สถานการณ์ทางการเมืองที่ทวีความรุนแรง จนเด็กไร้เดียงสาต้องเซ่นสังเวยไปหลายชีวิต ทำให้กระแสเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาเจรจาหาทางออกดังขึ้นอีกครั้ง
กลุ่มคนที่มองโลกสวย ตีบทสรุปว่า การเจรจาเท่านั้น จะนำไปสู่ข้อยุติปัญหาทางการเมือง
แต่ก่อนจะก้าวเข้าสู่เวทีการเจรจา ไม่ว่าใครจะเจรจากับใคร ด้วยประเด็นใด และจะคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ ก็ไม่ควรก้าวข้ามปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น
โจทย์สำคัญบนสถานการณ์การเมืองขณะนี้คือ การใช้ความรุนแรงซึ่งพัฒนาไปสู่ความอำมหิต เหี้ยมเกรียม การใช้อาวุธสงครามไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เลือกว่าเหยื่อจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่
แม้แต่เด็กไร้เดียงสา ยังตกเป็นเหยื่อของระเบิดสังหารถึง 4 ราย ทั้งการปาระเบิดและยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่จังหวัดตราด และการยิงระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่บริเวณราชดำริ
คำถามคือ กลุ่มไหนเป็นผู้สร้างความรุนแรง
ประเทศถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแล้วโดยปริยาย ประกอบด้วย ฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณและฝ่ายที่สนับสนุน
ย้อนเหตุการณ์เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ความรุนแรงล้วนเกิดจากฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ ทั้งทางลับและทางแจ้ง ทั้งโดยเปิดเผยหรือการลอบทำร้าย
การชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ จุดชนวนขึ้นตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อนจะพัฒนามาเป็นกลุ่ม กปปส.ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
การเคลื่อนไหวของประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณเป็นไปโดยสันติ อหิงสา เป็นการชุมนุมโดยสงบด้วยมือเปล่า
ไม่เคยปรากฏว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่ม กปปส. ทำตัวเป็นอันธพาล ถืออาวุธเที่ยวทำร้ายใคร ข่มขู่คุกคามใคร หรือแม้แต่อาละวาดเผาบ้านเผาเมือง
มีแต่ฝ่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณเท่านั้นที่ถูกคุกคาม ถูกข่มขู่ ถูกทำร้าย หรือจ้องทำลายล้าง ทั้งด้วยวิธีการลอบกัด รวมทั้งการใช้กำลังตำรวจสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ตั้งแต่เหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ปี 2551 จนถึงการสลายการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แทบไม่เคยได้ยินว่า ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณใช้ความรุนแรงที่ไหน เมื่อใด และใครบ้างที่ต้องเจ็บต้องตาย เว้นแต่ในบางกรณีที่ถูกใช้ความรุนแรงก่อน จึงตอบโต้บางโอกาสเท่านั้น
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ ซึ่งถูกปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงเพื่อกำจัดฝ่ายที่เห็นต่าง และเป็นกลุ่มที่ก่อความรุนแรงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ตำรวจซึ่งเป็นข้ารับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดตัว
มวลชนคนเสื้อแดง ตำรวจ ข้าราชการบางส่วน ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคเพื่อไทย และอยู่ภายใต้การบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การใช้มาตรการรุนแรงเกินเหตุ สลายการชุมนุมของประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ ระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ โดยไม่แยกแยะเป้าหมายผู้บริสุทธิ์หรือเด็กไร้เดียงสา การลอบยิง ลอบปาระเบิด หรือแม้แต่ขนอันธพาลดักรุมทำร้ายกลุ่ม กปปส.จนเสียชีวิตกว่า 10 ศพ บาดเจ็บร่วม 1,000 ราย ไม่ได้เกิดจากฝีมือฝ่ายใดเลย
ไม่ได้เกิดจากมือที่ 3 ซึ่งมีคนพยายามเห่าให้เกิดความไขว้เขว แต่เกิดจากฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณทั้งสิ้น และผู้อยู่เบื้องหลังบงการให้ดำเนินนโยบายใช้ความรุนแรงน่าจะเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อฝ่ายหนึ่งเดินแนวทางสันติ ยึดหลักการ เคารพกฎหมาย พูดกันด้วยเหตุด้วยผล รักความถูกต้องเป็นธรรม ขณะที่อีกฝ่าย จ้องจะใช้ความรุนแรงโดยไม่ยึดอะไรเลย นอกจากผลประโยชน์และอำนาจของตัวเอง การเจรจาจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไร
แม้จะมีการเจรจา แต่คงหาบทสรุปไม่ได้ และสะท้อนให้เห็นแล้วจากการเจรจาระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย
แค่หลักประชาธิปไตย การเคารพรัฐธรรมนูญ ยึดกติกาหรือคำตัดสินของศาล ระบอบทักษิณยังไม่ยอมรับ แล้วจะมีข้อเสนออะไรไปเจรจาให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดาขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณยอมรับได้
คำตัดสินของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญาหรือศาลแพ่ง รวมทั้งองค์กรอิสระอื่นๆ ถ้าเป็นประโยชน์ ฝ่ายสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณจึงยอมรับ แต่ถ้าเป็นโทษหรือเป็นผลลบจะออกมาอาละวาดกันยกใหญ่ ทั้งวิพากษ์วิจารณ์ คุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ
นางสาวยิ่งลักษณ์เพิ่งประกาศว่า จะรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนนาทีสุดท้าย แม้จะถูกปฏิวัติก็ตาม ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ยังไงๆ เธอคนนี้ก็ไม่ยอมลาออก แม้ประเทศจะต้องบรรลัย ประชาชน โดยเฉพาะชาวนาจะทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสขนาดไหนก็ตาม
ประเทศที่มีความขัดแย้งด้านความคิดทางการเมืองภายใน การเจรจาเป็นทางออกดีที่สุดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรง
แต่สำหรับประเทศไทย ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีต้นตอจากความคิดทางการเมืองที่ขัดแย้ง โดยคนที่คิดต่างใช้ความรุนแรงต่อกัน
แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้นตอมาจากพ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องการกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีเหล่าขี้ข้าที่ได้ส่วนแบ่งอำนาจ ได้รับยศและตำแหน่งทางราชการที่สูงขึ้น และได้แบ่งปันผลประโยชน์มหาศาล ร่วมมือกันสร้าง
คนที่บ้าอำนาจ ใจอำมหิต ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สำนึกต่อประเทศชาติ จะเจรจากันรู้เรื่องได้อย่างไร จะหาข้อยุติและทางออกอย่างไรกับคนประเภทนี้
ประเด็นที่พูดกันบ่อยคือ ถอยคนละก้าว แต่น้ำหน้าอย่าง ยิ่งลักษณ์จะยอมถอยหรือ
ถ้ายิ่งลักษณ์มีสำนึก ยอมลาออก ทุกอย่างจบไปนานแล้ว
ในเมื่อรู้กันแน่ว่า ทำอย่างไร ยิ่งลักษณ์ก็ไม่มีวันลาออก จะเสียเวลาจัดฉากการเจรจาไปทำไม
รู้กันแน่ว่า สถานการณ์การเมืองมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น และรู้ด้วยว่า ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ปัญหาที่ต้องช่วยกันคิดคือ จะหาทางแก้ไขกันอย่างไร และใครควรจะออกมาแก้ ก่อนที่ประเทศจะยับเยินไปกว่านี้
เพราะประชาชนคงไม่ยอมให้ทักษิณกระทำเพียงฝ่ายเดียว ถึงจุดหนึ่งจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ ลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน
จะเกิดสงครามกลางเมืองก็ต้องเกิด
กลุ่มคนที่มองโลกสวย ตีบทสรุปว่า การเจรจาเท่านั้น จะนำไปสู่ข้อยุติปัญหาทางการเมือง
แต่ก่อนจะก้าวเข้าสู่เวทีการเจรจา ไม่ว่าใครจะเจรจากับใคร ด้วยประเด็นใด และจะคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ ก็ไม่ควรก้าวข้ามปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น
โจทย์สำคัญบนสถานการณ์การเมืองขณะนี้คือ การใช้ความรุนแรงซึ่งพัฒนาไปสู่ความอำมหิต เหี้ยมเกรียม การใช้อาวุธสงครามไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เลือกว่าเหยื่อจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่
แม้แต่เด็กไร้เดียงสา ยังตกเป็นเหยื่อของระเบิดสังหารถึง 4 ราย ทั้งการปาระเบิดและยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่จังหวัดตราด และการยิงระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่บริเวณราชดำริ
คำถามคือ กลุ่มไหนเป็นผู้สร้างความรุนแรง
ประเทศถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแล้วโดยปริยาย ประกอบด้วย ฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณและฝ่ายที่สนับสนุน
ย้อนเหตุการณ์เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ความรุนแรงล้วนเกิดจากฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ ทั้งทางลับและทางแจ้ง ทั้งโดยเปิดเผยหรือการลอบทำร้าย
การชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ จุดชนวนขึ้นตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อนจะพัฒนามาเป็นกลุ่ม กปปส.ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
การเคลื่อนไหวของประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณเป็นไปโดยสันติ อหิงสา เป็นการชุมนุมโดยสงบด้วยมือเปล่า
ไม่เคยปรากฏว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่ม กปปส. ทำตัวเป็นอันธพาล ถืออาวุธเที่ยวทำร้ายใคร ข่มขู่คุกคามใคร หรือแม้แต่อาละวาดเผาบ้านเผาเมือง
มีแต่ฝ่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณเท่านั้นที่ถูกคุกคาม ถูกข่มขู่ ถูกทำร้าย หรือจ้องทำลายล้าง ทั้งด้วยวิธีการลอบกัด รวมทั้งการใช้กำลังตำรวจสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ตั้งแต่เหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ปี 2551 จนถึงการสลายการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แทบไม่เคยได้ยินว่า ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณใช้ความรุนแรงที่ไหน เมื่อใด และใครบ้างที่ต้องเจ็บต้องตาย เว้นแต่ในบางกรณีที่ถูกใช้ความรุนแรงก่อน จึงตอบโต้บางโอกาสเท่านั้น
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ ซึ่งถูกปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงเพื่อกำจัดฝ่ายที่เห็นต่าง และเป็นกลุ่มที่ก่อความรุนแรงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ตำรวจซึ่งเป็นข้ารับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดตัว
มวลชนคนเสื้อแดง ตำรวจ ข้าราชการบางส่วน ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคเพื่อไทย และอยู่ภายใต้การบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การใช้มาตรการรุนแรงเกินเหตุ สลายการชุมนุมของประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ ระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ โดยไม่แยกแยะเป้าหมายผู้บริสุทธิ์หรือเด็กไร้เดียงสา การลอบยิง ลอบปาระเบิด หรือแม้แต่ขนอันธพาลดักรุมทำร้ายกลุ่ม กปปส.จนเสียชีวิตกว่า 10 ศพ บาดเจ็บร่วม 1,000 ราย ไม่ได้เกิดจากฝีมือฝ่ายใดเลย
ไม่ได้เกิดจากมือที่ 3 ซึ่งมีคนพยายามเห่าให้เกิดความไขว้เขว แต่เกิดจากฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณทั้งสิ้น และผู้อยู่เบื้องหลังบงการให้ดำเนินนโยบายใช้ความรุนแรงน่าจะเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อฝ่ายหนึ่งเดินแนวทางสันติ ยึดหลักการ เคารพกฎหมาย พูดกันด้วยเหตุด้วยผล รักความถูกต้องเป็นธรรม ขณะที่อีกฝ่าย จ้องจะใช้ความรุนแรงโดยไม่ยึดอะไรเลย นอกจากผลประโยชน์และอำนาจของตัวเอง การเจรจาจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไร
แม้จะมีการเจรจา แต่คงหาบทสรุปไม่ได้ และสะท้อนให้เห็นแล้วจากการเจรจาระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย
แค่หลักประชาธิปไตย การเคารพรัฐธรรมนูญ ยึดกติกาหรือคำตัดสินของศาล ระบอบทักษิณยังไม่ยอมรับ แล้วจะมีข้อเสนออะไรไปเจรจาให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดาขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณยอมรับได้
คำตัดสินของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญาหรือศาลแพ่ง รวมทั้งองค์กรอิสระอื่นๆ ถ้าเป็นประโยชน์ ฝ่ายสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณจึงยอมรับ แต่ถ้าเป็นโทษหรือเป็นผลลบจะออกมาอาละวาดกันยกใหญ่ ทั้งวิพากษ์วิจารณ์ คุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ
นางสาวยิ่งลักษณ์เพิ่งประกาศว่า จะรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนนาทีสุดท้าย แม้จะถูกปฏิวัติก็ตาม ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ยังไงๆ เธอคนนี้ก็ไม่ยอมลาออก แม้ประเทศจะต้องบรรลัย ประชาชน โดยเฉพาะชาวนาจะทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสขนาดไหนก็ตาม
ประเทศที่มีความขัดแย้งด้านความคิดทางการเมืองภายใน การเจรจาเป็นทางออกดีที่สุดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรง
แต่สำหรับประเทศไทย ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีต้นตอจากความคิดทางการเมืองที่ขัดแย้ง โดยคนที่คิดต่างใช้ความรุนแรงต่อกัน
แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้นตอมาจากพ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องการกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีเหล่าขี้ข้าที่ได้ส่วนแบ่งอำนาจ ได้รับยศและตำแหน่งทางราชการที่สูงขึ้น และได้แบ่งปันผลประโยชน์มหาศาล ร่วมมือกันสร้าง
คนที่บ้าอำนาจ ใจอำมหิต ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สำนึกต่อประเทศชาติ จะเจรจากันรู้เรื่องได้อย่างไร จะหาข้อยุติและทางออกอย่างไรกับคนประเภทนี้
ประเด็นที่พูดกันบ่อยคือ ถอยคนละก้าว แต่น้ำหน้าอย่าง ยิ่งลักษณ์จะยอมถอยหรือ
ถ้ายิ่งลักษณ์มีสำนึก ยอมลาออก ทุกอย่างจบไปนานแล้ว
ในเมื่อรู้กันแน่ว่า ทำอย่างไร ยิ่งลักษณ์ก็ไม่มีวันลาออก จะเสียเวลาจัดฉากการเจรจาไปทำไม
รู้กันแน่ว่า สถานการณ์การเมืองมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น และรู้ด้วยว่า ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ปัญหาที่ต้องช่วยกันคิดคือ จะหาทางแก้ไขกันอย่างไร และใครควรจะออกมาแก้ ก่อนที่ประเทศจะยับเยินไปกว่านี้
เพราะประชาชนคงไม่ยอมให้ทักษิณกระทำเพียงฝ่ายเดียว ถึงจุดหนึ่งจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ ลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน
จะเกิดสงครามกลางเมืองก็ต้องเกิด