วานนี้ (30ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต น.ส.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มมั่นใจ100 เปอร์เซ็นต์ว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มประมาณ10 คน เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึก พร้อมรายชื่อประชาชน 5,000 คน เรียกร้องให้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงาน เลือกตั้ง ลาออก โดยมี น.ส.สุรณี ผลทวี ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นตัวแทนรับมอบ
น.ส.ปิ่นแก้ว ได้อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า ตั้งแต่มีการประกาศยุบสภา กกต.โดยเฉพาะ นายสมชัย ได้แสดงท่าทีที่บ่ายเบี่ยง ไม่ทำตามหน้าที่ในการเอื้ออำนวยให้เกิดการเลือกตั้งอย่างสุจริต ทั้งไม่เพียงแต่มีข้อเสนอที่แสดงต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่ยังได้ทำการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เรื่อง อำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรในการเลื่อนวันเลือกตั้งอีกด้วย ซึ่งทางกลุ่มฯเห็นว่า การกระทำของนายสมชัย ที่ผ่านมา มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ในการขัดขวางและทำลายระบอบประชาธิปไตย ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่และละเว้นไม่ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างสุจริต ละเมิดสิทธิของประชาชน ที่ต้องการออกมาใช้สิทธิตามครรลองประชาธิปไตย หากยังคงดำรงตำแหน่งในการบริหารจัดการเลือกตั้ง ย่อมจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในสังคม และบั่นทอนประชาธิปไตยของประเทศให้เสียหาย อ่อนแอลง จึงขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง
“เมื่อใดก็ตามที่ กกต.แบะท่าว่า เลือกตั้งจะเป็นโมฆะ จะล้ม หรือจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เราจะมายื่นจดหมายคัดค้านแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นการถ่วงดุลให้เห็นว่า องค์กรอิสระควรรับผิดชอบกับประชาชน ไม่ควรทำตัวในลักษณะขวางระบอบประชาธิปไตยเสียเอง ส่วนวันที่ 2 ก.พ.นี้ ไปเลือกตั้งแน่นอน ได้แต่ภาวนาว่า เหตุการณ์จะไม่รุนแรงไปมากกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปยังกปปส.ว่า ควรถอยมาสักนิด แล้วเปิดทางให้คนที่อยากเลือกตั้ง ได้ไปเลือกตั้ง หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นค่อยมาว่ากัน เพราะเขาไม่มีสิทธิใดๆ ทั้งสิ้นที่จะไปขวางไม่ให้คนไปเลือกตั้ง อันนี้เป็นการก้าวข้ามเส้นที่คนไทยทั่วไปจะรับกันได้” ผศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว
น.ส.ปิ่นแก้ว กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. รัฐบาลควรคุ้มครองประชาชน เพราะจากภาพที่เห็นในโซเชียลมีเดีย มีประชาชนถือไม้ไปลงคะแนน ซึ่งไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ หรือ “น้องจีน” นักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมั่นใจ100% ฯ ซึ่งได้ไปยืนถือป้าย "เห็นหัวเราบ้าง" ระหว่างนายสมชัย แถลงผลหารือระหว่างกกต. กับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้เพราะเห็นว่า กกต.ไม่มีเจตนาที่จะจัดการเลือกตั้ง จึงไม่สมควรมาเป็นกกต. ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ตาม กกต.ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่มีสิ่ง รับประกันว่า ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจะไม่เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น
"จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ.แน่นอน ที่ จ.เชียงใหม่ หากมีการขัดขวางไม่ให้เข้าไปใช้สิทธิ หากต้องปีนข้ามรั้วก็ต้องข้าม ถ้าจำเป็นต้องถือไฟฉาย ก็ต้องถือ" น้องจีน กล่าว
** ภท.เร่งหาเสียงโค้งสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.15 น. วานนี้ ที่พรรคภูมิใจไทย ถ.พหลโยธิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ได้เป็นประธานปล่อยขบวนรถหาเสียงรณรงค์การเลือกตั้ง ในกทม. พร้อมกับเชิญชวนให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. โดยพรรคภูมิใจไทย ส่งผู้สมัครในกทม. รวม 11 เขต โดยรณรงค์ไปใน 4 เส้นทาง ประกอบด้วย เขตจตุจักร วังทองหลาง ดินแดง ห้วยขวาง และคลองเตย
นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะพรรคการเมือง ขอเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ อย่าได้เสียสิทธิ์ของท่าน เพราะจะมีผลทางกฎหมาย หรือการทำกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ดังนั้นหากไม่ชอบการเมือง หรือไม่ชอบพรรคการเมืองใดๆ ก็ขอให้มาทำหน้าที่ ใช้สิทธิ์งดออกเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ชุมนุมยืนยัน จะขัดขวางการเลือกตั้ง ห่วงจะเกิดความรุนแรง จนไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ที่จะไปใช้สิทธิ์หากไปแล้วเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ขอวิงวอนว่าอย่าฟันฝ่าเข้าไป อย่างน้อยก็ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะไปใช้สิทธิ์แล้ว อาจจะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ได้มาใช้สิทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้เพราะมีการขัดขวาง ซึ่งจะเป็นการรักษาสิทธิ์ตัวเอง ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าทุกฝ่ายหวังดีต่อบ้านเมือง แต่ขอวิงวอนว่าอย่า ให้เกิดความรุนแรงปะทะกัน อย่าใช้กำลังต่อกัน เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น หากไม่มีความสามัคคีจะเป็นประเทศไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีความแตกต่างทางความคิด แต่เชื่อว่าเป้าหมายทุกคนหวังให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า เราจึงต้องเคารพกฎหมาย
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละพรรคมีแนวคิดนโยบายที่ต่างกัน คงไม่สามารถกาวล่วงกันได้ จะเห็นว่ามีพรรคการเมืองกว่า 50 พรรค ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่บอกถึงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ ตนไม่อยากให้ดูถูกภูมิปัญญาของพี่น้องคนไทยที่มาเลือกตั้ง เพราะหากไม่มีเลือกตั้ง บ้านเมืองจะเดินต่อไปได้อย่างไร ต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ถ้าดึงการเลือกตั้งไปนานๆ รัฐบาลรักษาการ ก็ยิ่งอยู่นาน แล้วรัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจ ก็ไม่เกิดผลดีอะไร หากเลือกตั้งแล้วมีรัฐบาลแล้วทำไม่ดี ก็ออกมาไล่เขาอีก ก็เลือกตั้งไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคนที่ดี คนที่ถูกต้อง
"อย่าเหมารวมนักการเมือง หรือพรรคการเมืองทุกพรรค เป็นผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ขอยืนยันว่า ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคไม่ต้องการเข้ามาเพื่อหาประโยชน์ แต่ต้องการเข้ามาทำให้บ้านเมืองดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
จากนั้นเวลา 10.29 น. นายอนุทิน พร้อมผู้บริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคภูมิใจไทย ได้ขึ้นรถขบวนคาราวานหาเสียง โดยเป็นรถเปิดประทุน ตบแต่งในสอดคล้องกับ วันตรุษจีน โดยมีเบอร์พรรค หมายเลข 6 พร้อมมีป้ายแนะนำผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 11 เขต และคำอวยพรปีใหม่จีน “ซิน เจีย ยู่ อี่”
น.ส.ปิ่นแก้ว ได้อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า ตั้งแต่มีการประกาศยุบสภา กกต.โดยเฉพาะ นายสมชัย ได้แสดงท่าทีที่บ่ายเบี่ยง ไม่ทำตามหน้าที่ในการเอื้ออำนวยให้เกิดการเลือกตั้งอย่างสุจริต ทั้งไม่เพียงแต่มีข้อเสนอที่แสดงต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่ยังได้ทำการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เรื่อง อำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรในการเลื่อนวันเลือกตั้งอีกด้วย ซึ่งทางกลุ่มฯเห็นว่า การกระทำของนายสมชัย ที่ผ่านมา มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ในการขัดขวางและทำลายระบอบประชาธิปไตย ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่และละเว้นไม่ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างสุจริต ละเมิดสิทธิของประชาชน ที่ต้องการออกมาใช้สิทธิตามครรลองประชาธิปไตย หากยังคงดำรงตำแหน่งในการบริหารจัดการเลือกตั้ง ย่อมจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในสังคม และบั่นทอนประชาธิปไตยของประเทศให้เสียหาย อ่อนแอลง จึงขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง
“เมื่อใดก็ตามที่ กกต.แบะท่าว่า เลือกตั้งจะเป็นโมฆะ จะล้ม หรือจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เราจะมายื่นจดหมายคัดค้านแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นการถ่วงดุลให้เห็นว่า องค์กรอิสระควรรับผิดชอบกับประชาชน ไม่ควรทำตัวในลักษณะขวางระบอบประชาธิปไตยเสียเอง ส่วนวันที่ 2 ก.พ.นี้ ไปเลือกตั้งแน่นอน ได้แต่ภาวนาว่า เหตุการณ์จะไม่รุนแรงไปมากกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปยังกปปส.ว่า ควรถอยมาสักนิด แล้วเปิดทางให้คนที่อยากเลือกตั้ง ได้ไปเลือกตั้ง หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นค่อยมาว่ากัน เพราะเขาไม่มีสิทธิใดๆ ทั้งสิ้นที่จะไปขวางไม่ให้คนไปเลือกตั้ง อันนี้เป็นการก้าวข้ามเส้นที่คนไทยทั่วไปจะรับกันได้” ผศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว
น.ส.ปิ่นแก้ว กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. รัฐบาลควรคุ้มครองประชาชน เพราะจากภาพที่เห็นในโซเชียลมีเดีย มีประชาชนถือไม้ไปลงคะแนน ซึ่งไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ หรือ “น้องจีน” นักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมั่นใจ100% ฯ ซึ่งได้ไปยืนถือป้าย "เห็นหัวเราบ้าง" ระหว่างนายสมชัย แถลงผลหารือระหว่างกกต. กับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้เพราะเห็นว่า กกต.ไม่มีเจตนาที่จะจัดการเลือกตั้ง จึงไม่สมควรมาเป็นกกต. ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ตาม กกต.ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่มีสิ่ง รับประกันว่า ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจะไม่เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น
"จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ.แน่นอน ที่ จ.เชียงใหม่ หากมีการขัดขวางไม่ให้เข้าไปใช้สิทธิ หากต้องปีนข้ามรั้วก็ต้องข้าม ถ้าจำเป็นต้องถือไฟฉาย ก็ต้องถือ" น้องจีน กล่าว
** ภท.เร่งหาเสียงโค้งสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.15 น. วานนี้ ที่พรรคภูมิใจไทย ถ.พหลโยธิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ได้เป็นประธานปล่อยขบวนรถหาเสียงรณรงค์การเลือกตั้ง ในกทม. พร้อมกับเชิญชวนให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. โดยพรรคภูมิใจไทย ส่งผู้สมัครในกทม. รวม 11 เขต โดยรณรงค์ไปใน 4 เส้นทาง ประกอบด้วย เขตจตุจักร วังทองหลาง ดินแดง ห้วยขวาง และคลองเตย
นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะพรรคการเมือง ขอเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ อย่าได้เสียสิทธิ์ของท่าน เพราะจะมีผลทางกฎหมาย หรือการทำกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ดังนั้นหากไม่ชอบการเมือง หรือไม่ชอบพรรคการเมืองใดๆ ก็ขอให้มาทำหน้าที่ ใช้สิทธิ์งดออกเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ชุมนุมยืนยัน จะขัดขวางการเลือกตั้ง ห่วงจะเกิดความรุนแรง จนไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ที่จะไปใช้สิทธิ์หากไปแล้วเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ขอวิงวอนว่าอย่าฟันฝ่าเข้าไป อย่างน้อยก็ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะไปใช้สิทธิ์แล้ว อาจจะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ได้มาใช้สิทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้เพราะมีการขัดขวาง ซึ่งจะเป็นการรักษาสิทธิ์ตัวเอง ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าทุกฝ่ายหวังดีต่อบ้านเมือง แต่ขอวิงวอนว่าอย่า ให้เกิดความรุนแรงปะทะกัน อย่าใช้กำลังต่อกัน เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น หากไม่มีความสามัคคีจะเป็นประเทศไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีความแตกต่างทางความคิด แต่เชื่อว่าเป้าหมายทุกคนหวังให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า เราจึงต้องเคารพกฎหมาย
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละพรรคมีแนวคิดนโยบายที่ต่างกัน คงไม่สามารถกาวล่วงกันได้ จะเห็นว่ามีพรรคการเมืองกว่า 50 พรรค ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่บอกถึงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ ตนไม่อยากให้ดูถูกภูมิปัญญาของพี่น้องคนไทยที่มาเลือกตั้ง เพราะหากไม่มีเลือกตั้ง บ้านเมืองจะเดินต่อไปได้อย่างไร ต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ถ้าดึงการเลือกตั้งไปนานๆ รัฐบาลรักษาการ ก็ยิ่งอยู่นาน แล้วรัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจ ก็ไม่เกิดผลดีอะไร หากเลือกตั้งแล้วมีรัฐบาลแล้วทำไม่ดี ก็ออกมาไล่เขาอีก ก็เลือกตั้งไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคนที่ดี คนที่ถูกต้อง
"อย่าเหมารวมนักการเมือง หรือพรรคการเมืองทุกพรรค เป็นผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ขอยืนยันว่า ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคไม่ต้องการเข้ามาเพื่อหาประโยชน์ แต่ต้องการเข้ามาทำให้บ้านเมืองดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
จากนั้นเวลา 10.29 น. นายอนุทิน พร้อมผู้บริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคภูมิใจไทย ได้ขึ้นรถขบวนคาราวานหาเสียง โดยเป็นรถเปิดประทุน ตบแต่งในสอดคล้องกับ วันตรุษจีน โดยมีเบอร์พรรค หมายเลข 6 พร้อมมีป้ายแนะนำผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 11 เขต และคำอวยพรปีใหม่จีน “ซิน เจีย ยู่ อี่”