19 มี.ค.) พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ระบุว่า ตนเองได้ให้ทางตำรวจคู่กรณี และผู้บังคับบัญชา เจรจากับญาติของผู้ตาย ในเรื่องของการชดใช้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าตกลงกันอย่างไรบ้าง ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะเท่าที่ได้รับรายงานคือ มีการกอดรัดกันระหว่างตำรวจกับผู้ตาย ปืนจึงลั่นขึ้นมาจนทำให้ทหารเสียชีวิต และตำรวจเองก็ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้คงจะไปพิสูจน์ความจริงอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เปิดเผยว่า ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 2 ได้บุกจับยาเสพติดในค่ายทหาร ทำให้ทหารยศ ส.อ.เสียชีวิต 1 นาย ตำรวจท้องที่ในฐานะเจ้าของคดียืนยันว่า ทำคดีไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะการจับกุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นตำรวจในหน่วย โดยแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนชันสูตรนายทหารที่ถูกยิงเสียชีวิต กับสำนวนตำรวจที่ก่อเหตุยิงผู้อื่น ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับตำรวจที่ก่อเหตุเอาไว้ก่อน ตามที่ญาติผู้ตายร้องทุกข์เอาไว้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทหารทั้งผู้บังคับบัญชา และเพื่อนของ ส.อ.อารยะ ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดเขาบางทราย ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งระบุว่า ไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าวถ่ายรูป