ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคลิป ทางยูทิว เรื่อง “ความสุข ของ กบฏ” เผยแพร่ โดยผู้ใช้นามแผง yingkum wai https://www.youtube.com/watch?v=i9k4HYEW5rs&feature=youtu.be
ใช้เพลงของ Jason Farnham บรรยายความสุขของผู้ชุมนุม กปปส. ใน พื้นที่ต่าง ๆมีทั้งภาพ ดารา คนดัง นักเรียน นักศึกษา ไอโซทำปาท่องโก๋ ทำอาหาร มีกิจกรรมทั้งเต้น คนในคลิปดูยิ้มแย้มแจ่งใส ทั้งบนเวที ล่างเวที
มีความสุข ตามภาษาของคนที่ถูกตั้งข้อหา “กบฏ”
สัปดาห์เดียวกัน หลังจาดมวลมหาประชาชน กปปส.ทุกเครือข่าย เดินหน้าชัตดาวน์กรุงเทพ เรียกร้องข้าราชการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกับรัฐบาลชุดนี้ หลายวันก่อน บิ๊กข้าราชการกระทรวงสาธารณสุธ โดยเฉพาะ “นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์” ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน ที่ได้คำชม จากทั่วสารทิศ มีข้าราชการอดีตข้าราชการสนับสนุนให้กำลังใจ ที่กล้าออกมาชนกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ต่อมาจึงมีหมอ พยาบาล คนกาชาด คนในแวดวงสาธารณสุขขึ้นเวที กปปส.ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่กี่วัน โมเดลข้าราชการอารยะชัดขืน เพิ่มมากขึ้น เมื่ออดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ในนามกลุ่ม “รักกระทรวงพาณิชย์” นำโดยอดีตปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ และอดีตข้าราชการซี 10 ซี 9 กว่า 10 คนได้เปิดตัว
เรียกร้องข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่มีหัวใจรักชาติ ออกมาชุมนุม มีการเปิดตัวอดีตข้าราชการเหล่านี้ เช่น นายจเร จุฑารัตนกุล อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายการุณ กิตติสถาพร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางอรนุช โอสถานนท์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นางจันทรา บูรณฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก นางบุญทิพา สิมะสกุล อดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ นางอรจิต สิงคาลวณิช อดีตอธิบดีกรมทะเบียนการค้า นางภัทรา สกุลไทย อดีตอธิบดีกรมทะเบียนการค้า นายอดุลย์ วินัยแพทย์ อดีตอธิบดีกรมทะเบียนการค้า เป็นต้น
จนทำให้ “นายยรรยง พวงราช” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับไม่ได้ออกมาฟาดงวงฟาดงา กล่าวหาว่าคนเหล่านี้ ต้องการล้มโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล แต่พฤติกรรมการทำงานของคนกลุ่มนี้ในอดีต เคยมีประวัติถูกร้องเรียนว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการทุจริตรับจำนำข้าวและยังทิ้งปัญหาไว้ไม่เคยกลับมาดูแล อีกทั้งบางคนยังเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทส่งออกข้าวของเอกชน
ไม่กี่วันเช่นกัน อดีตข้าราชการและข้าราชการปัจจุบันของกระทรวงกาคลัง ได้ตั้งกลุ่ม ในนามว่า "กลุ่ม กค.ยืนข้างประชาชน" โดยการตั้งกลุ่มขึ้นมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ หวังเพื่อ ทวงคืนวินัยการคลัง ต้านคอร์รัปชัน ไม่โกงภาษี ไม่สร้างหนี้ด้วย นโยบายประชานิยม
ประกอบด้วย นายเชาวลิต เศรษฐเมธีกุล อดีตอธิบดีกรมศุลกากร นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์และอดีต ผอ.สคร. นางมุกดา จันทรสมบูรณ์ อดีตรองปลัด กค. นางทมยันตี โปษยานนท์ อดีต รองปลัด กค. นางสาวพนอศรี ถาวรเศรษฐ อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง สศค นางสาวชนาทิพย์ โปษยานนท์ อดีตรองผอ.สศค. นางอุบลวรรณ อุษาวัฒนกุล อดีตรอง ผอ.สศค. และนายยืนยง ทัศนศรี อดีตรอง อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นต้น
โดยเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีอดีตข้าราชการกระทรวงคลัง ที่ใช้นามแฝง "ต.ม.ธ.ก.2905" ออกมาฟันธงว่า ร่างพ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาท นั้นสามารถทำเป็นงบประมาณขาดดุลได้ โดยติงว่า “รัฐบาลอย่าบิดเบือน เงินกู้นี้
เห็นว่า คนในกระทรวงฯจะเชิญ “นายสมหมาย ภาษี”อดีตรองปลัดคลัง และรมช.คลัง สมัยรัฐบาลทักษิณปี 2544 มาเป็นแกนนำ ขย่มกับ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน
อีกกระทรวงหนึ่งที่ออกมาใกล้เคยีงกัน คือ อดีตข้าราชการและข้าราชการปัจจุบัน กระทรวงเกษตรแสหกรณ์ ก็มาร่วมชุมนุมต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กรมชลประทาน ที่นำโดย นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีฯ หรือ กลุ่มข้าราชการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง( สกย.)
ขณะที่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการเผยแพร่บันทึกข้อความถึง นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการรมว.เกษตรฯ เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูป ตามแนวคิดของ กปปส. หนังสือบันทึกดังกล่าวลงชื่อ กลุ่มว่า “พี่น้องข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”
ข้อ เรียกร้องให้ลาออกจากรัฐมนตรีรักษาการ มีใจความว่า เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศ และระบบราชการที่สามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้ข้าราชการได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างภาคภูมิ เต็มความสามารถ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมา นายยุคล เป็นข้าราชการเก่าแก่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่เคารพนับถือของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทุกระดับชั้น แต่วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน เพื่อขับเคลื่อนงานตามนโยบาย จึงขอวิงวอนให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูป นำไปสู่การบริหารงานที่ตอบสนองเกษตรกรอย่างแท้จริง.
โดยกลุ่มนี้ เชื่อว่า กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นกระทรวงแรกที่ รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งรักษาการในเร็วๆ นี้
แต่กลับยังมีหน่วยงานราชการที่ยังขึ้นตรงกับ นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ “สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี” หรือ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี”ยังคงเดินหน้าทำงานให้กับรัฐบาล อย่างทุมเท ไม่ว่าจะถูกจะผิดยังไง
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วัน “ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช”นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล ได้เขียนบันทึกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ GotoKnow.org ถึง นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
โดยระบุหัวเรื่องว่า "สารถึงดร.กบ" พร้อมมีหมายเหตุประกอบว่า "ขออนุญาตส่งสารไปยังท่านว่าลาออกจากตำแหน่งหัวโขนเสียเถิด เปลี่ยนมาทำงานรับใช้ ชาติในฐานะนักพัฒนาสังคมที่ท่านใฝ่ฝันดีกว่า แล้วจะได้ช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย คนหนุ่มที่มีความ สามารถสูงอย่างท่าน ยังทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมได้อีกยาวนาน ภารกิจสำคัญๆ ยังรอท่านอีกมากมาย"
ทั้งนี้บันทึกดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ สารถึง ดร. กบ
ผมได้ข่าวมาว่า ตอนนี้การบริหารงานของภาครัฐทำโดยคนที่เป็น bureaucrat ไม่ถึงสิบคน และคนสำคัญคนหนึ่งคือท่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดร. อำพน กิตติอำพน
จึงขออนุญาตส่งสารไปยังท่าน ว่าลาออกจากตำแหน่งหัวโขนเสียเถิด เปลี่ยนมาทำงานรับใช้ ชาติในฐานะนักพัฒนาสังคมที่ท่านใฝ่ฝันดีกว่า แล้วจะได้ช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย คนหนุ่มที่มีความ สามารถสูงอย่างท่าน ยังทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมได้อีกยาวนาน ภารกิจสำคัญๆ ยังรอท่านอีกมากมาย
การเข้าไปรับใช้ระบอบที่ชั่วช้าโกงกินทำลายชาติ อย่างที่มีการเปิดโปงออกมาเรื่อยๆ รังแต่จะเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แปดเปื้อนมลทิน
ผมจึงขอส่งสารเป็นกำลังใจให้ท่านลาออกเสีย เพื่อระบอบทักษิณจะได้ล้มครืนลง เราจะได้ช่วยกันกอบกู้ชาติขึ้นมาจากอาจมชั่วร้ายของระบอบทักษิณ อย่าไปมัวเกลือกกลั้วอาจมอยู่เลย
ท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ โปรดช่วยกันส่งสารนี้ไปทาง เฟซบุ๊ก เพื่อจะได้เผยแพร่กว้างขวาง และไปถึงท่าน
ลงชื่อ “วิจารณ์ พานิช”
นี้แค่ตัวอย่างของข้าราชการไทย และอดีตข้าราชการไทยที่มองว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร เชื่อว่ยังมีข้าราชการอีกมากที่พร้อมจะร่วมทำอะไร ที่เป็นความถูกต้อง ไม่เช่นนั้น คงไม่มีจดหมายน้อย หรือข้อความผ่านมายังแกนนำเวทีต่าง ๆของ กปปส.ที่ไปร่วมชัตดาวน์ตามสถานที่ราชการต่าง ว่า ให้รีบๆมาปิด เขาจะได้ไม่ต้งพายเรือให้โจรนั่ง
เพราะคนเหล่านี้ กำลังอยาก จะมีความสุข ที่ถูกกล่าวหา และพร้อมออกมาร่วมกันเป็น “กบฏ”