วานนี้ (16 ก.พ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาระบุว่า มีคนถามผมเรื่อยว่า วันที่ 17 ก.พ. กกต. จะคุยอะไรกับรัฐบาลและนักวิชาการ เลยขออนุญาตหยิบเอาข้อสอบมาโพสต์ให้ดูก่อน ให้โอกาสทำข้อสอบล่วงหน้า จำนวน 7 ข้อ ดังนี้ 7 คำถามสำคัญ คือ
1. การรับสมัคร ส.ส. 28 เขตที่จะมีขึ้นใหม่ ควรมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้การรับสมัครประสบความสำเร็จ ในกรณีที่อาจมีการขัดขวางกระบวนการรับสมัครอย่างรุนแรงจากประชาชนในพื้นที่
2. การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งในส่วนกลาง และการจัดส่งบัตรเลือกตั้งจากส่วนกลางลงไปยังพื้นที่ ควรดำเนินการอย่างไร จึงสามารถดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่ถูกขัดขวางจากกลุ่มผู้คัดค้านการเลือกตั้ง ทั้งนี้การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับด้วย
3. การจัดหากรรมการประจำหน่วย ที่จำเป็นต้องอาศัยคนที่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งให้ได้ครบจำนวน 9 คน จะจัดหาอย่างไร หากคนในพื้นที่ไม่ให้การสนับสนุน
4. การกระจายบัตรเลือกตั้ง และอุปกรณ์การเลือกตั้ง ให้แก่ กรรมการประจำหน่วย ซึ่งต้องมีกรรมการอย่างน้อย 5 คน มาเซ็นชื่อ และตรวจรับบัตร และอุปกรณ์ จะสามารถทำอย่างไรให้เกิดความสำเร็จ และเป็นไปด้วยความโปร่งใส
5. ในกรณีที่มีอุปสรรคที่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง เช่น บัตรไม่มา อุปกรณ์ไม่ครบ กรรมการประจำหน่วยขาด เกิดการปิดกั้นทางจราจร เกิดการขัดขวางหน้าหน่วย จะดำเนินการอย่างไร
6. บทบาทของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้แก่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ในช่วงนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ควรมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ โดยสงบเรียบร้อย (กกต.สั่งทุกหน่วยได้จริงหรือไม่ สั่งแล้วไม่ทำ ปลดได้หรือไม่ )
7. การประกาศผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 คน จะต้องได้คะแนนครบจาก 93,952 หน่วย จึงจะสามารถประกาศผลได้ ในกรณีที่ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ครบ ( ขณะนี้ขาดอยู่ 10,284 หน่วย ) จะมีวิธีการอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ โดยนายสมชัย ยังโพสต์ทิ้งท้ายระบุว่า "ข้อสอบไม่ยากเกินไปนะครับ"
**เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้นหลังการหารือ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุถึงการรับฟังและนำเสนอความเห็น เพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งส.ส. ในวันนี้ ( 17 ก.พ.) เชื่อว่าการมาพูดคุยร่วมกันครั้งนี้ จะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยมุ่งหวังให้ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รับรู้ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งจะมีกกต.จังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมารายงานสถานการณ์ปัญหาอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบก่อนจะช่วยกันสะท้อน และหาทางออกเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งที่ยังมีปัญหา
ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะฟ้อง กกต.หากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ รวมทั้งยืนยันว่า การออกพ.ร.ฎ.จัดการเลือกตั้งซ้ำ ไม่สามารถทำได้นั้น เห็นว่า มุมมองทางด้านกฎหมายของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่ควรให้คำตอบกลับมาเป็นหนังสือ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และมองว่าหากฝ่ายการเมืองลงมาพูดคุยจะทำให้เข้าใจว่า การทำงานภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น มีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง
**แนะรัฐบาล-กกต.เจรจาเปิดประตูทางออก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะมีการหารือร่วมกับรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งในวันนี้ ว่า การพูดคุยระหว่างกกต. และรัฐบาล น่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา 28 เขตจังหวัดภาคใต้ ที่ไม่มีผู้สมัคร และการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ให้ครบทุกหน่วยเลือกตั้งเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส. ครบ 500 คน ที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ทางปชป. แม้จะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ หวังเพียงใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจ รวมทั้งเพียงเพื่อต้องการให้สังคมลืมเลือนความบกพร่องที่ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ
อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่า จะไม่ไปขัดขวางการเลือกตั้งและการที่จะให้เกิดความสำเร็จจากการพูดคุยนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ต้องคำนึงถึงหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งรัฐบาลและกกต. ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่มีอคติต่อกัน 2. การพูดคุยนี้ต้องคำนึงถึงการแก้ปัญหาแบบครบวงจรที่ปฏิบัติได้จริง เพราะที่ผ่านมาได้มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้ง แต่หลายเรื่องไม่สามารถกระทำได้จริง และ 3. รัฐบาลและกกต. ต้องหาข้อสรุปที่ทำให้การเลือกตั้งเป็น ทางออกของประเทศและทุกฝ่ายยอมรับได้ ไม่ใช้ทำเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์
“หากรัฐบาลและกกต.พูดคุยอยู่บนหลักการ 3 ประการนี้ ก็เชื่อว่าน่าจะหาทางออกให้กับการเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ยึดตามหลัก 3 ประการที่กล่าวมา ก็เห็นว่าการพูดคุยนี้อาจจะเสียเวลาเปล่า อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าการพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่าย น่าจะหาข้อยุติร่วมกันได้" รองหัวหน้า ปชป. กล่าว
**พท.เชื่อประชุมไปก็ไม่เกิดประโยชน์
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ กกต. เชิญตัวแทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และรัฐบาล มาประชุมหารือกันในวันนี้ เพื่อเสนอให้แก้ปัญหาพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ที่ยังไม่สามารถรับสมัคร ส.ส.ได้ ด้วยการออกพ.ร.ฎ กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ว่า ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ เพราะตัวแทนของกกต. มี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง คนเดียว ซึ่งที่ผ่านมา นายสมชัยได้แสดงทัศนะคติ ผ่านสื่ออย่างไม่สร้างสรรค์ ตอบโต้กับตัวแทน ของรัฐบาล มีการพูดว่าหากในการหารือ ใครบอกจะฟ้องกกต. จะเชิญออกนอกห้องนั้น เหมือนเป็นการข่มขู่ ซึ่งมันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันประชุม
ทั้งนี้ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยืนยันมาตลอดว่าไม่สามารถออก พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ใน 28 เขตภาคใต้ได้ เพราะจะทำให้มีพ.ร.ฎ.ซ้อนกัน 2 ฉบับ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ซึ่งจะต้องมีผู้นำไปฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และร้องให้ยุบพรรึคเพื่อไทย เรียกค่าเสียหายทั้งอาญา และแพ่ง จะเป็นการโยนบาปมายัง นายกฯยิ่งลักษณ์ และครม. ทันที ดังนั้น การที่ กกต.พยายามเรียกประชุมหารือในวันนี้ น่าจะเป็นการสร้างปัญหา มากกว่าการแก้ปัญหา
"หากกกต. ยื้อ ความเสียหายจะเกิดขึ้น ซึ่งทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยตรวจสอบว่า ตามมาตรา 127 ระบุว่าต้องมีการเปิดสภาภายใน 30 วัน อย่างช้าไม่เกิน วันที่ 4 มี.ค. แต่ กกต.กลับกำหนดวันเลือกตั้งชดเชยการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. และการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เป็นในวันที่ 20 เม.ย. และวันที่ 27 เม.ย.ตามลำดับ ซึ่งจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ซึ่งตนเชื่อว่าการหารือในวันที่ 17 ก.พ. จะต้องมีผู้เสนอประเด็นนี้แน่ และหาก กกต. ไม่ รับฟัง ก็จะเกิดผลเสียต่อการเลือกตั้ง ซึ่งจะสอดคล้องกับที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการเลือกตั้งนั้น จะเป็นโมฆะ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** ขู่เอาผิดกกต.หากเลือกตั้งโมฆะ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคมีการหารือ หามาตราการป้องกัน รัฐบาล ผู้สมัครรับเลือกตั้งของทุกพรรค และผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้ง 20 ล้านคน จากการฟ้องเพื่อจะให้ศาลชี้ว่าการเลือกตั้งโมฆะ โดยกำหนดว่าวันที่ 17 ก.พ. ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ทุกคน จะไปแจ้งความที่โรงพักทุกจังหวัด รวมไปถึงกองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับกกต. ทั้ง 5 ว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐรรมนูญ มาตรา 127 และ พ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งจะทำให้กกต. ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ เพราะว่าการกำหนดวันเลือกตั้งชดเชยให้เลยออกไป เป็นการส่อว่ากกต. มีเจตนาอะไรหรือไม่
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องว่าในการประชุมวันนี้ กกต. ทั้ง 5 คนต้องมาประชุมร่วมกันกับตัวแทนพรรคการเมือง รัฐบาล และนักวิชาการ อย่างบูรณาการ อย่าปล่อยให้ นายสมชัย มาประชุมคนเดียว เพราะยังไม่ทันเริ่มก็มีการข่มขู่กันแล้ว จากนั้นก็ขอให้กกต. ทั้ง 5 ออกเป็น ประกาศกกต. เพื่อกำหนดวันรับสมัครฯ และวันลงคะแนนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจ กกต. ไว้ในมาตรา 135 และมาตรา 136 และจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งชดเชยในส่วนที่ยังมีปัญหาก่อนวันที่ 3 มี.ค. เพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 และกกต.จะไม่ได้ผิดต่อรัฐธรรมนูญเสียเอง เพราะหากกกต. ไม่ทำ คดีอาญาและคดีแพ่ง รออยู่ จะโยนมาที่ผู้สมัครฯหรือพรรคการเมือง ไม่ได้ และกกต.ต้องเร่งดดำเนินงาน อย่าไปเชื่อที่ปรึกษาของตนเองให้มาก เพราะบางคนมีนัยทางการเมืองแอบแฝง จึงอยากให้ กกต.ดูข้อเท็จจริงของกฎหมาย
**“สมชัย”ดักคอ7คำตอบที่ไม่อยากได้ยิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายสมชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง ระบุว่า 7 คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน คือ 1. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกต. ต้องทำให้เกิดความสำเร็จ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ 2. เรื่องนี้เป็นรายละเอียดทางเทคนิคที่ กกต.ต้องรับผิดชอบในการดำเนินการ แต่อยากให้รัฐบาลช่วยอะไรก็บอกมา 3. กกต.ควรใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ก่อนหากขาดตรงไหนขอให้บอก รัฐบาลยินดีสนับสนุน
4. ขอให้ดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุม ก็จะไม่เกิดปัญหา อย่าคิดหรือจินตนาการไปล่วงหน้า จะทำให้ต่างประเทศตื่นตระหนก 5. ศรส. จะดำเนินการจากเบาไปหนัก ตามมาตรฐานสากล ขอให้สื่อมวลชนไปดูด้วย นัดกันเวลา 06.00 น. 6. เอ่อ คงต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปนะ เรื่องพวกนี้ต้องรอบคอบ 7. เอ๊ะ จะมองโลกแง่ร้ายไปถึงไหน ก็บอกแล้วไงว่า ต้องเคารพ 20 ล้านเสียง ที่ออกมาเลือกตั้ง ประชาชนต้องการเลือกตั้ง เห็นหัวเราบ้าง บอกแล้วไง ว่ารัฐบาล พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ที่เหลือ กกต.ก็ไปคิดเองบ้าง เขาให้มาเป็นกกต. ไม่ได้ให้มาตั้งคำถาม แค่คำถามง่ายๆ แค่นี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ลาออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย ยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า สำหรับผู้มีสิทธิ์เข้าสอบ ประกอบด้วยบุคคลที่น่าสนใจ เช่น รองนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีอีก 4 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายพีรพันธุ์พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา
1. การรับสมัคร ส.ส. 28 เขตที่จะมีขึ้นใหม่ ควรมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้การรับสมัครประสบความสำเร็จ ในกรณีที่อาจมีการขัดขวางกระบวนการรับสมัครอย่างรุนแรงจากประชาชนในพื้นที่
2. การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งในส่วนกลาง และการจัดส่งบัตรเลือกตั้งจากส่วนกลางลงไปยังพื้นที่ ควรดำเนินการอย่างไร จึงสามารถดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่ถูกขัดขวางจากกลุ่มผู้คัดค้านการเลือกตั้ง ทั้งนี้การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับด้วย
3. การจัดหากรรมการประจำหน่วย ที่จำเป็นต้องอาศัยคนที่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งให้ได้ครบจำนวน 9 คน จะจัดหาอย่างไร หากคนในพื้นที่ไม่ให้การสนับสนุน
4. การกระจายบัตรเลือกตั้ง และอุปกรณ์การเลือกตั้ง ให้แก่ กรรมการประจำหน่วย ซึ่งต้องมีกรรมการอย่างน้อย 5 คน มาเซ็นชื่อ และตรวจรับบัตร และอุปกรณ์ จะสามารถทำอย่างไรให้เกิดความสำเร็จ และเป็นไปด้วยความโปร่งใส
5. ในกรณีที่มีอุปสรรคที่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง เช่น บัตรไม่มา อุปกรณ์ไม่ครบ กรรมการประจำหน่วยขาด เกิดการปิดกั้นทางจราจร เกิดการขัดขวางหน้าหน่วย จะดำเนินการอย่างไร
6. บทบาทของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้แก่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ในช่วงนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ควรมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ โดยสงบเรียบร้อย (กกต.สั่งทุกหน่วยได้จริงหรือไม่ สั่งแล้วไม่ทำ ปลดได้หรือไม่ )
7. การประกาศผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 คน จะต้องได้คะแนนครบจาก 93,952 หน่วย จึงจะสามารถประกาศผลได้ ในกรณีที่ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ครบ ( ขณะนี้ขาดอยู่ 10,284 หน่วย ) จะมีวิธีการอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ โดยนายสมชัย ยังโพสต์ทิ้งท้ายระบุว่า "ข้อสอบไม่ยากเกินไปนะครับ"
**เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้นหลังการหารือ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุถึงการรับฟังและนำเสนอความเห็น เพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งส.ส. ในวันนี้ ( 17 ก.พ.) เชื่อว่าการมาพูดคุยร่วมกันครั้งนี้ จะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยมุ่งหวังให้ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รับรู้ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งจะมีกกต.จังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมารายงานสถานการณ์ปัญหาอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบก่อนจะช่วยกันสะท้อน และหาทางออกเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งที่ยังมีปัญหา
ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะฟ้อง กกต.หากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ รวมทั้งยืนยันว่า การออกพ.ร.ฎ.จัดการเลือกตั้งซ้ำ ไม่สามารถทำได้นั้น เห็นว่า มุมมองทางด้านกฎหมายของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่ควรให้คำตอบกลับมาเป็นหนังสือ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และมองว่าหากฝ่ายการเมืองลงมาพูดคุยจะทำให้เข้าใจว่า การทำงานภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น มีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง
**แนะรัฐบาล-กกต.เจรจาเปิดประตูทางออก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะมีการหารือร่วมกับรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งในวันนี้ ว่า การพูดคุยระหว่างกกต. และรัฐบาล น่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา 28 เขตจังหวัดภาคใต้ ที่ไม่มีผู้สมัคร และการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ให้ครบทุกหน่วยเลือกตั้งเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส. ครบ 500 คน ที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ทางปชป. แม้จะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ หวังเพียงใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจ รวมทั้งเพียงเพื่อต้องการให้สังคมลืมเลือนความบกพร่องที่ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ
อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่า จะไม่ไปขัดขวางการเลือกตั้งและการที่จะให้เกิดความสำเร็จจากการพูดคุยนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ต้องคำนึงถึงหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งรัฐบาลและกกต. ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่มีอคติต่อกัน 2. การพูดคุยนี้ต้องคำนึงถึงการแก้ปัญหาแบบครบวงจรที่ปฏิบัติได้จริง เพราะที่ผ่านมาได้มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้ง แต่หลายเรื่องไม่สามารถกระทำได้จริง และ 3. รัฐบาลและกกต. ต้องหาข้อสรุปที่ทำให้การเลือกตั้งเป็น ทางออกของประเทศและทุกฝ่ายยอมรับได้ ไม่ใช้ทำเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์
“หากรัฐบาลและกกต.พูดคุยอยู่บนหลักการ 3 ประการนี้ ก็เชื่อว่าน่าจะหาทางออกให้กับการเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ยึดตามหลัก 3 ประการที่กล่าวมา ก็เห็นว่าการพูดคุยนี้อาจจะเสียเวลาเปล่า อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าการพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่าย น่าจะหาข้อยุติร่วมกันได้" รองหัวหน้า ปชป. กล่าว
**พท.เชื่อประชุมไปก็ไม่เกิดประโยชน์
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ กกต. เชิญตัวแทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และรัฐบาล มาประชุมหารือกันในวันนี้ เพื่อเสนอให้แก้ปัญหาพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ที่ยังไม่สามารถรับสมัคร ส.ส.ได้ ด้วยการออกพ.ร.ฎ กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ว่า ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ เพราะตัวแทนของกกต. มี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง คนเดียว ซึ่งที่ผ่านมา นายสมชัยได้แสดงทัศนะคติ ผ่านสื่ออย่างไม่สร้างสรรค์ ตอบโต้กับตัวแทน ของรัฐบาล มีการพูดว่าหากในการหารือ ใครบอกจะฟ้องกกต. จะเชิญออกนอกห้องนั้น เหมือนเป็นการข่มขู่ ซึ่งมันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันประชุม
ทั้งนี้ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยืนยันมาตลอดว่าไม่สามารถออก พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ใน 28 เขตภาคใต้ได้ เพราะจะทำให้มีพ.ร.ฎ.ซ้อนกัน 2 ฉบับ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ซึ่งจะต้องมีผู้นำไปฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และร้องให้ยุบพรรึคเพื่อไทย เรียกค่าเสียหายทั้งอาญา และแพ่ง จะเป็นการโยนบาปมายัง นายกฯยิ่งลักษณ์ และครม. ทันที ดังนั้น การที่ กกต.พยายามเรียกประชุมหารือในวันนี้ น่าจะเป็นการสร้างปัญหา มากกว่าการแก้ปัญหา
"หากกกต. ยื้อ ความเสียหายจะเกิดขึ้น ซึ่งทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยตรวจสอบว่า ตามมาตรา 127 ระบุว่าต้องมีการเปิดสภาภายใน 30 วัน อย่างช้าไม่เกิน วันที่ 4 มี.ค. แต่ กกต.กลับกำหนดวันเลือกตั้งชดเชยการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. และการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เป็นในวันที่ 20 เม.ย. และวันที่ 27 เม.ย.ตามลำดับ ซึ่งจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ซึ่งตนเชื่อว่าการหารือในวันที่ 17 ก.พ. จะต้องมีผู้เสนอประเด็นนี้แน่ และหาก กกต. ไม่ รับฟัง ก็จะเกิดผลเสียต่อการเลือกตั้ง ซึ่งจะสอดคล้องกับที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการเลือกตั้งนั้น จะเป็นโมฆะ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** ขู่เอาผิดกกต.หากเลือกตั้งโมฆะ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคมีการหารือ หามาตราการป้องกัน รัฐบาล ผู้สมัครรับเลือกตั้งของทุกพรรค และผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้ง 20 ล้านคน จากการฟ้องเพื่อจะให้ศาลชี้ว่าการเลือกตั้งโมฆะ โดยกำหนดว่าวันที่ 17 ก.พ. ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ทุกคน จะไปแจ้งความที่โรงพักทุกจังหวัด รวมไปถึงกองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับกกต. ทั้ง 5 ว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐรรมนูญ มาตรา 127 และ พ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งจะทำให้กกต. ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ เพราะว่าการกำหนดวันเลือกตั้งชดเชยให้เลยออกไป เป็นการส่อว่ากกต. มีเจตนาอะไรหรือไม่
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องว่าในการประชุมวันนี้ กกต. ทั้ง 5 คนต้องมาประชุมร่วมกันกับตัวแทนพรรคการเมือง รัฐบาล และนักวิชาการ อย่างบูรณาการ อย่าปล่อยให้ นายสมชัย มาประชุมคนเดียว เพราะยังไม่ทันเริ่มก็มีการข่มขู่กันแล้ว จากนั้นก็ขอให้กกต. ทั้ง 5 ออกเป็น ประกาศกกต. เพื่อกำหนดวันรับสมัครฯ และวันลงคะแนนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจ กกต. ไว้ในมาตรา 135 และมาตรา 136 และจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งชดเชยในส่วนที่ยังมีปัญหาก่อนวันที่ 3 มี.ค. เพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 และกกต.จะไม่ได้ผิดต่อรัฐธรรมนูญเสียเอง เพราะหากกกต. ไม่ทำ คดีอาญาและคดีแพ่ง รออยู่ จะโยนมาที่ผู้สมัครฯหรือพรรคการเมือง ไม่ได้ และกกต.ต้องเร่งดดำเนินงาน อย่าไปเชื่อที่ปรึกษาของตนเองให้มาก เพราะบางคนมีนัยทางการเมืองแอบแฝง จึงอยากให้ กกต.ดูข้อเท็จจริงของกฎหมาย
**“สมชัย”ดักคอ7คำตอบที่ไม่อยากได้ยิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายสมชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง ระบุว่า 7 คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน คือ 1. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกต. ต้องทำให้เกิดความสำเร็จ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ 2. เรื่องนี้เป็นรายละเอียดทางเทคนิคที่ กกต.ต้องรับผิดชอบในการดำเนินการ แต่อยากให้รัฐบาลช่วยอะไรก็บอกมา 3. กกต.ควรใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ก่อนหากขาดตรงไหนขอให้บอก รัฐบาลยินดีสนับสนุน
4. ขอให้ดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุม ก็จะไม่เกิดปัญหา อย่าคิดหรือจินตนาการไปล่วงหน้า จะทำให้ต่างประเทศตื่นตระหนก 5. ศรส. จะดำเนินการจากเบาไปหนัก ตามมาตรฐานสากล ขอให้สื่อมวลชนไปดูด้วย นัดกันเวลา 06.00 น. 6. เอ่อ คงต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปนะ เรื่องพวกนี้ต้องรอบคอบ 7. เอ๊ะ จะมองโลกแง่ร้ายไปถึงไหน ก็บอกแล้วไงว่า ต้องเคารพ 20 ล้านเสียง ที่ออกมาเลือกตั้ง ประชาชนต้องการเลือกตั้ง เห็นหัวเราบ้าง บอกแล้วไง ว่ารัฐบาล พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ที่เหลือ กกต.ก็ไปคิดเองบ้าง เขาให้มาเป็นกกต. ไม่ได้ให้มาตั้งคำถาม แค่คำถามง่ายๆ แค่นี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ลาออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย ยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า สำหรับผู้มีสิทธิ์เข้าสอบ ประกอบด้วยบุคคลที่น่าสนใจ เช่น รองนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีอีก 4 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายพีรพันธุ์พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา