**ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจจากคนกรุงเทพมหานครแบบถล่มทลายให้ ม.ร.ว.สขุมพันธุ์ บริพัตร กลับมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงล้านกว่าคะแนน เมื่อ 3 มีนาคม 2556
ผ่านมา 1 ปีพอดิบพอดี ใครจะไปคาดคิดว่าคุณชายสุขุมพันธุ์ อาจหลุดจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ !
หากศาลอุทธรณ์ตัดสินตามคำร้องของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ให้ใบเหลือง สุขุมพันธุ์ ในความผิดฐานการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อ 3 มี.ค. 56 ที่ระหว่างการหาเสียงดังกล่าว ทีมงานช่วยหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะพวกอดีต ส.ส.ของพรรคได้มีการหาเสียงในลักษณะที่ กกต.เห็นว่าเป็นการให้ร้ายกับผู้สมัครคนอื่น ที่ก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แม้ สุขุมพันธุ์ จะไม่ใช่ผู้ดำเนินการโดยตรง แต่เมื่อเป็นการหาเสียงเพื่อทำให้สุขุมพันธุ์ ได้คะแนนเสียงได้ประโยชน์จากการหาเสียงนั้น
จึงถือเป็นการการกระทำเข้าข่ายหาเสียงใส่ร้ายให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ขัด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 57(5) มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต
ดูตามขั้นตอนคดีแล้ว อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ สุขุมพันธุ์ คงเตรียมหยุดการทำงานที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครได้เลย เพราะยังไงเสีย เมื่อ กกต.ส่งคำร้องไปที่ศาลอุทธรณ์ ที่จะต้องพิจารณาคดีนี้ เพราะการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น เมื่อกกต.มีการดำเนินการใดๆ เช่น การให้ใบเหลือง–การขอให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลยุติธรรมในพื้นที่ ไม่เหมือนกับการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว. ที่จะต้องส่งไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และตามกระบวน การ เมื่อกกต.ส่งคำร้องไปแล้ว คาดว่าจะไม่เกิน 14 มี.ค.นี้ ศาลอุทธรณ์ ก็ต้องรับคำร้องไว้พิจารณาคดีค่อนข้างแน่อยู่แล้ว
**ตามกฎหมาย หากศาลรับคำร้องไว้เมื่อไหร่ วันนั้น “ชายหมู”ก็ขาลอย ต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมา และหากศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำร้องของกกต. ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลตัดสิน
ปีนี้คนกรุงเทพมหานคร อาจจะได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันหลายครั้งหน่อย ปลายดือนนี้ ก็มีเลือกตั้งส.ว. แต่จะได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้งหรือไม่ อันนี้ต้องรอดู
อย่างไรก็ดี มีโอกาสสูงไม่น้อยที่ สุขุมพันธุ์ อาจรอดก็ได้ เพราะจากสถิติคดีที่ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งหลายคดีก็ปรากฏว่า ศาลก็ยกคำร้องอยู่บ่อย อย่างคดีที่คนจำกันได้ก็เช่น คดีบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนั้น กกต.ชุดที่แล้วบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานถึงขั้นคนมองไปล่วงหน้าแล้ว ตัวบุญจงที่เป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย โดนแบบนี้ พรรคภูมิใจไทย โดนยุบพรรคชัวร์ ไม่มีรอด แต่สุดท้ายศาลก็ยังยกคำร้อง ดังนั้นโอกาสที่ สุขุมพันธุ์ จะชนะคดี ก็ยังมีอยู่
**ภายใต้แนวทางของคดี ที่จะออกมาได้แค่ 2 แนวทางเท่านั้น คือ 1. ศาลมีคำพิพากษาว่า สมควรให้ใบเหลืองกับสุขุมพันธุ์ ตามที่กกต.ส่งเรื่องมา หากออกมาแบบนี้ ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยสุขุมพันธุ์ ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ต่อ และ 2. ศาลยกคำร้อง สุขุมพันธุ์ ก็กลับไปทำหน้าที่ได้ตามปกติ
ยิ่งคดีของสุขุมพันธุ์ ก็เห็นชัดว่า กกต.ทั้ง 5 คน ก็ยังเสียงแตก ถกกันหนัก กว่าจะลงมติกันออกมาได้ แต่เสียงก็เฉียดฉิว 3 ต่อ 2 โดย 2 เสียง กกต.ที่เห็นว่าไม่ควรให้ใบเหลืองสุขุมพันธุ์ ก็คือ ประวิช รัตนเพียร และ ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ แสดงให้เห็นว่า กกต.ด้วยกันเองก็ยังมองว่า สุขุมพันธ์ ไม่สมควรต้องรับผิดในกรณีนี้
ทีมงานสู้คดีของสุขุมพันธุ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงต้องยกเหตุผลของ กกต.เสียงข้างน้อยมาสู้คดีในชั้นศาลด้วยแน่นอน ควบคู่ไปกับการพยายามแสดงให้ศาลเห็นว่า สุขุมพันธุ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการหาเสียงของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการปราศรัยหาเสียง หรือรณรงค์หาเสียงโดยพาดพิง พล.ต.อ.พงศพัศ ในเรื่องความเกี่ยวข้องกับเสื้อแดง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คงกำชับทีมกฎหมายของพรรคให้ลงไปช่วยสุขุมพันธุ์ เต็มที่ เพราะพรรคก็คงไม่อยากไปหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในสถานการณ์การเมืองที่ยังสับสนวุ่นวายแบบนี้ ก็ต้องสู้คดีถึงที่สุด
หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ขึ้นมาจริง ประชาธิปัตย์ก็ยังน่าจะได้เปรียบพรรคเพื่อไทยอยู่ค่อนข้างมาก เพราะกระแสคนกรุงเทพฯ เวลานี้ก็ยังเห็นชัดว่า ยังหนุนประชาธิปัตย์มากกว่าเพื่อไทย ยิ่งเมื่อดูจากคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อ มีนาคม 2556 ที่ สุขุมพันธุ์ ได้คะแนนทิ้งห่าง พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ ค่อนข้างห่าง
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ลอยมาจากศาลาฯกทม. ย่านเสาชิงช้า หลังรู้ข่าวกกต.ให้ใบเหลืองกับสุขุมพันธุ์ เจ้าตัวและทีมงานหารือกันเคร่งเครียด และเลือกใช้วิธีเปิดแถลงข่าวทันทีแบบไม่รอข้ามวัน หลังรู้มติกกต. เพื่อแสดงสปิริตยอมรับการทำงานขององค์กรอิสระ อย่างกกต. และคำตัดสินของศาลยุติธรรม ชิงเอาแต้มแต่เนิ่นๆ แต่ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ยังเชื่อศาลยุติธรรมจะให้โอกาสทำงานต่อไป
พร้อมกับมีการพลิกข้อกฎหมายหลายเล่ม จนได้ความเบื้องต้นว่า แม้สุขุมพันธุ์ จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทีมงานทั้งหมดตั้งแต่ รองผู้ว่าฯกทม.-ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ก็ยังทำงานกันได้ต่อไป และมีแนวโน้มจะดัน ดร.ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต และอดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ประชาธิปัตย์ ขึ้นรักษาการแทน
**สุขุมพันธุ์ จะต้องหลุดจากเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ก่อนครบวาระหรือไม่ คาดกันว่าอีกไม่นานก็จะได้รู้กัน บนการลุ้นสุดตัวของ อดีต ส.ส.กทม. และพวกส.ก.-ส.ข. ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่อยากลงสนามรบในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในช่วงนี้สักเท่าไหร่
ผ่านมา 1 ปีพอดิบพอดี ใครจะไปคาดคิดว่าคุณชายสุขุมพันธุ์ อาจหลุดจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ !
หากศาลอุทธรณ์ตัดสินตามคำร้องของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ให้ใบเหลือง สุขุมพันธุ์ ในความผิดฐานการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อ 3 มี.ค. 56 ที่ระหว่างการหาเสียงดังกล่าว ทีมงานช่วยหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะพวกอดีต ส.ส.ของพรรคได้มีการหาเสียงในลักษณะที่ กกต.เห็นว่าเป็นการให้ร้ายกับผู้สมัครคนอื่น ที่ก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แม้ สุขุมพันธุ์ จะไม่ใช่ผู้ดำเนินการโดยตรง แต่เมื่อเป็นการหาเสียงเพื่อทำให้สุขุมพันธุ์ ได้คะแนนเสียงได้ประโยชน์จากการหาเสียงนั้น
จึงถือเป็นการการกระทำเข้าข่ายหาเสียงใส่ร้ายให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ขัด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 57(5) มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต
ดูตามขั้นตอนคดีแล้ว อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ สุขุมพันธุ์ คงเตรียมหยุดการทำงานที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครได้เลย เพราะยังไงเสีย เมื่อ กกต.ส่งคำร้องไปที่ศาลอุทธรณ์ ที่จะต้องพิจารณาคดีนี้ เพราะการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น เมื่อกกต.มีการดำเนินการใดๆ เช่น การให้ใบเหลือง–การขอให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลยุติธรรมในพื้นที่ ไม่เหมือนกับการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว. ที่จะต้องส่งไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และตามกระบวน การ เมื่อกกต.ส่งคำร้องไปแล้ว คาดว่าจะไม่เกิน 14 มี.ค.นี้ ศาลอุทธรณ์ ก็ต้องรับคำร้องไว้พิจารณาคดีค่อนข้างแน่อยู่แล้ว
**ตามกฎหมาย หากศาลรับคำร้องไว้เมื่อไหร่ วันนั้น “ชายหมู”ก็ขาลอย ต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมา และหากศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำร้องของกกต. ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลตัดสิน
ปีนี้คนกรุงเทพมหานคร อาจจะได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันหลายครั้งหน่อย ปลายดือนนี้ ก็มีเลือกตั้งส.ว. แต่จะได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้งหรือไม่ อันนี้ต้องรอดู
อย่างไรก็ดี มีโอกาสสูงไม่น้อยที่ สุขุมพันธุ์ อาจรอดก็ได้ เพราะจากสถิติคดีที่ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งหลายคดีก็ปรากฏว่า ศาลก็ยกคำร้องอยู่บ่อย อย่างคดีที่คนจำกันได้ก็เช่น คดีบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนั้น กกต.ชุดที่แล้วบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานถึงขั้นคนมองไปล่วงหน้าแล้ว ตัวบุญจงที่เป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย โดนแบบนี้ พรรคภูมิใจไทย โดนยุบพรรคชัวร์ ไม่มีรอด แต่สุดท้ายศาลก็ยังยกคำร้อง ดังนั้นโอกาสที่ สุขุมพันธุ์ จะชนะคดี ก็ยังมีอยู่
**ภายใต้แนวทางของคดี ที่จะออกมาได้แค่ 2 แนวทางเท่านั้น คือ 1. ศาลมีคำพิพากษาว่า สมควรให้ใบเหลืองกับสุขุมพันธุ์ ตามที่กกต.ส่งเรื่องมา หากออกมาแบบนี้ ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยสุขุมพันธุ์ ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ต่อ และ 2. ศาลยกคำร้อง สุขุมพันธุ์ ก็กลับไปทำหน้าที่ได้ตามปกติ
ยิ่งคดีของสุขุมพันธุ์ ก็เห็นชัดว่า กกต.ทั้ง 5 คน ก็ยังเสียงแตก ถกกันหนัก กว่าจะลงมติกันออกมาได้ แต่เสียงก็เฉียดฉิว 3 ต่อ 2 โดย 2 เสียง กกต.ที่เห็นว่าไม่ควรให้ใบเหลืองสุขุมพันธุ์ ก็คือ ประวิช รัตนเพียร และ ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ แสดงให้เห็นว่า กกต.ด้วยกันเองก็ยังมองว่า สุขุมพันธ์ ไม่สมควรต้องรับผิดในกรณีนี้
ทีมงานสู้คดีของสุขุมพันธุ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงต้องยกเหตุผลของ กกต.เสียงข้างน้อยมาสู้คดีในชั้นศาลด้วยแน่นอน ควบคู่ไปกับการพยายามแสดงให้ศาลเห็นว่า สุขุมพันธุ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการหาเสียงของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการปราศรัยหาเสียง หรือรณรงค์หาเสียงโดยพาดพิง พล.ต.อ.พงศพัศ ในเรื่องความเกี่ยวข้องกับเสื้อแดง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คงกำชับทีมกฎหมายของพรรคให้ลงไปช่วยสุขุมพันธุ์ เต็มที่ เพราะพรรคก็คงไม่อยากไปหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในสถานการณ์การเมืองที่ยังสับสนวุ่นวายแบบนี้ ก็ต้องสู้คดีถึงที่สุด
หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ขึ้นมาจริง ประชาธิปัตย์ก็ยังน่าจะได้เปรียบพรรคเพื่อไทยอยู่ค่อนข้างมาก เพราะกระแสคนกรุงเทพฯ เวลานี้ก็ยังเห็นชัดว่า ยังหนุนประชาธิปัตย์มากกว่าเพื่อไทย ยิ่งเมื่อดูจากคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อ มีนาคม 2556 ที่ สุขุมพันธุ์ ได้คะแนนทิ้งห่าง พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ ค่อนข้างห่าง
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ลอยมาจากศาลาฯกทม. ย่านเสาชิงช้า หลังรู้ข่าวกกต.ให้ใบเหลืองกับสุขุมพันธุ์ เจ้าตัวและทีมงานหารือกันเคร่งเครียด และเลือกใช้วิธีเปิดแถลงข่าวทันทีแบบไม่รอข้ามวัน หลังรู้มติกกต. เพื่อแสดงสปิริตยอมรับการทำงานขององค์กรอิสระ อย่างกกต. และคำตัดสินของศาลยุติธรรม ชิงเอาแต้มแต่เนิ่นๆ แต่ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ยังเชื่อศาลยุติธรรมจะให้โอกาสทำงานต่อไป
พร้อมกับมีการพลิกข้อกฎหมายหลายเล่ม จนได้ความเบื้องต้นว่า แม้สุขุมพันธุ์ จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทีมงานทั้งหมดตั้งแต่ รองผู้ว่าฯกทม.-ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ก็ยังทำงานกันได้ต่อไป และมีแนวโน้มจะดัน ดร.ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต และอดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ประชาธิปัตย์ ขึ้นรักษาการแทน
**สุขุมพันธุ์ จะต้องหลุดจากเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ก่อนครบวาระหรือไม่ คาดกันว่าอีกไม่นานก็จะได้รู้กัน บนการลุ้นสุดตัวของ อดีต ส.ส.กทม. และพวกส.ก.-ส.ข. ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่อยากลงสนามรบในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในช่วงนี้สักเท่าไหร่