xs
xsm
sm
md
lg

"เหลิม"ดื้อยื่นโต้ศาล "บิ๊กตู่"มุกเดิมไม่ยุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - "เหลิม" ยื่นคำร้องถึงอธิบดีศาลแพ่งให้ขยายความคำสั่ง 7 ข้อ อ้างไม่เช่นนั้น ศรส. ทำอะไรไม่ได้ "ปึ้ง" เผยหาที่ทำงานใหม่ให้นายกฯ ได้แล้ว ยังอยู่ในกทม. ไม่ได้หนีไปไหน "ประยุทธ์" มาฟอร์มเดิม ไม่ยอมทำอะไร แค่บ่นห่วงสถานการณ์บานปลาย ก่อนสั่งปรับแผนรับมือ "มาร์ค"ชี้คำสั่งศาลแพ่งทำหมายจับแกนนำ กปปส. หมดความหมาย ตำรวจลงพื้นที่หาหลักฐานเหตุปะทะแยกผ่านฟ้า

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดเผยถึงคำพิพากษาศาลแพ่งที่ไม่เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ออกข้อห้ามหลายข้อว่า ศาลยังอนุญาตให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ แต่เนื้อหาสำคัญมี 2 ข้อ คือ 1.ศาลสั่งห้ามสลายการชุมนุม ตนถูกใจมาก เพราะจากนี้ต่อไป ตำรวจจะไม่ต้องเดินมือเปล่าไปหาม็อบและถูกฆ่าตายเหมือนที่ผ่านมา ตนจะมีคำสั่งไม่ให้ตำรวจไปยุ่งกับม็อบ ถือว่าเป็นผลดีกับตำรวจ และ 2.ศาลสั่งห้ามจับกุมผู้มาร่วมชุมนุมเกินกว่า 5 คน ซึ่งตนจะไม่จับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ฝ่ายกฎหมายของ ศรส. จะดูว่าจะอุทธรณ์คำสั่งศาลหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะคนเรียนกฎหมาย จะยื่นคำร้องขอความรู้ถึงอธิบดีศาลแพ่งโดยตรง

"ไม่รู้จะทำอย่างไร ไอ้นั่นก็ผิด ไอ้นี่ก็ผิด แต่ผมในฐานะคนไทย มีสิทธิ์ของความรู้จากศาล ถ้าท่านไม่ให้ความรู้มา ในฐานะ ผอ.ศรส. ผมทำงานไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ประชด แต่กลัวลูกน้องติดคุก ส่วนหมาย ฉ.เดิม ที่ออกไปก่อนนี้ ก็ยังมีปัญหาว่า หากพวกที่ถูกหมาย ฉ. ไปขอศาลอาญาให้ยกเลิกหมายจับ หากยกเลิก เราก็จับไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ก็ไปใช้ประมวลกฎหมายอาญาเป็นหลัก ทำได้เท่าไร ก็เท่านั้น เพราะถ้าทำมาก เดี๋ยวขัดคำสั่งศาล พวกผมจะติดคุก ต้องระมัดระวัง"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผอ.ศรส.กล่าวว่า เมื่อปี 2553 พรรคเพื่อไทย ไปร้องต่อศาลแพ่งให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งศาลแพ่งแห่งนี้บอกว่า เป็นอำนาจฝ่ายบริหารแล้วยกคำร้อง แต่มาศาลแพ่งยุคนี้ ให้ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ แต่มีข้อกำหนด 9 ข้อ ก็ว่ากันไป สังคมตัดสินได้ไม่ใช่ตน แต่ศาลวินิจฉัยอย่างนี้ ตนมึน เดี๋ยวจะเอาปริญญาเอกไปคืนแล้ว แต่เรื่องนี้ตนไม่ท้อ รุกรบ ห้าวหาญ ส่วนที่แกนนำ กปปส. จะไปฟ้องต่อศาลเพื่อเอาผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้น พวกนี้โง่ เพราะท่านไม่เกี่ยวข้องด้วย

ยื่นถามแนวปฏิบัติกับศาลแพ่ง 7 ข้อ

ต่อมาเวลา 13.45 น. ร.ต.อ.เฉลิม แถลงหลังจากส่งเจ้าหน้าที่ไปยื่นคำร้องถึงอธิบดีศาลแพ่ง เพื่อขอทราบแนวทางการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา กรณีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลในการดูแลการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยขอสอบถามแนวทางปฏิบัติ 7 ข้อ ดังนี้

1.ผู้ชุมนุมทางการเมืองผิดถนน สร้างบังเกอร์รอบทำเนียบรัฐบาล และใช้เป็นที่ซ่องสุมอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐบาลกรณีดังกล่าวเข้าข่ายต้องห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม ตามนัยคำสั่งของศาลแพ่งหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาบางคนที่อยู่ในกลุ่มคนดังกล่าวตามหมายจับของศาลได้หรือไม่

2.กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าบุกยึดพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงาน ลักทรัพย์อาวุธปืนสงคราม M16 ที่เก็บไว้ในกระทรวงมหาดไทยออกไป และนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้นำผู้ชุมนุมช่วยปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่กระทรวงมหาดไทย กรณีดังกล่าวคำสั่งศาลแพ่ง ห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่หรือตำรวจกระทำการใดบ้าง หรือให้กระทำการใดได้บ้าง

3.กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ปิดถนนสายต่างๆ ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามนัยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแพ่งหรือไม่ และจะให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือตำรวจดำเนินการอย่างไร จึงจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของศาลแพ่ง

4.กรณีผู้ชุมนุมประมาณ 300 คน ประกาศว่าจะไปยึดพื้นที่กระทรวงพลังงานคืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รักษาการอยู่ในกระทรวงพลังงาน ศรส.ต้องปฏิบัติอย่างไร และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอมให้เข้าไปในตัวอาคาร และขัดขวางไม่ให้เข้ามายึดพื้นที่คืน จะถือเป็นการสลายการชุมนุมหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร จึงจะสอดคล้องกับคำสั่งห้ามของศาลแพ่ง

5.กรณีพระพุทธอิสระ ปิดศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ห้ามข้าราชการเข้าไปทำงาน และวางบังเกอร์ปิดถนนโดยรอบ ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยชอบตามนัยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแพ่งหรือไม่

6.กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.กับพวก นำผู้ชุมนุมไปปิดสถานที่ราชการต่างๆ ข่มขู่ข้าราชการไม่ให้เข้าทำงาน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ต้องมาติดต่อราชการ ทั้งยังใช้ถ้อยคำพูดจาหยาบคาย กรณีเช่นนี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ และพึงกระทำได้ตามนัยคำสั่งของศาลแพ่งหรือไม่อย่างไร

7.ณ วันที่ส่งหนังสือฉบับนี้ นายสุเทพ ได้พาผู้ชุมนุมไปบุกสถานที่ราชการ ศรส. และบริษัทเอกชน ถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบตามกฎหมายหรือไม่ เพียงใด และศรส.จะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาลแพ่ง ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเป็นผอ.ศรส. จำเป็นต้องยึดหลักกฎหมาย และคำพิพากษาของศาลแพ่งเป็นหลักในการปฏิบัติงาน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎดังกล่าว รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารจำเป็นต้องใช้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าระงับ และป้องกันเหตุ เพื่อเป็นการคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอให้ท่านได้ชี้และแนะนำการฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดมากล่าวหาว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของศรส. ฝ่าฝืนและละเมิดอำนาจของศาลแพ่งต่อไป

"กราบเรียนผู้พิพากษา ตุลาการ ทั้งบ้านทั้งเมือง ท่านอาจจะลืมไปแล้ว ผมต้องทบทวน ผมเป็นอดีต รมว.ยุติธรรม ผมเป็นเจ้าของความคิดขยายอายุการรับราชการของตุลาการ ไม่ได้พูดเพื่อทวงบุญคุณ แต่กำลังบอกให้ท่านรู้ว่าผมรัก และเคารพ สถาบันตุลาการเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมไม่เข้าใจเมื่อศาลแพ่งมีคำสั่ง 9 ข้อ ผมจะทำสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นผมจะสั่งการแล้วตำรวจก็จะผิด และเมื่อท่านมีข้อเสนอแนะมาผมจะปฏิบัติตามไม่ได้รู้สึกกับท่านเป็นอย่างอื่น แต่ผมรู้คนเดียวไม่ได้ เพราะประเทศไม่ใช้ของผม และไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของประชาชน 67 ล้านคน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

พล่านหาที่ทำงานใหม่ให้นายกฯ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. กล่าวถึงกรณี ด.ต.ธีรเดช เล็กภู่ ผบ.หมู่ ป.สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี เตะระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ ในช่วงปฏิบัติการที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พิจารณาเรื่องการเลื่อนขั้น โดยเลื่อนขั้นจากยศ ด.ต. เป็นร.ต.ต. เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และเสี่ยงอันตราย เพื่อช่วยป้องกันเพื่อนตำรวจ ซึ่งในสัปดาห์หน้า จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

สำหรับสถานที่ทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หลังจาก กปปส.ไปปิดล้อมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรส.จะดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นกบฏ แต่ไปไล่ล่านายกฯ และครม. น่าแปลกที่บ้านนี้เมืองนี้ กบฏไปรังควานไล่จับคนดีๆ แต่ไม่อยู่ในข้อห้ามของศาล ซึ่งเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา มีมวลชนมาปิดล้อมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจำนวนมาก นายกฯ ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย จึงไม่เข้าไปทำงาน เท่านั้นเอง โดยจากนี้นายกฯ จะไปทำงานที่ไหน ตนจะเป็นผู้แถลงให้ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ทำงานสำรองของนายกฯ อาจต้องย้ายไปต่างจังหวัด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่มี เมืองหลวงยังอยู่กทม. ได้เตรียมสถานที่ทำงานของนายกฯ ไว้หลายที่ แต่ยังไม่บอกว่าที่ไหน เพราะกลัวนายสุเทพ จะต้องเดินทางไกล หัวใจจะวายตายก่อน

"ทุกวันนี้นายสุเทพ ถึงกับต้องใช้กำลังมาท้าตีท้าต่อย ร.ต.อ.เฉลิม เป็นนักเลงหรืออย่างไร ถ้าผมเป็นพี่เหลิม ผมรับท้าไปแล้ว เพราะผมพนันว่าพี่เหลิมชนะ นายสุเทพแขนคด ต่อยไปก็ไม่ถึง แต่กลัวว่ากำนันจะตายก่อน" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายกฯยังล่องหนซุกเซฟเฮ้าส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ความเคลื่อนไหวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงเก็บตัวอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ในกรุงเทพฯ ติดตามสถานการณ์การชุมนุมกลุ่ม กปปส. ไม่ได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นวันที่สอง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศเคลื่อนไหวขับไล่ทุกที่ที่นายกฯ เดินทางไปทำงาน โดยช่วงเช้าผูัสื่อข่าวติดตามนายกฯ ได้เดินทางไปรอนายกฯ ที่ ศรส. แต่เวลาต่อมาได้รับแจ้งว่า นายกฯ เปลี่ยนใจไม่เข้า ศรส.แล้ว เนื่องจากพื้นที่อยู่ใกล้การชุมนุมที่ตึกชินวัตร 3

ผบ.ตร.สั่งปรับแนวทางปฏิบัติ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะต้องมีการทบทวนแผนการปฏิบัติของตำรวจอีกครั้ง ภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม ศรส. ใช้กำลังสลายการชุมนุม และกำหนดข้อห้ามต่างๆ เนื่องจากทำให้ตำรวจมีข้อจำกัดในการทำงานมากขึ้น แต่ที่ผ่านมา ตำรวจได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อประคองสถานการณ์การชุมนุมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ผบ.ทบ.ห่วงบานปลายสั่งปรับแผนรับมือ

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายหลัง ศรส. ได้ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ เมื่อวันที่ 18ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนเสียชีวิตว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง อยากให้สังคมได้เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย ส่วนประชาชนเองก็พยายามทำหน้าที่ของตนตามสิทธิ แต่ต้องคำนึงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงด้วย เพราะขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามจะสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ต้องระวังไม่ให้สถานการณ์พัฒนาไปเหมือนเหตุการณ์ในอดีต จะผิดถูกเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ทหารยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัย ระมัดระวังป้องปรามเหตุรุนแรงให้ได้มากที่สุด ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ศรส. โดยในระดับผู้บังคับบัญชาได้มีการประสานพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับ พยายามให้ทุกฝ่ายลดความรุนแรง เพื่อไม่ให้เกิดเป็นประเด็นเงื่อนไขเพิ่มเติม

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ในอนาคต จึงได้สั่งการให้กำลังพลที่ออกปฏิบัติหน้าที่ทุกจุด ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อปรับปรุงแผนและวิธีการปฏิบัติให้มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขอให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วย" รองโฆษก ทบ.ระบุ

แฉเหตุปะทะผ่านฟ้ามีใบสั่งจากนอก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต่อไปนี้ ศรส.ต้องทบทวนมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ เพราะข้อห้ามของศรส. ที่ขัดต่อคำสั่งของศาลคงใช้ไม่ได้ และในกรณีที่เคยมีการออกหมายจับในความผิดละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนตามข้อกำหนด หมายจับนั้น ก็ต้องยกเลิกไป แต่ถ้าผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น เช่น ผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือบุกรุก ก็เป็นเรื่องที่ราชการยังดำเนินการได้อยู่

ทั้งนี้ เหตุการณ์ปะทะกันที่สะพานผ่านฟ้า ไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากการเจรจาขอคืนพื้นที่ ผู้ชุมนุมก็มีเหตุผล ทุกอย่างดูเรียบร้อย แต่มีคำสั่งมาจากระดับที่สูงกว่าจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น

ส่วนที่มีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เปิดสายโทรศัพท์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้สั่งการนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นภาพที่สะเทือนใจประชาชน เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากปฏิบัติในภาวะเช่นนี้ จึงขอให้ทุกคนคิดถึงบ้านเมือง อย่าให้ความวุ่นวาย ความรุนแรง ต้องเกิดขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการของคนเดียว ที่ไม่ได้เดือดร้อนกับความทุกข์ของคนไทย และอยู่นอกประเทศด้วย

ตำรวจลงพื้นที่หาหลักฐานปะทะผ่านฟ้า

พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาสบ.10 พร้อมด้วยพล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น1 พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี (EOD) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ) นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ จากการขอคืนพื้นที่ชุมนุมบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2557 ที่ผ่านมา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนได้รับเจ็บและเสียชีวิตหลายราย โดยใช้เวลาลงพื้นที่ตรวจสอบกว่า 1 ชั่วโมง

โดยจุดแรกที่เข้าตรวจสอบเป็นบริเวณแยกผ่านฟ้า ซึ่งส.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา ผบ.หมู่ป.สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ถูกยิงที่ศีรษะทะลุท้ายทอย ขณะนี้ยังอยู่ห้องไอซียู เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บดีเอ็นเอ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ว่าตรงกับผู้บาดเจ็บหรือไม่ จุดที่ 2 บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้า ปากทางเข้าวัดปรินายก ซึ่งเป็นบริเวณที่ด.ต.ธีระเดช เล็กภู่ ผบ.หมู่ ป.สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ใช้เท้าเตะระเบิดตามที่ได้เห็นในสื่อโซเชียล จนทำให้ด.ต.ธีระเดช ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ข้าง โดยบริเวณดังกล่าวพบหลุมลึก ซึ่งเกิดจากแรงระเบิด ชนิดเอ็ม 67 ทางเจ้าหน้าที่อีโอดี ได้ใช้เครื่องแสกนโลหะตรวจสอบหลุมดังกล่าว และทำการเก็บเศษสะเก็ดระเบิดเพื่อนำไปตรวสอบ จุดที่ 3 บริเวณถนนเส้นราชดำเนิน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นอีกจุดที่เกิดการปะทะ ทำให้มีเจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่พบรอยเลือดในหลายจุด จึงได้ทำการเก็บดีเอ็นเอ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ จุดที่ 4 บริเวณหน้าสภาทนาย ริมถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นจุดที่นายสุพจน์ บุญรุ่ง นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณดังกล่าว พบรอยเลือดจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บอีเอ็นเอ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ และจุดที่ 5 บริเวณที่ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร ถูกยิงเข้าบริเวณสีข้าง จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในแวลาต่อมา

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวว่า เจ้าหน้าได้ประสานกับแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม กปท. เพื่อเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังจากเหตุปะทะในการขอคืนพื้นที่ชุมนุมบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า และได้มีการเก็บพยานหลักฐานเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี โดยเจ้าหน้าจะใช้กล้อง 3มิติสแกนภาพ 360 องศา เพื่อวัดระยะวิถีกระสุนและระเบิดจากจุดเกิดเหตุโดยรอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีความโปร่งใสในการตรวจสอบ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่มีหลักฐานที่พบในวันเกิดเหตุมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป

พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุระเบิดดังกล่าว คาดว่าเป็นระเบิดเอ็ม 67 ชนิดขว้าง ลูกกลม มีขนาดเท่าผลส้ม รัศมีทำลายล้าง 15 เมตร เมื่อดังสลักออกแล้วจะหน่วงเวลาก่อนระเบิดประมาณ 5 วินาที ซึ่งเป็นระเบิดที่ผลิตในประเทศสหรัฐฯ มีใช้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้ในราชการทั่วไป เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่บ้านของนายสำราญ รอดเพชร และวังสวนผักกาด ก่อนหน้านี้

ศาลให้ประกัน"นพ.ระวี-ทศพล”

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.ท.พีระพันธ์ เบญจกุล พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้นำตัว นพ.ระวี มาศฉมาดล อายุ 60 ปี นายทศพล แก้วทิมา อายุ 51 ปี แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) พร้อมกลุ่มมวลชนอีก 6 ราย ประกอบด้วย นายทวีศิลป์ ประทีป อายุ 46 ปี นายวรเดช เมฆไตรภพ อายุ 44 ปี นายบุญเชิด จิตรีเชื้อ อายุ 46 ปี นายนิพล ทรายเผื่อน อายุ 46 ปี นายอโนทัย พุ่มแจ้ง อายุ 19 ปี และนายวิชาญภูวิหาร อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาในข้อหา ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแต่ไม่เลิก บุกรุกในเวลากลางคืน และความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มายื่นคำร้องขอฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 20 ก.พ.-3 มี.ค. 2557 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น

นายประยง ไชยศรี และนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความ กปปส. ได้เตรียมเงินสดและโฉนดที่ดินคนละ 1 แสนบาท เพื่อยื่นขอปล่อยชั่วคราว นพ.ระวี และนายทศพล และมวลชนอีก 6 คน

ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องยื่นประกันของทนายความแล้ว อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1-8 โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามไปยุยงปลุกปุ่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
a
กำลังโหลดความคิดเห็น