2 เดือนมาแล้วครับที่ชาวนาออกมาทวงค่าข้าวที่พวกเขาเอาไปจำนำไว้กับรัฐบาล เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมบัดนี้ผ่านมาแล้ว 2 เดือนจะเข้าเดือนที่ 3 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ฤดูการผลิตนี้รัฐบาลเริ่มรับจำนำวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โดยมีมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 เพราะฉะนั้นหน่วยงานของรัฐบาลก็จะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมซึ่งเริ่มรับจำนำข้าวจากชาวนาตันละ 15,000 บาทนั้นจะมีข้าวจากชาวนาเข้าสู่ระบบเท่าใด จะต้องเตรียมยุ้งฉางไว้ให้พร้อม
ที่สำคัญต้องเตรียมเงินงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายไปกับการจำนำครั้งล่าสุดนี้เอาไว้ด้วยว่าจะเป็นเงินเท่าไร ซึ่งดูเหมือนว่ามติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายนก็บอกเอาไว้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด
การที่รัฐบาลเริ่มโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันนี้ยังไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาของผู้บริหารตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงไปจนถึงรัฐมนตรีว่การกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือจะอาจรวมๆ ทั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็ได้ว่าใช้ไม่ได้ ไม่สมควรที่จะอยู่บริหารประเทศแม้สักนาทีเดียว
ยิ่งเมื่อมีปัญหาแทนที่จะยอมรับความผิดพลาด กลับเฉไฉไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ เป็นต้นว่า ชาวนาที่เดือดร้อนและมาเรียกร้องเป็นชาวนาส่วนน้อย มันจะให้ชาวนาที่เอาข้าวไปจำนำล้านครอบครัวลุกขึ้นมาทวงเงินเป็นแสนเป็นล้านคนหรืออย่างไร มันจึงจะยอมรับ ชาวนาที่ออกมาเรียกร้องไม่อดทน มันจะให้เขาทนไปถึงไหนตั้งแต่เดือนตุลาคมมาถึงวันนี้ 4-5 เดือนเข้าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นคือตอนที่ลงมือทำนา ไถนา หว่านกล้าก็ไม่มีรายได้ ต้องเป็นหนี้ค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ข้าว ค่าใช้จ่ายประจำวัน ต้องกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาใช้ก่อน
ป่านนี้ดอกเบี้ยท่วมเงินต้นไปแล้ว
ที่ร้ายไปกว่านั้น สัตว์คอกเดียวกันนี้บางตัวบอกว่า ชาวนาที่มาเรียกร้องนี้เป็นชาวนาปลอม
ชาวนาต้องบอกว่า มึงดูใบประทวนนี่ปลอมมั้ย? มึงมาดูที่กูถืออยู่นี่มันปลอมหรือเปล่า?
หมดท่าเข้าจริงๆ ก็โทษประชาชนที่ออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่พวกมันตั้งใจจงใจที่จะออกมาเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่ทักษิณสารภาพเองในการให้สัมภาษณ์ ทอมเพลท ว่า เขาคาดว่าจะได้กลับมาประเทศไทยตั้งแต่ปลายปี 2554 โดยส่งน้องสาวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้มเหลวในการช่วยเหลือเขา
แทนที่เขาจะยอมรับความผิดพลาดในการบริหารจัดการ พวกเขากลับโทษว่า ประชาชนที่ชุมนุมคัดค้านเรียกร้องให้เขาลาออกขัดขวางการหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนา ทั้งที่เป็นความล้มเหลวของเขาเองที่ไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ เขาอ้างว่ามีการชุมนุมทำให้เขาต้องยุบสภา
เงินค่าจำนำข้าวเขาต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มรับจำนำแล้ว แต่เขาไม่เตรียม ซ้ำการระบายข้าว การขายข้าวเป็นเรื่องลับไม่มีใครรู้เลยว่าข้าวในยุ้งฉางที่รับจำนำไว้มีเท่าใด ขายไปที่ใด ในราคาเท่าใด ถามนายกรัฐมนตรีก็โบ้ยว่า ไปถามกระทรวงพาณิชย์บ้าง ถามกระทรวงพาณิชย์ก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
เมื่อไม่มีเงิน และตัวก็เป็นรัฐบาลรักษาการที่มีอำนาจจำกัด ทำหนังสือไปขออนญาต กกต.ว่าจะขอกู้เงินได้หรือไม่ กกต.ตอบว่า ไม่อยู่ในอำนาจของเขา จะกู้หรือไม่กู้คิดเอาเอง ตกลงว่าจะกู้หันไปหา ธ.ก.ส.สหภาพแรงงาน ธ.ก.ส.บอกว่ากู้ไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ขืนให้กู้อาจจะเสียหายกับชาวไร่ชาวนาหันไปธนาคารออมสิน สหภาพแรงงานของธนาคารออมสินเขาก็ไม่เห็นด้วย หันไปหาธนาคารกรุงไทย ธนาคารก็เกรงว่า ขืนให้กู้ประชาชนแห่มาถอนเงินธนาคารก็เจ๊ง สุดท้ายหันไปหาโรงสีให้โรงสีจ่ายให้ชาวนาก่อน โรงสีที่ไหนจะมีเงินมากมายขนาดนั้น
นายบรรยง พวงราช และสัตว์คอกนี้อีกหลายตัวออกมาด่าสถาบันการเงินว่าเห็นแก่ตัวไม่ช่วยเหลือชาวไร่ชาวนา
เห็นมั้ยล่ะ พวกมัน (สัตว์คอกนี้) มันเคยยอมรับความผิดพลาดของมันมั้ย เขาโบ้ยหรือโยนให้เป็นความผิดของคนอื่นตลอดทั้งที่โครงการรับจำนำข้าวพวกเขาสวาปามไปจนท้องกาง เพราะ 2 ปีที่รับจำนำข้าวรัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท (ตัวเลขการขาดทุน) แต่ไปถึงชาวนาประมาณ 2 แสนล้านบาท แสดงว่าพวกเขาสวาปามไปกว่า 2 แสนล้านบาท
และถ้าหากเขายังดำนินนโยบายนี้อีกต่อไป ประชาชนคนไทยทั้งหลายก็ต้องรับเคราะห์กรรมต่อไปอีก เพิ่มพูนจาก 4 แสนล้านบาท (ที่ขาดทุนไปแล้ว) ซึ่งอีกไม่นานหนี้ก็จะท่วมประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะยังมีหนี้สินจากโครงการอื่นๆ อีกที่พอกพูนอยู่ขณะนี้ นี่ยังไม่นับโครงการป้องกันน้ำ โครงการ 2 ล้านล้านบาทที่จะนำมาใช้กับรถไฟความเร็วสูง
เขาใช้จ่ายเหมือนเขาพิมพ์ธนบัตรใช้ได้เอง เขาใช้จ่ายโดยที่ไม่นึกถึงอนาคต
หรือว่าเขาจงใจมาทำความฉิบหายให้กับประเทศ (ว่ะ) เนี่ย.
ฤดูการผลิตนี้รัฐบาลเริ่มรับจำนำวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โดยมีมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 เพราะฉะนั้นหน่วยงานของรัฐบาลก็จะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมซึ่งเริ่มรับจำนำข้าวจากชาวนาตันละ 15,000 บาทนั้นจะมีข้าวจากชาวนาเข้าสู่ระบบเท่าใด จะต้องเตรียมยุ้งฉางไว้ให้พร้อม
ที่สำคัญต้องเตรียมเงินงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายไปกับการจำนำครั้งล่าสุดนี้เอาไว้ด้วยว่าจะเป็นเงินเท่าไร ซึ่งดูเหมือนว่ามติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายนก็บอกเอาไว้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด
การที่รัฐบาลเริ่มโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันนี้ยังไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาของผู้บริหารตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงไปจนถึงรัฐมนตรีว่การกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือจะอาจรวมๆ ทั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็ได้ว่าใช้ไม่ได้ ไม่สมควรที่จะอยู่บริหารประเทศแม้สักนาทีเดียว
ยิ่งเมื่อมีปัญหาแทนที่จะยอมรับความผิดพลาด กลับเฉไฉไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ เป็นต้นว่า ชาวนาที่เดือดร้อนและมาเรียกร้องเป็นชาวนาส่วนน้อย มันจะให้ชาวนาที่เอาข้าวไปจำนำล้านครอบครัวลุกขึ้นมาทวงเงินเป็นแสนเป็นล้านคนหรืออย่างไร มันจึงจะยอมรับ ชาวนาที่ออกมาเรียกร้องไม่อดทน มันจะให้เขาทนไปถึงไหนตั้งแต่เดือนตุลาคมมาถึงวันนี้ 4-5 เดือนเข้าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นคือตอนที่ลงมือทำนา ไถนา หว่านกล้าก็ไม่มีรายได้ ต้องเป็นหนี้ค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ข้าว ค่าใช้จ่ายประจำวัน ต้องกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาใช้ก่อน
ป่านนี้ดอกเบี้ยท่วมเงินต้นไปแล้ว
ที่ร้ายไปกว่านั้น สัตว์คอกเดียวกันนี้บางตัวบอกว่า ชาวนาที่มาเรียกร้องนี้เป็นชาวนาปลอม
ชาวนาต้องบอกว่า มึงดูใบประทวนนี่ปลอมมั้ย? มึงมาดูที่กูถืออยู่นี่มันปลอมหรือเปล่า?
หมดท่าเข้าจริงๆ ก็โทษประชาชนที่ออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่พวกมันตั้งใจจงใจที่จะออกมาเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่ทักษิณสารภาพเองในการให้สัมภาษณ์ ทอมเพลท ว่า เขาคาดว่าจะได้กลับมาประเทศไทยตั้งแต่ปลายปี 2554 โดยส่งน้องสาวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้มเหลวในการช่วยเหลือเขา
แทนที่เขาจะยอมรับความผิดพลาดในการบริหารจัดการ พวกเขากลับโทษว่า ประชาชนที่ชุมนุมคัดค้านเรียกร้องให้เขาลาออกขัดขวางการหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนา ทั้งที่เป็นความล้มเหลวของเขาเองที่ไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ เขาอ้างว่ามีการชุมนุมทำให้เขาต้องยุบสภา
เงินค่าจำนำข้าวเขาต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มรับจำนำแล้ว แต่เขาไม่เตรียม ซ้ำการระบายข้าว การขายข้าวเป็นเรื่องลับไม่มีใครรู้เลยว่าข้าวในยุ้งฉางที่รับจำนำไว้มีเท่าใด ขายไปที่ใด ในราคาเท่าใด ถามนายกรัฐมนตรีก็โบ้ยว่า ไปถามกระทรวงพาณิชย์บ้าง ถามกระทรวงพาณิชย์ก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
เมื่อไม่มีเงิน และตัวก็เป็นรัฐบาลรักษาการที่มีอำนาจจำกัด ทำหนังสือไปขออนญาต กกต.ว่าจะขอกู้เงินได้หรือไม่ กกต.ตอบว่า ไม่อยู่ในอำนาจของเขา จะกู้หรือไม่กู้คิดเอาเอง ตกลงว่าจะกู้หันไปหา ธ.ก.ส.สหภาพแรงงาน ธ.ก.ส.บอกว่ากู้ไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ขืนให้กู้อาจจะเสียหายกับชาวไร่ชาวนาหันไปธนาคารออมสิน สหภาพแรงงานของธนาคารออมสินเขาก็ไม่เห็นด้วย หันไปหาธนาคารกรุงไทย ธนาคารก็เกรงว่า ขืนให้กู้ประชาชนแห่มาถอนเงินธนาคารก็เจ๊ง สุดท้ายหันไปหาโรงสีให้โรงสีจ่ายให้ชาวนาก่อน โรงสีที่ไหนจะมีเงินมากมายขนาดนั้น
นายบรรยง พวงราช และสัตว์คอกนี้อีกหลายตัวออกมาด่าสถาบันการเงินว่าเห็นแก่ตัวไม่ช่วยเหลือชาวไร่ชาวนา
เห็นมั้ยล่ะ พวกมัน (สัตว์คอกนี้) มันเคยยอมรับความผิดพลาดของมันมั้ย เขาโบ้ยหรือโยนให้เป็นความผิดของคนอื่นตลอดทั้งที่โครงการรับจำนำข้าวพวกเขาสวาปามไปจนท้องกาง เพราะ 2 ปีที่รับจำนำข้าวรัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท (ตัวเลขการขาดทุน) แต่ไปถึงชาวนาประมาณ 2 แสนล้านบาท แสดงว่าพวกเขาสวาปามไปกว่า 2 แสนล้านบาท
และถ้าหากเขายังดำนินนโยบายนี้อีกต่อไป ประชาชนคนไทยทั้งหลายก็ต้องรับเคราะห์กรรมต่อไปอีก เพิ่มพูนจาก 4 แสนล้านบาท (ที่ขาดทุนไปแล้ว) ซึ่งอีกไม่นานหนี้ก็จะท่วมประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะยังมีหนี้สินจากโครงการอื่นๆ อีกที่พอกพูนอยู่ขณะนี้ นี่ยังไม่นับโครงการป้องกันน้ำ โครงการ 2 ล้านล้านบาทที่จะนำมาใช้กับรถไฟความเร็วสูง
เขาใช้จ่ายเหมือนเขาพิมพ์ธนบัตรใช้ได้เอง เขาใช้จ่ายโดยที่ไม่นึกถึงอนาคต
หรือว่าเขาจงใจมาทำความฉิบหายให้กับประเทศ (ว่ะ) เนี่ย.