บช.น.แถลงสรุปเหตุปะทะแยกหลักสี่ เป็นฝีมือของกลุ่ม กปปส.ไล่ยิงผู้ชุมนุมที่สนับสนุนการเลือกตั้งฝ่ายเดียว เตรียมขอหมายจับผู้ก่อเหตุชายใส่ชุดลายพรางถืออาวุธ อ้างหากตร.ไม่สกัดมวลชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง อาจมีบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ พบมาจากกระบอกปืน 5 ชนิด ด้านทบ.ยันทหารที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ไม่มีอาวุธ สธ.เผยผู้บาดเจ็บคืนหมาหอน 9 ราย
วานนี้ ( 2 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.พร้อม พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.)พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ พ.ต.อ.กิตภัท เพ็งรุ่ง รอง ผบก.น.2 พ.ต.ท.บดินทร์ ผาสุก รอง ผกก.จร.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.ท.สำอาง ขาวสอาด สว.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ร่วมกันแถลงเหตุการณ์ยิงของกลุ่ม กปปส.ใส่ผู้ชุมนุมที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่บริเวณแยกหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนำปลอกกระสุนและหัวกระสุนที่ตรวจสอบและเก็บได้ในที่เกิดเหตุมาแถลง พร้อมเปิดภาพคลิปวีดีโอเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นให้ดูด้วย
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ (31 ม.ค. ) กลุ่ม กปปส. บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นำโดยพระพุทธอิสระกับพวกประมาณ 200 คน ได้เดินขบวนไปปิดล้อมหน้าที่ทำการสำนักงานเขตหลักสี่ และขับไล่ให้ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในสำนักงานเขตหลักสี่ให้ออกไปจากสำนักงานเขต เพื่อที่จะทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ต่อมาในวันที่ 1ก.พ. เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งว่า ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง นำโดยประธานชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ได้นำมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนแก่ประมาณ 300 คน มารวมตัวกันที่วัดหลักสี่เพื่อที่จะเดินขบวนไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการเลือกตั้ง
จากการข่าวดังกล่าว บช.น.จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร คณะกรรมการเลือกตั้งประจำเขต และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะวางแผนไม่ให้มวลชนทั้ง 2 กลุ่มเกิดการเผชิญหน้าและปะทะกัน ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กิตติภัท เพ็งรุ่ง รอง ผบก.น.2 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปกันมวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่รวมตัวกันอยู่ที่วัดหลักสี่ ไม่ให้เดินทางไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้นำกำลังไปปิดกันไว้ที่สะพานข้ามคลองเปรมประชากร ทำให้มวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ไม่สามารถข้ามคลองเปรมประชากร มุ่งหน้าไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ได้
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบจากการข่าวว่าจะมีมวลชนกลุ่ม กปปส. บริเวณห้าแยกลาดพร้าวนำโดยนายสุชาติ ศรีสังข์ จะนำมวลชนมาสนับสนุนกลุ่มพระพุทธอิสระ ที่รวมตัวกันอยู่ที่สำนักงานเขตหลักสี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเกรงว่าหากมวลชนกลุ่ม นายสุชาติฯ เดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าวจะเกิดเหตุปะทะกันขึ้น พ.ต.อ.กิตติภัทฯ หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วจึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลักดันกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่รวมตัวกันอยู่ที่หน้าบริเวณห้างไอทีสแควร์ให้ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดวางกำลังที่บริเวณแยกหลักสี่ เพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย
กระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการผลักดันกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่หน้าบริเวณศูนย์การค้าหลักสี่พลาซ่าอยู่นั้น ซึ่งขณะนั้นมีมวลชนเหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 70 คน และอยู่ห่างจากบริเวณสี่แยกหลักสี่ประมาณ 50 เมตร และกลุ่มกปสส. ห้าแยกลาดพร้าวนำโดยนายสุชาติ ศรัสังข์ พร้อมมวลชนประมาณ 200 คน รถหกติดเครื่องขยายเสียง 6 ล้อ 1 คัน และรถกระบะ 3 คันได้เดินทางมาถึงบริเวณแยกหลักสี่ ได้มีเสียงดังคล้ายเสียงประทัดยักษ์ขึ้น 2 ครั้ง
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า จากนั้นกลุ่ม กปปส. ที่นำโดยนายสุชาติ ศรีสังข์ ได้นำรถหกล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดใกล้กับป้อมตำรวจจราจรบริเวณสี่แยกหลักสี่ และได้เปิดเทปธรรมะ พร้อมปราศรัยโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งวางแนวกั้นอยู่ที่บริเวณแยกหลักสี่ โดยร้องตะโกนว่าเอามันๆ และได้เกิดเสียงประทัดดัง 2 ครั้ง จากนั้นได้เกิดเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวจึงได้หลบเข้าไปในป้อมตำรวจจราจรบริเวณแยกหลักสี่ และบางส่วนได้หมอบลงบริเวณถนน ทาง พ.ต.อ.กิตติภัท หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วจึงได้ประสานการปฏิบัติไปยังฝ่ายทหารเพื่อให้จัดกำลังผลักดันกลุ่ม กปปส. ที่อยู่บริเวณสี่แยกหลักสี่ให้ออกไปจากบริเวณสี่แยกหลักสี่
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. จึงได้รับรายงานจากฝ่ายทหารว่า ได้ผลักดันมวลชนกลุ่มดังกล่าวให้กลับไปยังเวทีห้าแยกลาดพร้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวได้เดินทางออกไปจากบริเวณดังกล่าว สถานการณ์จึงได้คลี่คลายลง และเป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่ม กปปส. เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งจากภาพ การแต่งการ การเคลื่อนขบวน ค่อนข้างชัดเจน โดยผู้ก่อเหตุตามพรางใส่ชุดลายพรางถืออาวุธ เห็นหน้าตาชัดเจน หากตำรวจตรวจสอบแล้วก็จะออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ สพฐ. ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจอทั้งปลอกกระสุนและหัวกระสุน โดยปลอกกระสุนพบในแนวของ กลุ่ม กปปส. หัวถนนแจ้งวัฒนะตรงทิศใต้ ส่วนหัวกระสุนพบแถบตึกไอทีสแควร์ซึ่งมีกลุ่มผู้คัดค้านการชุมนุมอยู่ โดยพบปลอกกระสุน 25 รายการ มีทั้งขนาด 11 มม. ขนาดคาร์บิ้น 9 มม. หมอนรองกระสุนลูกซอง หัวกระสุน .223 .45 .38 ซึ่งทั้งหมดนี้ ขณะนี้ในชั้นต้นพบว่ามีการใช้อาวุธปืนประมาณ 5 ชนิด คือ ขนาด11 มม. ขนาด.38 ปืนคาร์บิ้น ขนาด.223 และขนาด 9 มม. โดย .223 เป็นกระสุนที่ใช้กระสุนเอ็ม 16 ได้
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจหาหลักฐานพิ่มเติม ทำให้ได้หลักฐานเพิ่มอีก 2 รายการ คือหัวกระสุน โดยเก็บได้ที่บริเวณป้อมจราจร และรถสายตวรจ ทะเบียน 45432 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้บริเวณข้างป้อมจราจร เมื่อตรวจสอบวิถีกระสุนแล้วคาดว่า น่าจะถูกยิงมาจากแนวบริเออร์ ฝั่งตรงข้ามป้อมจราจร
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพเหตุการณ์เหตุปะทะที่บริเวณแยกหลักสี่ ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียว่า อาวุธที่ใช้มีลักษณะคล้ายกับอาวุธของทหาร ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล บางครั้งอาจไปพาดพิงกระทบองค์กรอื่น ขอได้โปรดระมัดระวังเกรงสังคมจะสับสน อยากให้ขั้นตอนการพิสูจน์ทราบเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์น่าเชื่อถือ ซึ่งเหตุมวลชนปะทะกันที่บริเวณแยกหลักสี่มีการโพสต์ภาพบางภาพ พร้อมความเห็นว่าอาวุธในภาพมีลักษณะคล้ายปืนรุ่นเดียวกับที่ใช้ในราชการทหารในเชิงน่าจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝง จึงขอชี้แจงว่าอย่าเดาชี้นำสังคม ทหารที่ออกทำหน้าที่ครั้งนี้ จะไม่ให้มีการติดอาวุธออกไปอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ต้องสงสัยตามภาพทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ จากสภาพเหตุการณ์ในช่วงนี้ใครก็ตามที่กระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินการไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าหน้าที่เอง
ขณะที่พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงเหตุปะทะ ที่มีภาพของการใช้อาวุธ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นอาวุธของทหารหรือไม่นั้น จะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบพิสูจน์อีกครั้ง เมื่อเราเห็นภาพ เราต้องใจเย็น และขอให้เชื่อใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในเรื่องการวิเคราะห์ และหาสาเหตุ
กห. จวกโซเชียลมีเดีย ใส่ร้าย"โกตี๋"
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า กำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ สำหรับภาพอาวุธที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นอาวุธของทหารนั้น ยังไม่สามารถตัดสินได้ ซึ่งอาวุธที่ใช้เห็นเพียงบางส่วน ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรองผู้อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) จะพยายามเร่งรัดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้มีความกระจ่างอย่างไร พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า ศรส. มีการประชุมตลอด พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ และวางแนวทางการดำเนินการต่อไป ซึ่งเรื่องคดีต่างๆ ศรส. เอาจริงเอาจัง โดยตนและผู้แทนเหล่าทัพก็ได้เข้าประชุม รวมทั้งส่วนราชการอื่นๆ ซึ่งการทำงานจะมองทั้งในอดีตและปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรต่อไป และในวันนี้เมื่อปิดหีบเลือกตั้งแล้ว ศรส.จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า นายโก๋ตี่ นำมวลชนมารวมตัวกันที่แยกหลักสี่ จนเกิดการปะทะกับกลุ่ม กปปส. มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ว่าใครเป็นใคร ซึ่งเรื่องเสนอข่าวหรือการแอบอ้างชื่อ ตลอดจนการระบุชื่อบุคคล ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะในโซเชียลมีเดียมีการปรุงแต่งมาก ดังนั้นขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเป็นระบบให้ถูกต้องตามหลักการ การที่มีการไประบุชื่อคนว่าทำอย่างนั้น อย่างนี้จะเกิดความไม่เป็นธรรม แต่ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นนายโก๋ตี่จริง ก็มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีภาพหมดทุกคน
สธ. แจงผู้บาดเจ็บคืนหมาหอน 9 ราย
ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กรณีชุมนุมการเมือง (ส่วนหน้า) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการรวบรวมข้อมูลร่วมกับศูนย์เอราวัณพบว่า เหตุการณ์ปะทะก่อนวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 9 ราย จาก 3 เหตุการณ์ คือ 1.บริเวณเขตหลักสี่ เกิดเหตุปะทะช่วงเวลา 16.00 น. มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 2 ราย เข้ารักษาที่ รพ.วิภาวดี 6 ราย ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 ราย จำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย เป็นชายอายุ 71 ปีถูกยิงบริเวณคอ ตรงไขสันหลัง ขณะนี้แม้จะรู้สึกตัว แต่มีอาการชา และไม่สามารถขยับแขน ขาได้ ยังอยู่ห้องไอ.ซี.ยู. มีแนวโน้มเป็นอัมพาต ส่วนอีกรายเข้ารักษาตัวที่ รพ.บีเอ็นเอช เป็นชายต่างชาติ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนชาวอเมริกัน อาการไม่สาหัส ถูกกระสุนยิงผ่านบริเวณขา แพทย์ทำการรักษากลับบ้านได้.
วานนี้ ( 2 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.พร้อม พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.)พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ พ.ต.อ.กิตภัท เพ็งรุ่ง รอง ผบก.น.2 พ.ต.ท.บดินทร์ ผาสุก รอง ผกก.จร.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.ท.สำอาง ขาวสอาด สว.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ร่วมกันแถลงเหตุการณ์ยิงของกลุ่ม กปปส.ใส่ผู้ชุมนุมที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่บริเวณแยกหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนำปลอกกระสุนและหัวกระสุนที่ตรวจสอบและเก็บได้ในที่เกิดเหตุมาแถลง พร้อมเปิดภาพคลิปวีดีโอเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นให้ดูด้วย
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ (31 ม.ค. ) กลุ่ม กปปส. บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นำโดยพระพุทธอิสระกับพวกประมาณ 200 คน ได้เดินขบวนไปปิดล้อมหน้าที่ทำการสำนักงานเขตหลักสี่ และขับไล่ให้ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในสำนักงานเขตหลักสี่ให้ออกไปจากสำนักงานเขต เพื่อที่จะทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ต่อมาในวันที่ 1ก.พ. เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งว่า ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง นำโดยประธานชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ได้นำมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนแก่ประมาณ 300 คน มารวมตัวกันที่วัดหลักสี่เพื่อที่จะเดินขบวนไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการเลือกตั้ง
จากการข่าวดังกล่าว บช.น.จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร คณะกรรมการเลือกตั้งประจำเขต และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะวางแผนไม่ให้มวลชนทั้ง 2 กลุ่มเกิดการเผชิญหน้าและปะทะกัน ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กิตติภัท เพ็งรุ่ง รอง ผบก.น.2 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปกันมวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่รวมตัวกันอยู่ที่วัดหลักสี่ ไม่ให้เดินทางไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้นำกำลังไปปิดกันไว้ที่สะพานข้ามคลองเปรมประชากร ทำให้มวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ไม่สามารถข้ามคลองเปรมประชากร มุ่งหน้าไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ได้
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบจากการข่าวว่าจะมีมวลชนกลุ่ม กปปส. บริเวณห้าแยกลาดพร้าวนำโดยนายสุชาติ ศรีสังข์ จะนำมวลชนมาสนับสนุนกลุ่มพระพุทธอิสระ ที่รวมตัวกันอยู่ที่สำนักงานเขตหลักสี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเกรงว่าหากมวลชนกลุ่ม นายสุชาติฯ เดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าวจะเกิดเหตุปะทะกันขึ้น พ.ต.อ.กิตติภัทฯ หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วจึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลักดันกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่รวมตัวกันอยู่ที่หน้าบริเวณห้างไอทีสแควร์ให้ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดวางกำลังที่บริเวณแยกหลักสี่ เพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย
กระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการผลักดันกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ที่หน้าบริเวณศูนย์การค้าหลักสี่พลาซ่าอยู่นั้น ซึ่งขณะนั้นมีมวลชนเหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 70 คน และอยู่ห่างจากบริเวณสี่แยกหลักสี่ประมาณ 50 เมตร และกลุ่มกปสส. ห้าแยกลาดพร้าวนำโดยนายสุชาติ ศรัสังข์ พร้อมมวลชนประมาณ 200 คน รถหกติดเครื่องขยายเสียง 6 ล้อ 1 คัน และรถกระบะ 3 คันได้เดินทางมาถึงบริเวณแยกหลักสี่ ได้มีเสียงดังคล้ายเสียงประทัดยักษ์ขึ้น 2 ครั้ง
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า จากนั้นกลุ่ม กปปส. ที่นำโดยนายสุชาติ ศรีสังข์ ได้นำรถหกล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดใกล้กับป้อมตำรวจจราจรบริเวณสี่แยกหลักสี่ และได้เปิดเทปธรรมะ พร้อมปราศรัยโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งวางแนวกั้นอยู่ที่บริเวณแยกหลักสี่ โดยร้องตะโกนว่าเอามันๆ และได้เกิดเสียงประทัดดัง 2 ครั้ง จากนั้นได้เกิดเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวจึงได้หลบเข้าไปในป้อมตำรวจจราจรบริเวณแยกหลักสี่ และบางส่วนได้หมอบลงบริเวณถนน ทาง พ.ต.อ.กิตติภัท หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วจึงได้ประสานการปฏิบัติไปยังฝ่ายทหารเพื่อให้จัดกำลังผลักดันกลุ่ม กปปส. ที่อยู่บริเวณสี่แยกหลักสี่ให้ออกไปจากบริเวณสี่แยกหลักสี่
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. จึงได้รับรายงานจากฝ่ายทหารว่า ได้ผลักดันมวลชนกลุ่มดังกล่าวให้กลับไปยังเวทีห้าแยกลาดพร้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวได้เดินทางออกไปจากบริเวณดังกล่าว สถานการณ์จึงได้คลี่คลายลง และเป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่ม กปปส. เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งจากภาพ การแต่งการ การเคลื่อนขบวน ค่อนข้างชัดเจน โดยผู้ก่อเหตุตามพรางใส่ชุดลายพรางถืออาวุธ เห็นหน้าตาชัดเจน หากตำรวจตรวจสอบแล้วก็จะออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ สพฐ. ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจอทั้งปลอกกระสุนและหัวกระสุน โดยปลอกกระสุนพบในแนวของ กลุ่ม กปปส. หัวถนนแจ้งวัฒนะตรงทิศใต้ ส่วนหัวกระสุนพบแถบตึกไอทีสแควร์ซึ่งมีกลุ่มผู้คัดค้านการชุมนุมอยู่ โดยพบปลอกกระสุน 25 รายการ มีทั้งขนาด 11 มม. ขนาดคาร์บิ้น 9 มม. หมอนรองกระสุนลูกซอง หัวกระสุน .223 .45 .38 ซึ่งทั้งหมดนี้ ขณะนี้ในชั้นต้นพบว่ามีการใช้อาวุธปืนประมาณ 5 ชนิด คือ ขนาด11 มม. ขนาด.38 ปืนคาร์บิ้น ขนาด.223 และขนาด 9 มม. โดย .223 เป็นกระสุนที่ใช้กระสุนเอ็ม 16 ได้
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจหาหลักฐานพิ่มเติม ทำให้ได้หลักฐานเพิ่มอีก 2 รายการ คือหัวกระสุน โดยเก็บได้ที่บริเวณป้อมจราจร และรถสายตวรจ ทะเบียน 45432 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้บริเวณข้างป้อมจราจร เมื่อตรวจสอบวิถีกระสุนแล้วคาดว่า น่าจะถูกยิงมาจากแนวบริเออร์ ฝั่งตรงข้ามป้อมจราจร
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพเหตุการณ์เหตุปะทะที่บริเวณแยกหลักสี่ ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียว่า อาวุธที่ใช้มีลักษณะคล้ายกับอาวุธของทหาร ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล บางครั้งอาจไปพาดพิงกระทบองค์กรอื่น ขอได้โปรดระมัดระวังเกรงสังคมจะสับสน อยากให้ขั้นตอนการพิสูจน์ทราบเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์น่าเชื่อถือ ซึ่งเหตุมวลชนปะทะกันที่บริเวณแยกหลักสี่มีการโพสต์ภาพบางภาพ พร้อมความเห็นว่าอาวุธในภาพมีลักษณะคล้ายปืนรุ่นเดียวกับที่ใช้ในราชการทหารในเชิงน่าจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝง จึงขอชี้แจงว่าอย่าเดาชี้นำสังคม ทหารที่ออกทำหน้าที่ครั้งนี้ จะไม่ให้มีการติดอาวุธออกไปอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ต้องสงสัยตามภาพทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ จากสภาพเหตุการณ์ในช่วงนี้ใครก็ตามที่กระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินการไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าหน้าที่เอง
ขณะที่พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงเหตุปะทะ ที่มีภาพของการใช้อาวุธ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นอาวุธของทหารหรือไม่นั้น จะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบพิสูจน์อีกครั้ง เมื่อเราเห็นภาพ เราต้องใจเย็น และขอให้เชื่อใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในเรื่องการวิเคราะห์ และหาสาเหตุ
กห. จวกโซเชียลมีเดีย ใส่ร้าย"โกตี๋"
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า กำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ สำหรับภาพอาวุธที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นอาวุธของทหารนั้น ยังไม่สามารถตัดสินได้ ซึ่งอาวุธที่ใช้เห็นเพียงบางส่วน ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรองผู้อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) จะพยายามเร่งรัดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้มีความกระจ่างอย่างไร พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า ศรส. มีการประชุมตลอด พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ และวางแนวทางการดำเนินการต่อไป ซึ่งเรื่องคดีต่างๆ ศรส. เอาจริงเอาจัง โดยตนและผู้แทนเหล่าทัพก็ได้เข้าประชุม รวมทั้งส่วนราชการอื่นๆ ซึ่งการทำงานจะมองทั้งในอดีตและปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรต่อไป และในวันนี้เมื่อปิดหีบเลือกตั้งแล้ว ศรส.จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า นายโก๋ตี่ นำมวลชนมารวมตัวกันที่แยกหลักสี่ จนเกิดการปะทะกับกลุ่ม กปปส. มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ว่าใครเป็นใคร ซึ่งเรื่องเสนอข่าวหรือการแอบอ้างชื่อ ตลอดจนการระบุชื่อบุคคล ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะในโซเชียลมีเดียมีการปรุงแต่งมาก ดังนั้นขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเป็นระบบให้ถูกต้องตามหลักการ การที่มีการไประบุชื่อคนว่าทำอย่างนั้น อย่างนี้จะเกิดความไม่เป็นธรรม แต่ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นนายโก๋ตี่จริง ก็มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีภาพหมดทุกคน
สธ. แจงผู้บาดเจ็บคืนหมาหอน 9 ราย
ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กรณีชุมนุมการเมือง (ส่วนหน้า) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการรวบรวมข้อมูลร่วมกับศูนย์เอราวัณพบว่า เหตุการณ์ปะทะก่อนวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 9 ราย จาก 3 เหตุการณ์ คือ 1.บริเวณเขตหลักสี่ เกิดเหตุปะทะช่วงเวลา 16.00 น. มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 2 ราย เข้ารักษาที่ รพ.วิภาวดี 6 ราย ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 ราย จำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย เป็นชายอายุ 71 ปีถูกยิงบริเวณคอ ตรงไขสันหลัง ขณะนี้แม้จะรู้สึกตัว แต่มีอาการชา และไม่สามารถขยับแขน ขาได้ ยังอยู่ห้องไอ.ซี.ยู. มีแนวโน้มเป็นอัมพาต ส่วนอีกรายเข้ารักษาตัวที่ รพ.บีเอ็นเอช เป็นชายต่างชาติ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนชาวอเมริกัน อาการไม่สาหัส ถูกกระสุนยิงผ่านบริเวณขา แพทย์ทำการรักษากลับบ้านได้.