วานนี้ (30ม.ค.) สังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ระบุว่า เป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ให้ไว้ในหนังสือที่ระลึก วันศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 50 โดยนายวิชา ยอมรับว่า ไดัรับการทาบทามจาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ให้เข้ามารับตำแหน่งป.ป.ช. ภายหลังจากการรัฐประหารเพียงวันเดียว เมื่อพิจารณาเห็นว่าบุคคลที่จะมาร่วมเป็นป.ป.ช. มีความคุ้นเคยกันดี จึงได้ตอบรับ และเป็นป.ป.ช. มาจนถึงปัจจุบัน
โดยเนื้อหาได้ปรากฏในหน้า 33 ของหนังสือดังกล่าว มีใจความว่า
“...ในวันรุ่งขึ้นจากวันปฏิวัติ มีท่านผู้พิพากษาที่ไปช่วยงานในคณะ จะเรียกว่าช่วยงานรึเปล่า เรียกว่าเป็นคณะผู้พิพากษา ที่ว่าจะต้องเข้าไปชี้แจงข้อมูล ท่านโทรศัพท์มาหาผมว่า เขาจะทาบทามให้เป็นกรรมการป.ป.ช. จะเอามั้ย ผมก็ถามว่า มีใครบ้าง เขาก็บอกว่า มีการทาบทามท่านวสันต์ ท่านอุดม ผมก็บอกว่า ดีสิ ถ้าเผื่อเป็นกลุ่มที่รู้ใจกันอยู่แล้ว
...ท่านผู้ใหญ่ที่อยู่ในกระบวนการนี้ ตอนนี้น่าจะเปิดเผยได้คือท่านมีชัย ฤชุพันธ์ ท่านโทรมาหาผมโดยตรง..."
ภายหลังจากปรากฏข้อมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวในรัฐบาล ซึ่งได้ระบุว่า ในความเป็นจริงได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อปี 50 ภายหลังการรัฐประหารปี 49 ไม่นาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นการทำงานขององค์กรอิสระ ที่ตั้งขึ้นในช่วงนั้น ที่ทำหน้าที่เป็นมรดกของคณะรัฐประหารอย่างชัดเจน อีกทั้งพยายามเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ตลอดเวลา จนมาถึงวันนี้ป.ป.ช. ก็ทำตัวเป็นเครื่องมือให้กับขบวนการต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลเพื่อไทย ในทุกๆประเด็น ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รับลูกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญยังมีเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ที่สังคมจับตามอง ก็ปรากฏว่า ให้นายวิชา เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งที่พฤติกรรมที่ผ่านมา มีอคติกับรัฐบาลมาโดยตลอด
ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลเรื่องนายมีชัย ทาบทามนายวิชา มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวเผยแพร่ออกมาต่อสาธารณะ แกนนำพรรคเพื่อไทย หลายคน จึงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ของนายวิชา ที่จะเข้าไปเป็นตัวหลักในการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลกำลังถูกตรวจสอบจาก ป.ป.ช. โดยอ้างว่า อาจส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเนื้อหาได้ปรากฏในหน้า 33 ของหนังสือดังกล่าว มีใจความว่า
“...ในวันรุ่งขึ้นจากวันปฏิวัติ มีท่านผู้พิพากษาที่ไปช่วยงานในคณะ จะเรียกว่าช่วยงานรึเปล่า เรียกว่าเป็นคณะผู้พิพากษา ที่ว่าจะต้องเข้าไปชี้แจงข้อมูล ท่านโทรศัพท์มาหาผมว่า เขาจะทาบทามให้เป็นกรรมการป.ป.ช. จะเอามั้ย ผมก็ถามว่า มีใครบ้าง เขาก็บอกว่า มีการทาบทามท่านวสันต์ ท่านอุดม ผมก็บอกว่า ดีสิ ถ้าเผื่อเป็นกลุ่มที่รู้ใจกันอยู่แล้ว
...ท่านผู้ใหญ่ที่อยู่ในกระบวนการนี้ ตอนนี้น่าจะเปิดเผยได้คือท่านมีชัย ฤชุพันธ์ ท่านโทรมาหาผมโดยตรง..."
ภายหลังจากปรากฏข้อมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวในรัฐบาล ซึ่งได้ระบุว่า ในความเป็นจริงได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อปี 50 ภายหลังการรัฐประหารปี 49 ไม่นาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นการทำงานขององค์กรอิสระ ที่ตั้งขึ้นในช่วงนั้น ที่ทำหน้าที่เป็นมรดกของคณะรัฐประหารอย่างชัดเจน อีกทั้งพยายามเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ตลอดเวลา จนมาถึงวันนี้ป.ป.ช. ก็ทำตัวเป็นเครื่องมือให้กับขบวนการต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลเพื่อไทย ในทุกๆประเด็น ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รับลูกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญยังมีเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ที่สังคมจับตามอง ก็ปรากฏว่า ให้นายวิชา เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งที่พฤติกรรมที่ผ่านมา มีอคติกับรัฐบาลมาโดยตลอด
ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลเรื่องนายมีชัย ทาบทามนายวิชา มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวเผยแพร่ออกมาต่อสาธารณะ แกนนำพรรคเพื่อไทย หลายคน จึงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ของนายวิชา ที่จะเข้าไปเป็นตัวหลักในการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลกำลังถูกตรวจสอบจาก ป.ป.ช. โดยอ้างว่า อาจส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลไม่ได้รับความเป็นธรรม