xs
xsm
sm
md
lg

อสส.จ่อฟ้องศาลปกครองเอาผิดจำนำข้าว5 มี.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - อัยการสูงสุดเตรียมฟ้องศาลปกครองเรียกความเสียหายให้ชาวนา 5 มี.ค.นี้ ด้านปชป.บี้ “ชาดา” ประนาม “ยิ่งลักษณ์” เบี้ยวจ่ายเงินจำนำข้าวหลังรับปากจ่ายภายใน 1 สัปดาห์ ขณะที่นายกส่งทนายความ ขอคัดลอกสำนวนคดีแทน

วานนี้ (3 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พระพุทธอิสระ พร้อมด้วยนายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย ได้นำชาวนาจาก จ.เพชรบุรี จ.ราชบุรี จ.กาญจนบุรี จ.สิงค์บุรี จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.พิษณุโลก ประมาณ 500 ราย เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อยื่นเอกสารฟ้องต่อศาลปกครอง เพิ่มเติม

นายระวี กล่าวว่า ในวันนี้ (4 มี.ค.)เวลา 10.00 น.จะนำชาวนาเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นที่ทำงานของรัฐบาล เพื่อกดดันรัฐบาล พร้อมทั้งไปแสดงให้เห็นว่ากลุ่มชาวนาดังกล่าวเป็นชาวนาจริงหรือไม่ และการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะเรามาเพื่อทวงเงินของเรา ซึ่งเราเดือดร้อนจริงๆ และอยากให้รัฐบาลเห็นใจพวกเราด้วย อย่างไรก็ตามกลุ่มชาวนาที่เดือดร้อนเดินทางมาชุมนุมเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลไม่สนใจ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ และไม่เคยออกมาขอโทษ หรือชี้แจงเรื่องดังกล่าวกับชาวนา พูดถึงแต่เรื่องความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่า ซึ่งตนรู้สึกเสียใจ

ทั้งนี้ถ้ามีการชุมนุมใหญ่หรือมีการเคลื่อนไหวใหญ่จะมีการประสานแต่ละกลุ่มอีกครั้ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายชาวนา เนื่องจากชาวนาบางรายมีข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และอาชีพที่ต้องหาเช้ากินค่ำ สำหรับเป้าหมายในปัจจุบันนี้ ชาวนามองแล้วว่าถ้าไม่มีรัฐบาลใหม่โอกาสที่จะได้เงินก้อนนั้นค่อนข้างที่จะยาก เพราะฉะนั้นจึงไปพ้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองของผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่เคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปประเทศ และต้องการให้รัฐบาลลาออก โดยวัตถุประสงค์ทั้ง 2 กลุ่มอาจต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้รัฐบาลลาออก

ด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม เลขานุการอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานของชาวนา เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลปกครองว่า ขณะนี้ในจำนวน 200 เรื่อง มีความสมบูรณ์แล้วครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก12คน เพื่อเขียนคำฟ้อง และร่างฟ้องเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามเราจะคัดเอกสารที่พร้อมและคนที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันฟ้องก่อน โดยในวันพุธ (5 มี.ค.) ก่อนเที่ยง จะสามารถยื่นฟ้องได้ ซึ่งภายในอาทิตย์นี้จะฟ้องได้ 1-2 ชุดก่อน หลังจากนั้นจะทยอยฟ้องในสัปดาห์หน้าต่อไป สำหรับการตั้งโต๊ะรับเอกสารเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้น ไม่ได้เปิดวันนี้แค่วันเดียว ถ้าชาวนาจะมาอีกเมื่อไหร่นั้นให้แจ้งกับทางเราล่วงหน้าก่อนว่าจะมาวันไหน และระบุจำนวนที่ต้องการยื่นเรื่อง เพราะทางเราต้องเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อรอรับเอกสาร หลักฐานต่างๆ ประกอบในการฟ้อง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อสส.ได้รับการประสานงานจากชาวนาจาก จ.อุบลราชธานีและ จ.กำแพงเพชรว่า ชาวนาได้รวบรวมเอกสารเรียบร้อยแล้วแต่มีปัญหาในเรื่องการเดินทาง ซึ่งทางอสส.จะจัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับเรื่องมาเพื่อดำเนินการให้

***จี้สตง.สอบโครงการรับจำนำข้าว

ขณะที่ช่วงเช้าหลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชนเคลื่อนขบวนด้วยรถบัสและรถยนต์จากเวทีศูนย์ราชการ ไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อติดตามการจ่ายเงินชาวนาโครงการรับจำนำข้าว โดยให้ปักหลักอยู่ที่หน้าประตู 4 ภายในซอยอารีย์สัมพันธ์ ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้เข้าหารือกับ นายชุมพร จินตนาวสาร แกนนำกลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ที่ได้เดินทางนำชาวนาจากภาคเหนือ กลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ มาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร โดยกลุ่มเครือข่ายจะไม่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มใด ภายหลังการยื่นข้อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรก็จะเดินทางกลับ โดยปักหลักอยู่ที่ประตู 2 ด้านข้างกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ซึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้เสนอพิมพ์เขียวชาวนา ให้กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยพิจารณาว่า จะเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส. แจ้งวัฒนะ หรือไม่

ต่อมา เวลา 10.30 น. นายระวี รุ่งเรือง แกนนำชาวนา ได้นำชาวนาจากกระทรวงพาณิชย์ มาสมทบกับมวลชน กปปส. ด้านหน้า สตง. โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ยื่นเสนอให้ สตง. เร่งตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากมีการบริหารงานผิดพลาด จนไม่มีเงินมาจ่ายให้ชาวนา และยังพบว่า มีข้าวเน่าถูกเก็บไว้ในโกดังจำนวนมาก จึงขอให้ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เร่งสั่งการให้มีการตรวจสอบการทุจริต และสั่งให้องค์การคลังสินค้าเปิดโกดังทุกแห่งให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบ รวมทั้งสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยการคลัง กับนายกรัฐมนตรี และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง กรณีดำเนินนโยบาย โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ประกาศจะนำมวลชน กลับมาทวงถามความคืบหน้าอีกครั้งในอีก 7 วัน

** "จุฤทธิ "บี้ "ชาดา" ประนาม "ยิ่งลักษณ์"

นายจุฤทธิ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ครบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่ชาวนานำโดย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางกลับภูมิลำเนา หลังพาชาวนาบุกกรุงเทพฯ เพราะเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติตามสัญญาด้วยการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอให้นายชาดา และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันประนาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินชาวนาโดยด่วน เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่า ชาวนาจะได้เงินคืนชาติไหน ในขณะที่ชาวนามีหนี้ที่ต้องจ่ายก่อน 31 มี.ค.57 ดังนั้น ต้องเร่งหาเงินให้ชาวนา

"การอ้างจีทูจีนั้น ความจริงคือ จีบายจี หรือ เจี๊ยะบายเจ๊ ทำให้รัฐบาลไม่เร่งระบายข้าวในขณะที่ข้าวฤดูกล 56/57 เริ่มเข้าโรงสีแล้ว ทำให้ราคาข้าวตกต่ำลงเหลือแค่ตันละ 5 พันบาท กลายเป็นกรรมซ้ำสอง ที่รัฐบาลทำลายตลาดค้าข้าวของชาวนาเรียบร้อยแล้ว จากสัปดาห์ที่แล้ว ราคายังอยู่ที่ 8 พันบาท แต่เมื่อรัฐบาลเบี้ยวจ่ายหนี้จำนำข้าว ทำให้ถูกกดราคาซ้ำ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว" นายจุฤทธิ กล่าว

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำเอกสารหนังสือด่วนที่สุด 5 ฉบับ ลงนามโดย เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 มีเนื้อหาเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับการใช้เงินในโครงการจำนำข้าว มาย้ำเตือนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตระหนักว่า เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจำนำข้าว แต่ในขณะนี้ปล่อยให้มีการกดดันป.ป.ช.โดยอ้างว่า ไม่ทราบเรื่องทั้งที่มีการเตือนในเรื่องนี้จากหลายหน่วยงาน รวมทั้ง สตง. ที่ส่งหนังสือเตือนไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ตั้งแต่ปี 2554-2557 เป็นจำนวน 5 ฉบับ และเรียกร้องให้ ป.ป.ช. นำหลักฐานดังกล่าวไปประกอบการไต่สวนในความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 และคดีอาญา อื่นด้วย

น.ส.มัลลิกา ยังเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศจุดยืนเกี่ยวกับการปราบปรามคอร์รัปชัน และยับยั้งการคุกคามบุคลากรทางการแพทย์ จากที่คนเสื้อแดงไปปลดยป้ายต่อต้านรัฐบาลโกง ของโรงพยาบาลต่างๆ และยังมีการข่มขู่ว่า นอกจากจะปลดป้ายแล้ว ยังประกาศจะปิดโรงพยาบาลด้วย ในขณะที่รัฐบาลไม่ดำเนินการอะไรเลย พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลและคนเสื้อแดง จึงทนไม่ได้กับข้อความประนามรัฐบาลขี้โกง

** ขอให้เลือกตั้งเสร็จก่อนค่อยชี้มูลความผิด"ปู"

ด้านนายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)เปิดเผยถึงการยุติการชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เป็นการยุติเพื่อคืนพื้นที่ให้ประชาชน แต่ในส่วนของการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กวป. จะยังคงมีต่อไป โดยในวันนี้ (4มี.ค.) เวลา 10.00 น. ทางกลุ่ม กวป.จะไปยื่นหนังสือต่อ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. เพื่อขอให้มีการจัดการเลือกตั้งเสร็จสิ้นก่อน และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก่อน จากนั้นจึงค่อยมาพิจารณาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ แต่หากมีการเร่งรีบพิจารณา จะถือว่ามีการตั้งธงไว้ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว และพบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี มีความผิดจริงในคดีดังกล่าวจริง แล้วค่อยชี้มูลก็ย่อมทำได้

นายศรรักษ์ ยังเรียกร้องให้ป.ป.ช. เร่งทำคดีตามลำดับก่อนหลัง ตามที่เคยมีการเรียกร้องไปก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งขอให้ กรรมการป.ป.ช. ทั้ง 6 คน ที่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ยุติการทำงานไปก่อนด้วย

**ป.ป.ช.คาดมี.ค.นี้ ชี้มูลความผิดได้

นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า นายกฯรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีทุจริตรับจำนำข้าวด้วยตัวเอง โดยจะมอบหมายให้พยานบุคคลอื่นมาแทนก็ได้ หรือส่งเป็นเอกสารเพิ่มเติมทางไปรษณีย์ก็ได้

สำหรับกระบวนการขั้นตอนภายหลังจากนายกฯได้ส่งคำชี้แจงครบถ้วนแล้ว หากกรรมการเห็นว่า ไม่ต้องไต่สวนอีก จึงจะนำคำชี้แจงเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา แล้วทำเป็นความเห็น สรุปการชี้มูลความผิด ซึ่งเป็นความเห็นขององค์คณะแต่ละคน ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรี ต้องการส่งหลักฐานอื่นประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในระหว่างนี้สามารถทำได้ และขอขยายเวลาออกไปไม่เกิน 15 วัน

อย่างไรก็ดี ย้ำว่า กรอบการชี้มูลหลังเสร็จสิ้นครบถ้วนกระบวนการแล้ว คาดว่าเดือนมีนาคม น่าจะชี้มูลความผิดถอดถอนนายกรัฐมนตรีได้ แต่จะเร็วหรือช้า ขึ้นกับคำแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 14 มี.ค. ว่า ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่

ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายกรัฐมนตรี คดีทุจริตรับจำนำข้าว และหลังส่งกลับมาให้ทางวุฒิสภาเพื่อดำเนินการเปิดประชุมพิจารณาถอดถอนนั้น ในขั้นตอนของวุฒิสภา จะใช้ระยะเวลา 30 - 45 วัน โดยต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ของจำนวน ส.ว. เท่าที่มีอยู่ ในการถอดถอน ขณะเดียวกันไม่ห่วงจำนวน ส.ว. จะไม่ครบองค์ประชุม เพราะขณะนี้ จำนวน ส.ว.มีอยู่ 142 คน เนื่องจากได้ลาออกไป 8 คน แต่หากส.ว.ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลถอดถอน คดีแก้ที่มาส.ว. ขัดมาตรา 68 ก็สามารถเข้าร่วมประชุม และนับองค์ประชุมได้ปกติ แต่จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หรือลงมติถอดถอน นายกรัฐมนตรี ได้

อย่างไรก็ดี ในวันเปิดประชุม จะต้องมีส.ว. ร่วมลงชื่ออย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 71 คน และถ้าไม่ครบจำนวน สามารถสั่งเลื่อนออกไปได้อีกครั้งละ 30 นาที แต่หากในวันนั้นยังมาไม่ครบองค์ประชุม ประธานก็จะสั่งเลื่อนเปิดประชุมในวันอื่นแทน ตามกรอบเวลา

***'ปู'ผวา!กปปส.ไล่ล่า

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า ได้ศึกษาเนื้อหาที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา โครงการรับจำนำข้าว แก่นายกรัฐมนตรี แล้ว พบว่า เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาแบบกว้างๆ ใช้โวหารวาทกรรมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งโครงการดังกล่าว ทั้งๆ ที่มีการเตือนจากหลายหน่วยงานว่า มีการทุจริต ส่วนตัวเห็นว่า การท้วงติงของหลายหน่วยงานอาทิ ป.ป.ช. คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ล้วนเป็นความเห็นที่ยังไม่มีข้อยุติว่า โครงการขาดทุนจริง หรือไม่ เพราะข้าวยังไม่ได้ขายจากโกดัง รวมถึงเรื่องจีทูจี การระบายข้าว ก็เป็นเพียงข้อกล่าวหาว่า มีการทุจริตเท่านั้น ยังไม่มีการพิสูจน์ว่า มีการทุจริตจริง แต่กลับนำมาแจ้งข้อกล่าวหานายกฯ

ข้อเท็จจริงไม่มีอะไร มั่นใจว่า สู้คดีได้ โดยเฉพาะการเอาผิดคดีอาญาต้องมีเจตนาพิเศษในการทุจริต แต่นายกฯไม่ได้ทุจริต แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ การตั้งธงไว้ล่วงหน้าเท่านั้น

นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ในวันที่ 4 มี.ค. ทีมทนายความจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอคัดลอกสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีจำนำข้าว แทนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกลุ่ม กปปส.ขู่ว่า จะไล่ล่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปทุกที่ ทำให้นายกฯ ลำบากในการเดินทาง จึงขอความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.ให้ทีมทนายความสามารถคัดลอกหลักฐานแทนนายกฯได้ ส่วนนายกรัฐมนตรี จะไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หรือจะขอเลื่อนการชี้แจงออกไปก่อนนั้น อยู่ระหว่างการหารือของทีมทนายความ

***“ศรีรัตน์”โต้อินโดฯไทยไม่ดัมป์ราคาข้าว

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ที่สิงคโปร์ ไทยสอบถามและขอความชัดเจนกรณีอินโดนีเซียมีการนำเสนอข่าวภายในประเทศว่าไทยมีการเสนอขายข้าวในราคาต่ำให้กับอินโดนีเซีย ซึ่งได้ยืนยันไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับสอบถามว่านำข้อมูลมาจากไหน เพราะรัฐบาลไทยไม่เคยเสนอขายข้าวในสต๊อกในราคาต่ำให้กับอินโดนีเซีย หรือหากมีก็อาจจะเป็นเรื่องของบริษัทเอกชน ซึ่ง อินโดนีเซียสามารถใช้กลไกปกป้องมาดำเนินการได้ เช่น การใช้มาตรการเซฟการ์ด หรือมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการดำเนินการเช่นนั้นจริง แต่ถ้าไม่เป็นจริง ก็ไม่ควรจะกล่าวหาไทย

ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ในอินโดนีเซีย ไปดำเนินการชี้แจงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน เพราะข่าวดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายให้กับไทยเป็นอย่างมาก

สำหรับการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ขณะนี้มีการเปิดระบายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประมูลทั่วไป และประมูลในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) รวมถึงการเจรจาขายในรูปรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยเฉพาะล่าสุด รัฐบาลจีนได้ติดต่อเพื่อขอซื้อข้าวในสต๊อกเข้ามาแล้ว

ส่วนปัญหาภัยแล้งที่จะส่งผลผลิตต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง 2557 ฤดูกาลใหม่นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังสำรวจผลผลิตและผลกระทบจากภัยแล้งอยู่ เพราะหากผลผลิตเสียหาย ก็จะส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้น ขณะที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หลังจากที่โครงการรับจำนำข้าวนาปี 2556/57 รอบแรกสิ้นสุดลง ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น