ตอนนี้ข่าวการแบ่งแยกประเทศเป็นที่สนใจของคนโดยทั่วไป ที่น่าสังเกตก็คือจะมีการจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาเป็นการเฉพาะอีกด้วย การจัดตั้งกองกำลังหมายความว่าจะมีกองทัพประจำการเป็นของตนเอง
ความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศนี้มีมาแล้วระยะหนึ่ง แต่มาโผล่อีกทีตอนที่ ป.ป.ช.กำลังจะพิสูจน์มูลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนกลุ่มหนึ่งประกาศว่าหากมีการชี้มูลความผิด ก็จะมีการย้ายเมืองหลวงไปอยู่ภาคเหนือ โดยให้ยิ่งลักษณ์ไปเป็นนายกรัฐมนตรีของที่นั่น
ข่าวเหล่านี้ควรพิจารณาควบคู่ไปกับการปาระเบิดข่มขู่ศาลด้วย การไม่ยอมรับองค์กรที่มีความเป็นอิสระไม่เข้าข้างใครนี้ เท่ากับว่าเวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับสถาบันของบ้านเมืองเราแล้ว นับตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ไปจนถึงสถาบันศาล ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเลย เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นพวกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีออกมาพูดเหมือนกับคนในรัฐบาลคนอื่นๆ ว่า ทหารควรให้ความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย เหมือนกับจะพูดแทนคนที่ถูกกล่าวหาว่าจะแบ่งแยกดินแดน
การแบ่งแยกดินแดนนั้น แม้ยังจะไม่มีการดำเนินการจริงๆ ก็น่าจะถือเป็นความผิดแล้ว เพราะมีการแสดงเจตนาที่ชัดแจ้ง และยังทำป้ายผ้าบาติกตามที่สาธารณะอีกด้วย
มีคนสงสัยว่า หากมีการแบ่งแยกประเทศจริง ประเทศนี้จะเอาเงินที่ไหนมาบริหาร เพราะคนส่วนใหญ่ยากจนและไม่เสียภาษี มิหนำซ้ำยังมีนิสัยเคยชินกับการรับกองทุนตลอดจนมาตรการลด แลก แจก แถม ตามนโยบายประชานิยมอีกด้วย
หากเกิด สปป.ล้านนาจริง รัฐบาลของประเทศนี้คงมีนโยบายจำนำสินค้าเกษตรทุกชนิดเช่น
นโยบายจำนำข้าว
นโยบายจำนำกระเทียม
นโยบายจำนำลิ้นจี่
นโยบายจำนำลำไย
นโยบายลูกคนแรก (ให้เงินคนละ 1,000 บาท)
นโยบายอีกหลายอย่างที่เน้นการให้
เมื่อมองบรรดาแกนนำของคนกลุ่มนี้ดูแล้ว เราก็จะเห็นรัฐบาลที่มีคนหน้าตาแปลกๆ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีอีกหลายคน และคงเป็นที่ขบขันกันพอประมาณ
แล้วทำไมคนเหล่านี้จึงอยากแยกดินแดน เขาบอกว่า ถ้าไม่ได้รับความยุติธรรมก็จะแยกประเทศ ความหมายก็คืออะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีกับพวกเขาๆ ก็คิดว่าไม่ยุติธรรมทั้งสิ้น
ในสังคมเรามีการแตกแยกแบ่งเป็นฝ่าย แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือศาลสถิตยุติธรรม และองค์กรอิสระยังมีความเป็นกลางอยู่ เพราะโดยภูมิหลังและอาชีพตลอดจนความเป็นอิสระของหน่วยงานเหล่านี้ ทำให้คนที่ทำงานในหน่วยงานยังสามารถรักษาความเป็นกลางไว้ได้
นอกจากนั้นมีการแบ่งฝ่ายกันชัดเจน บางคนมาเล่าว่า คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเก่าแก่มีนักวิชาการแดง 90% และเวลานี้คณะรัฐศาสตร์ก็มีนิสิตที่ตื่นตัวทางการเมืองน้อยกว่าคณะอื่นๆ
ผู้ซึ่งเป็นความหวังประชาชนกลับเป็นทหาร ที่จริงทหารควรตื่นตัวเต็มที่ เพราะเป็นการท้าทายทหารโดยตรง ที่จู่ๆ ก็ออกมาบอกว่าจะแบ่งประเทศ การตั้งกองกำลังของตนเองให้ได้เป็นแสนก็เป็นการบ่งบอกการท้าทายกำลังทหารอีกทางหนึ่ง แล้วอย่างนี้ทหารจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน
คนประเภทไหนที่ต้องการแบ่งแยกประเทศ แสดงว่าพวกเขาต้องมีแต่ความโกรธเกรี้ยว และความเกลียดชัง การแสดงออกของคนเหล่านี้ต่างกรรมต่างวาระ บ่งบอกว่าพวกเขามีนายเพียงคนเดียว และเป็นนายที่ให้เงินดูแลเลี้ยงดูพวกเขามาโดยตลอด
ที่จริงทางการควรระวังมาตั้งแต่คนเหล่านี้ชักธงแดงที่หมู่บ้านของพวกเขาแล้ว ในบรรดาแกนนำของคนเหล่านี้ก็มีส่วนหนึ่งที่เคยเป็น “สหาย” มาก่อน พลังตกค้างที่มากับคนพวกนี้ก็คือ ความต้องการในการล้มล้าง “ศักดินา” ซึ่งน่าจะหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลุ่มอำมาตย์ คนพวกนี้เชื่อว่าในระยะแรกจำเป็นต้องสามัคคีกับนายทุนเพื่อล้มล้างศักดินา เสร็จแล้วจึงจะล้มล้างนายทุน เราได้เห็นคนพวกนี้แต่งกายสวมหมวกแดงมาชุมนุมกัน และคนที่เป็นหัวหอกให้แก่ “สปป.ล้านนา” ก็คือกลุ่มซ้ายเก่านี้เอง
จะว่าไปแล้ว กลุ่มซ้ายเก่าก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ไม่ใช่ในรูปลักษณ์เก่า แต่เป็นการประกาศสงครามกับพวกอำมาตย์ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย คนกลุ่มนี้อาศัยการจัดตั้งแบบพรรคคอมมิวนิสต์ และยังเชื่อใน “แก้ว 3 ดวง” จึงมีการก่อตั้งกองกำลังขึ้น พวกเขาประเมินว่าสังคมไทยเกิดความสุกงอมพร้อมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นี่คือคำอธิบายว่าเหตุใดการเสนอแบ่งแยกประเทศจึงมาเกิดขึ้นเวลานี้
จะว่าไปแล้วก็คือเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่นั่นเอง!
ความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศนี้มีมาแล้วระยะหนึ่ง แต่มาโผล่อีกทีตอนที่ ป.ป.ช.กำลังจะพิสูจน์มูลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนกลุ่มหนึ่งประกาศว่าหากมีการชี้มูลความผิด ก็จะมีการย้ายเมืองหลวงไปอยู่ภาคเหนือ โดยให้ยิ่งลักษณ์ไปเป็นนายกรัฐมนตรีของที่นั่น
ข่าวเหล่านี้ควรพิจารณาควบคู่ไปกับการปาระเบิดข่มขู่ศาลด้วย การไม่ยอมรับองค์กรที่มีความเป็นอิสระไม่เข้าข้างใครนี้ เท่ากับว่าเวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับสถาบันของบ้านเมืองเราแล้ว นับตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ไปจนถึงสถาบันศาล ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเลย เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นพวกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีออกมาพูดเหมือนกับคนในรัฐบาลคนอื่นๆ ว่า ทหารควรให้ความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย เหมือนกับจะพูดแทนคนที่ถูกกล่าวหาว่าจะแบ่งแยกดินแดน
การแบ่งแยกดินแดนนั้น แม้ยังจะไม่มีการดำเนินการจริงๆ ก็น่าจะถือเป็นความผิดแล้ว เพราะมีการแสดงเจตนาที่ชัดแจ้ง และยังทำป้ายผ้าบาติกตามที่สาธารณะอีกด้วย
มีคนสงสัยว่า หากมีการแบ่งแยกประเทศจริง ประเทศนี้จะเอาเงินที่ไหนมาบริหาร เพราะคนส่วนใหญ่ยากจนและไม่เสียภาษี มิหนำซ้ำยังมีนิสัยเคยชินกับการรับกองทุนตลอดจนมาตรการลด แลก แจก แถม ตามนโยบายประชานิยมอีกด้วย
หากเกิด สปป.ล้านนาจริง รัฐบาลของประเทศนี้คงมีนโยบายจำนำสินค้าเกษตรทุกชนิดเช่น
นโยบายจำนำข้าว
นโยบายจำนำกระเทียม
นโยบายจำนำลิ้นจี่
นโยบายจำนำลำไย
นโยบายลูกคนแรก (ให้เงินคนละ 1,000 บาท)
นโยบายอีกหลายอย่างที่เน้นการให้
เมื่อมองบรรดาแกนนำของคนกลุ่มนี้ดูแล้ว เราก็จะเห็นรัฐบาลที่มีคนหน้าตาแปลกๆ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีอีกหลายคน และคงเป็นที่ขบขันกันพอประมาณ
แล้วทำไมคนเหล่านี้จึงอยากแยกดินแดน เขาบอกว่า ถ้าไม่ได้รับความยุติธรรมก็จะแยกประเทศ ความหมายก็คืออะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีกับพวกเขาๆ ก็คิดว่าไม่ยุติธรรมทั้งสิ้น
ในสังคมเรามีการแตกแยกแบ่งเป็นฝ่าย แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือศาลสถิตยุติธรรม และองค์กรอิสระยังมีความเป็นกลางอยู่ เพราะโดยภูมิหลังและอาชีพตลอดจนความเป็นอิสระของหน่วยงานเหล่านี้ ทำให้คนที่ทำงานในหน่วยงานยังสามารถรักษาความเป็นกลางไว้ได้
นอกจากนั้นมีการแบ่งฝ่ายกันชัดเจน บางคนมาเล่าว่า คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเก่าแก่มีนักวิชาการแดง 90% และเวลานี้คณะรัฐศาสตร์ก็มีนิสิตที่ตื่นตัวทางการเมืองน้อยกว่าคณะอื่นๆ
ผู้ซึ่งเป็นความหวังประชาชนกลับเป็นทหาร ที่จริงทหารควรตื่นตัวเต็มที่ เพราะเป็นการท้าทายทหารโดยตรง ที่จู่ๆ ก็ออกมาบอกว่าจะแบ่งประเทศ การตั้งกองกำลังของตนเองให้ได้เป็นแสนก็เป็นการบ่งบอกการท้าทายกำลังทหารอีกทางหนึ่ง แล้วอย่างนี้ทหารจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน
คนประเภทไหนที่ต้องการแบ่งแยกประเทศ แสดงว่าพวกเขาต้องมีแต่ความโกรธเกรี้ยว และความเกลียดชัง การแสดงออกของคนเหล่านี้ต่างกรรมต่างวาระ บ่งบอกว่าพวกเขามีนายเพียงคนเดียว และเป็นนายที่ให้เงินดูแลเลี้ยงดูพวกเขามาโดยตลอด
ที่จริงทางการควรระวังมาตั้งแต่คนเหล่านี้ชักธงแดงที่หมู่บ้านของพวกเขาแล้ว ในบรรดาแกนนำของคนเหล่านี้ก็มีส่วนหนึ่งที่เคยเป็น “สหาย” มาก่อน พลังตกค้างที่มากับคนพวกนี้ก็คือ ความต้องการในการล้มล้าง “ศักดินา” ซึ่งน่าจะหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลุ่มอำมาตย์ คนพวกนี้เชื่อว่าในระยะแรกจำเป็นต้องสามัคคีกับนายทุนเพื่อล้มล้างศักดินา เสร็จแล้วจึงจะล้มล้างนายทุน เราได้เห็นคนพวกนี้แต่งกายสวมหมวกแดงมาชุมนุมกัน และคนที่เป็นหัวหอกให้แก่ “สปป.ล้านนา” ก็คือกลุ่มซ้ายเก่านี้เอง
จะว่าไปแล้ว กลุ่มซ้ายเก่าก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ไม่ใช่ในรูปลักษณ์เก่า แต่เป็นการประกาศสงครามกับพวกอำมาตย์ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย คนกลุ่มนี้อาศัยการจัดตั้งแบบพรรคคอมมิวนิสต์ และยังเชื่อใน “แก้ว 3 ดวง” จึงมีการก่อตั้งกองกำลังขึ้น พวกเขาประเมินว่าสังคมไทยเกิดความสุกงอมพร้อมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นี่คือคำอธิบายว่าเหตุใดการเสนอแบ่งแยกประเทศจึงมาเกิดขึ้นเวลานี้
จะว่าไปแล้วก็คือเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่นั่นเอง!