ASTVผู้จัดการรายวัน - ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เปิดฉาก ทุ่มงบพันล้านบาทขยายธุรกิจกลุ่มอาหารเต็มอัตราศึก ลั่นดันให้โต 12% ปีนี้ให้ได้ มั่นใจระยะยาวของไทยยังมีความแข็งแกร่งน่าลงทุน พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ปีนี้ ย้ำยังไม่สนใจทำร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย
นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2557 ทางกลุ่มไมเนอร์ฟู้ดยังมีแผนที่จะลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยดั้งงบประมาณการลงทุนขยายธุรกิจทางด้านกลุ่มอาหารในไทยไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และใช้งบการตลาดรวมประมาณ 7% ของยอดขายรวมทั้งหมด และตั้งเป้าหมายการเติบโตยอดขายรวมปีนี้ไว้ที่ 12% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว กลุ่มอาหารสัดส่วนรายได้ประมาณ 41-45% จากรายได้รวมของไมเนอร์ทั้งกรุ๊ป และมีลูกค้าโดยรวมปีที่แล้วกว่า 70 ล้านคน
โดยจากเอกสารของบริษัทฯระบุว่า เมื่อปี 2556 รายได้กลุ่มอาหารในส่วนสาขาของบริษัทมีประมาณ 10,700 ล้านบาท ส่วนรายได้ของแฟรนไชส์รวมประมาณ 3,600 กว่าล้านบาท
“ ในความเห็นผมมองว่า ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน มีความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าเวลานี้จะมีปัญหาทาด้านการเมืองอยู่บ้างก็ตาม ส่วนช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ยอมรับว่ารายได้ยังทรงตัวอยู่ แต่อาศัยที่เราต้องทำโปรโมชั่นต็มที่จึงยังสามารถกระตุ้นตลาดกลับมาได้ "
ทั้งนี้แผนธุรกิจอาหารปีนี้ จะมีการขยายสาขาใม่ทุกแบรนด์รวมกันประมาณ 90-100 สาขา จาก 6 แบรนด์ เช่น เดอะพิซซ่าคอมปะนีเปิดประมาณ 17 สาขา สเวนเซ่นส์เปิดประมาณ 20 สาขา เบอร์เกอร์คิงเปิดประมาณ 10 สาขา เป็นต้น และคาดว่าสิ้นปีนี้ในไทยจะมีสาขารวม 1,100 สาขา แต่หากรวมทั้งในไทยและต่างประเทศ จะมีการขยายรวม 267 สาขา ในทุกแบรนด์รวมกัน
ปัจจุบันไมเนอร์กรุ๊ปมีร้านอาหารหลายแบรนด์ แต่ที่หลักๆและเป็นเชนมี 6 แบรนด์และมีจำนวนสาขาสิ้นสุดปี 2556 คือ 1. เดอะพิซซ่าคอมปะนี จำนวน 263 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯเอง, 2.ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จำนวน 274 สาขา เป็นการซื้อแฟรนไช์จากต่างประเทศ, 3.ซิซซ์เล่อร์ จำนวน 42 สาขา เป็นแบรนด์ที่ได้รับไลเซ่นส์จากต่างประเทศ
4.แดรี่ควีน จำนวน 368 สาขา เป็นแบรนด์ไลเซ่นส์จากต่างประเทศ, 5. เบอร์เกอร์คิง จำนวน 34 สาขา เป็นแบรนด์รบไลเซ่นส์จากต่างประเทศ และ 6. คอฟฟี่คลับ จำนวน 12 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเองที่ไปเทคโอเวอร์มาจากต่างประเทศ
นอกนั้นก็เป็นแบรนด์ทั่วไป ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบเชนที่มีสาขาจำนวนมาก โดยรวมแล้วสาขาทั้งหมดในไทยมีประมาณ 1,010 สาขา แต่ถ้ารวมสาขาในต่างประเทศด้วยจะมีรวมประมาณ 1,544 สาขา
อย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่มอีกแบรนด์ในช่วงปายปีนี้ ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯเองที่ไปเทคโอเวอร์มาจากต่างประเทศคือ ร่าน RIBS & RUMPS เป็นร้านที่บริการสเต๊กซี่โครงหมูเป็นไฮไลท์ เดิมเป็นของออสเตรเลี ปัจจุบันมี 12 สาขาที่ออสเตรเลีย และมีการขยายไปยังดูไบ และแอฟริกาใต้แล้ว แต่แบรนด์นี้อาจจะไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมากนัก เพราะเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมและต้องใช้พื้นที่มากและทำเลต้องมีความเหมาะสมซึ่งหายาก
นายพอลกล่าวด้วยว่า แม้ว่าไมเนอร์จะขยายธุรกิจอาหารต่อเนื่อง แต่ในส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมและแพร่หลายในไทยในปัจจุบัน ทางกลุ่มยังไม่มีความคิดหรือแผนที่จะลงทุนเปิดแบรนด์ร้านอาหาปุ่นในไทยแต่อย่างใด เพราะตลาดแข่งขันสูงและมีผู้ประกอบการจำนวนมาก การที่จะเปิดจะต้องทำเป็นเชน คงไม่ใช่เปิดแค่เล็กน้อยเพราะจะอยู่ลำบาก
“ไมเนอร์กรุ๊ปก็มีธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วในต่างประเทศชื่อ่ ซูโกโดะ ที่สิงคโปรฺ์ ประมาณ12 สาขา ไปได้ดีเหมือนกันและเราก็ไม่มีแผนที่จะนำมาเปิดในไทยแต่อย่างใด”
ล่าสุดเพื่อเป็นก่ารรองรับการขยายสาขาและต้องการใช้พนักงานจำนวนมาก นางปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ และทรัพยากรบุคคล ไมเนอร์กรุ๊ป กล่าวว่า ไมเนอร์ได้ทำการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งทำมา 2 ปีแล้ว ได้รับนักเรียนและนักศึกษาเข้าทำงานใน 3 หลักสูตรคือ หลักสูตรนักศึกษาฝึกบ้าง ระยะเวลา 320-350 ชั่วโมง หลักสูตหกิจ ระยะเวลา 4-6 เดือน และหลักสูตรทวิภาคี ระยะเวลา 1-2 ปี ด้วยการจัดหลักสูตร การจัดการฝึกอาชีพ การเรียนการสอน การวัดผล และมีใบรับรองการผ่านงานของสถานที่ที่ทำงานด้วย โดยในปี 2556 มีนักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมโครงการ 2,771 คน จาก 100 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
ปัจจุบันเครือไมเนอร์ฟู้ด มีจำนวนพนักงานที่เป็นฟูลไทม์ 9,348 คนและเป็นแบบพาร์ตไทม์ 10,480 คน รวมทั้งหมด 19,828 คน แต่หากถ้ารวมกับสาขาโลกแล้ว จะมีพนักงานแบบฟูลไทม์ 18,662 คน และพาร์ทไทม์จำนวน 13,205 คน
นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2557 ทางกลุ่มไมเนอร์ฟู้ดยังมีแผนที่จะลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยดั้งงบประมาณการลงทุนขยายธุรกิจทางด้านกลุ่มอาหารในไทยไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และใช้งบการตลาดรวมประมาณ 7% ของยอดขายรวมทั้งหมด และตั้งเป้าหมายการเติบโตยอดขายรวมปีนี้ไว้ที่ 12% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว กลุ่มอาหารสัดส่วนรายได้ประมาณ 41-45% จากรายได้รวมของไมเนอร์ทั้งกรุ๊ป และมีลูกค้าโดยรวมปีที่แล้วกว่า 70 ล้านคน
โดยจากเอกสารของบริษัทฯระบุว่า เมื่อปี 2556 รายได้กลุ่มอาหารในส่วนสาขาของบริษัทมีประมาณ 10,700 ล้านบาท ส่วนรายได้ของแฟรนไชส์รวมประมาณ 3,600 กว่าล้านบาท
“ ในความเห็นผมมองว่า ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน มีความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าเวลานี้จะมีปัญหาทาด้านการเมืองอยู่บ้างก็ตาม ส่วนช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ยอมรับว่ารายได้ยังทรงตัวอยู่ แต่อาศัยที่เราต้องทำโปรโมชั่นต็มที่จึงยังสามารถกระตุ้นตลาดกลับมาได้ "
ทั้งนี้แผนธุรกิจอาหารปีนี้ จะมีการขยายสาขาใม่ทุกแบรนด์รวมกันประมาณ 90-100 สาขา จาก 6 แบรนด์ เช่น เดอะพิซซ่าคอมปะนีเปิดประมาณ 17 สาขา สเวนเซ่นส์เปิดประมาณ 20 สาขา เบอร์เกอร์คิงเปิดประมาณ 10 สาขา เป็นต้น และคาดว่าสิ้นปีนี้ในไทยจะมีสาขารวม 1,100 สาขา แต่หากรวมทั้งในไทยและต่างประเทศ จะมีการขยายรวม 267 สาขา ในทุกแบรนด์รวมกัน
ปัจจุบันไมเนอร์กรุ๊ปมีร้านอาหารหลายแบรนด์ แต่ที่หลักๆและเป็นเชนมี 6 แบรนด์และมีจำนวนสาขาสิ้นสุดปี 2556 คือ 1. เดอะพิซซ่าคอมปะนี จำนวน 263 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯเอง, 2.ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จำนวน 274 สาขา เป็นการซื้อแฟรนไช์จากต่างประเทศ, 3.ซิซซ์เล่อร์ จำนวน 42 สาขา เป็นแบรนด์ที่ได้รับไลเซ่นส์จากต่างประเทศ
4.แดรี่ควีน จำนวน 368 สาขา เป็นแบรนด์ไลเซ่นส์จากต่างประเทศ, 5. เบอร์เกอร์คิง จำนวน 34 สาขา เป็นแบรนด์รบไลเซ่นส์จากต่างประเทศ และ 6. คอฟฟี่คลับ จำนวน 12 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเองที่ไปเทคโอเวอร์มาจากต่างประเทศ
นอกนั้นก็เป็นแบรนด์ทั่วไป ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบเชนที่มีสาขาจำนวนมาก โดยรวมแล้วสาขาทั้งหมดในไทยมีประมาณ 1,010 สาขา แต่ถ้ารวมสาขาในต่างประเทศด้วยจะมีรวมประมาณ 1,544 สาขา
อย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่มอีกแบรนด์ในช่วงปายปีนี้ ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯเองที่ไปเทคโอเวอร์มาจากต่างประเทศคือ ร่าน RIBS & RUMPS เป็นร้านที่บริการสเต๊กซี่โครงหมูเป็นไฮไลท์ เดิมเป็นของออสเตรเลี ปัจจุบันมี 12 สาขาที่ออสเตรเลีย และมีการขยายไปยังดูไบ และแอฟริกาใต้แล้ว แต่แบรนด์นี้อาจจะไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมากนัก เพราะเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมและต้องใช้พื้นที่มากและทำเลต้องมีความเหมาะสมซึ่งหายาก
นายพอลกล่าวด้วยว่า แม้ว่าไมเนอร์จะขยายธุรกิจอาหารต่อเนื่อง แต่ในส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมและแพร่หลายในไทยในปัจจุบัน ทางกลุ่มยังไม่มีความคิดหรือแผนที่จะลงทุนเปิดแบรนด์ร้านอาหาปุ่นในไทยแต่อย่างใด เพราะตลาดแข่งขันสูงและมีผู้ประกอบการจำนวนมาก การที่จะเปิดจะต้องทำเป็นเชน คงไม่ใช่เปิดแค่เล็กน้อยเพราะจะอยู่ลำบาก
“ไมเนอร์กรุ๊ปก็มีธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วในต่างประเทศชื่อ่ ซูโกโดะ ที่สิงคโปรฺ์ ประมาณ12 สาขา ไปได้ดีเหมือนกันและเราก็ไม่มีแผนที่จะนำมาเปิดในไทยแต่อย่างใด”
ล่าสุดเพื่อเป็นก่ารรองรับการขยายสาขาและต้องการใช้พนักงานจำนวนมาก นางปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ และทรัพยากรบุคคล ไมเนอร์กรุ๊ป กล่าวว่า ไมเนอร์ได้ทำการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งทำมา 2 ปีแล้ว ได้รับนักเรียนและนักศึกษาเข้าทำงานใน 3 หลักสูตรคือ หลักสูตรนักศึกษาฝึกบ้าง ระยะเวลา 320-350 ชั่วโมง หลักสูตหกิจ ระยะเวลา 4-6 เดือน และหลักสูตรทวิภาคี ระยะเวลา 1-2 ปี ด้วยการจัดหลักสูตร การจัดการฝึกอาชีพ การเรียนการสอน การวัดผล และมีใบรับรองการผ่านงานของสถานที่ที่ทำงานด้วย โดยในปี 2556 มีนักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมโครงการ 2,771 คน จาก 100 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
ปัจจุบันเครือไมเนอร์ฟู้ด มีจำนวนพนักงานที่เป็นฟูลไทม์ 9,348 คนและเป็นแบบพาร์ตไทม์ 10,480 คน รวมทั้งหมด 19,828 คน แต่หากถ้ารวมกับสาขาโลกแล้ว จะมีพนักงานแบบฟูลไทม์ 18,662 คน และพาร์ทไทม์จำนวน 13,205 คน