เวลา 10.00 น.วานนี้ (9 ก.พ.) พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดมีผู้เสียชีวิตภายในสวนยางพารา พื้นที่หมู๋ 5 บ้านน้ำใส ต.ลุโบะยีไร อ.มายอ จ.ปัตตานี จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พบร่างผู้เสียชีวิตถูกแรงระเบิดจนร่างฉีกขาดชิ้นส่วนกระจายไปทั่วบริเวณทราบชื่อนายลาเต๊ะ ดอเลาะ อายุ 49 ปี เป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.มายอ อยู่บ้านเลขที่ 26/5 ม.5 ต.ลุโบะยีไร ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร และพบชิ้นส่วนถังแก๊สปิกนิคและชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์มาจากบ้านพักเพื่อมาใส่ปุ๋ยต้นยางพาราในสวน ระหว่างที่เดินอยู่นั้นผู้ตายเหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัมที่คนร้ายนำมาฝังไว้จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นเป็นเหตุให้ร่างถูกแรงระเบิดจนเละ เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเนื่องจากผู้ตายถือเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน ที่มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยงานของรัฐ คนร้ายจึงลอบ สังหารเพื่อสร้างสถานการณ์
เวลา 10.00 น. พ.อ.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 สั่งการให้ ร.ท.สามารถ หรีดจันทร์ ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 4513 สนธิกำลังร่วมกับ ส.อ.เอกพล สุขทรัพย์สร้าง หน.ชุดปฏิบัติการ กองร้อย ทพ.ที่ 4111 กรม ทพ.ที่ 41 รวม 50 นายเดินเท้าขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว ซึ่งตั้งอยู่บ้านบือแจง ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พิกัดที่ RG 038805 ระยะทางจากเชิงเขาถึงที่หมายประมาณ 2 กิโลเมตรเป็นไปตามแผนยุทธการพิทักษ์ตะเวของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 และสืบเนื่องมาจากการรับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มของนายอัมรัน มิง นายอุสนี บาโด นายต่วนแซะ ต่วนกือจิ 3 แกนนำปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญารวมกว่า 50 หมายและเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อหลบซ่อนและเป็นที่พักพิงอยู่บนเทือกเขา
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเดินเท้าด้วยความทุลักทุเลนานกว่า 3 ชั่วโมงจนไปพบกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่กำลังนอนพักอยู่บนเปลรายรอบฐานประมาณ 30 กว่าคนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามครบมือยิงถล่มเข้าใส่เจ้าหน้าที่แบบไม่ยั้งมือจนเจ้าหน้าที่ต้องถอยร่นตั้งหลักก่อนใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ และเกิดการปะทะกันนานประมาณ 30 นาที
หลังสิ้นเสียงปืนปรากฏว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธอาศัยความชำนาญพื้นที่ถอยร่นหลบหนีขึ้นไปบนเทือกเขา และหลบหนีไปได้ในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ทุกนายปลอดภัยและได้เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบบริเวณจุดเกิดเหตุมีเพิงพักขนาดย่อมกว่า 10 หลัง ที่ปลูกสร้างห่างกันจุดละประมาณ 5 เมตร รวมทั้งบังเกอร์รายรอบตัวฐานปฏิบัติการ เมื่อเข้าทำการตรวจสอบโดยละเอียดพบอุปกรณ์ป่วนใต้ที่ถูกซุกซ่อนไว้ที่โคนต้นไม้รวมทั้งในเพิงพักทุกหลังกว่า 50 รายการ ประกอบด้วยถังแก๊ส ปุ๋ยยูเรีย ระเบิดขว้าง ลูกระเบิด RPG เปลสนาม เต็นท์ เป้ เสื้อผ้า เสบียงอาหาร เวชภัณฑ์ สายไฟ เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดทยอยลงมาจากเทือกเขาเพื่อให้ชุดนิติวิทยาศาสตร์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำการตรวจสอบคราบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอเพื่อสาวไปถึงกลุ่มกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนี้ต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์มาจากบ้านพักเพื่อมาใส่ปุ๋ยต้นยางพาราในสวน ระหว่างที่เดินอยู่นั้นผู้ตายเหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัมที่คนร้ายนำมาฝังไว้จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นเป็นเหตุให้ร่างถูกแรงระเบิดจนเละ เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเนื่องจากผู้ตายถือเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน ที่มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยงานของรัฐ คนร้ายจึงลอบ สังหารเพื่อสร้างสถานการณ์
เวลา 10.00 น. พ.อ.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 สั่งการให้ ร.ท.สามารถ หรีดจันทร์ ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 4513 สนธิกำลังร่วมกับ ส.อ.เอกพล สุขทรัพย์สร้าง หน.ชุดปฏิบัติการ กองร้อย ทพ.ที่ 4111 กรม ทพ.ที่ 41 รวม 50 นายเดินเท้าขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว ซึ่งตั้งอยู่บ้านบือแจง ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พิกัดที่ RG 038805 ระยะทางจากเชิงเขาถึงที่หมายประมาณ 2 กิโลเมตรเป็นไปตามแผนยุทธการพิทักษ์ตะเวของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 และสืบเนื่องมาจากการรับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มของนายอัมรัน มิง นายอุสนี บาโด นายต่วนแซะ ต่วนกือจิ 3 แกนนำปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญารวมกว่า 50 หมายและเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อหลบซ่อนและเป็นที่พักพิงอยู่บนเทือกเขา
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเดินเท้าด้วยความทุลักทุเลนานกว่า 3 ชั่วโมงจนไปพบกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่กำลังนอนพักอยู่บนเปลรายรอบฐานประมาณ 30 กว่าคนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามครบมือยิงถล่มเข้าใส่เจ้าหน้าที่แบบไม่ยั้งมือจนเจ้าหน้าที่ต้องถอยร่นตั้งหลักก่อนใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ และเกิดการปะทะกันนานประมาณ 30 นาที
หลังสิ้นเสียงปืนปรากฏว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธอาศัยความชำนาญพื้นที่ถอยร่นหลบหนีขึ้นไปบนเทือกเขา และหลบหนีไปได้ในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ทุกนายปลอดภัยและได้เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบบริเวณจุดเกิดเหตุมีเพิงพักขนาดย่อมกว่า 10 หลัง ที่ปลูกสร้างห่างกันจุดละประมาณ 5 เมตร รวมทั้งบังเกอร์รายรอบตัวฐานปฏิบัติการ เมื่อเข้าทำการตรวจสอบโดยละเอียดพบอุปกรณ์ป่วนใต้ที่ถูกซุกซ่อนไว้ที่โคนต้นไม้รวมทั้งในเพิงพักทุกหลังกว่า 50 รายการ ประกอบด้วยถังแก๊ส ปุ๋ยยูเรีย ระเบิดขว้าง ลูกระเบิด RPG เปลสนาม เต็นท์ เป้ เสื้อผ้า เสบียงอาหาร เวชภัณฑ์ สายไฟ เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดทยอยลงมาจากเทือกเขาเพื่อให้ชุดนิติวิทยาศาสตร์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำการตรวจสอบคราบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอเพื่อสาวไปถึงกลุ่มกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนี้ต่อไป