xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนมองศก.โต2-2.5%-SMEsเจ๊ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนมองสถานการณ์การเมืองทำใจไทยจะไร้รัฐบาลบริหารประเทศหรือสูญญากาศทางการเมืองถึงกลางปี หลังการเลือกตั้งยังไม่รู้ทิศทาง เผยทำให้งบประมาณ มาตรการต่างๆที่จะกระตุ้นศก.หยุดชะงักคาดปีนี้จีดีพีโต 2-2.5% เหตุศก.โลกเพิ่งฟื้นตัว เผยผลสำรวจเอสเอ็มอีต่างจังหวัดส่วนใหญ่ฟันธงปีนี้รายได้วูบหนักส่อปิดกิจการเพิ่ม ขณะที่แรงงานแสนคนจบใหม่ปีนี้อาจเคว้งจี้ทุกฝ่ายยุติขัดแย้งการเมืองโดยเร็ว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ถึงแนวทางการเลือกตั้งประเมินเบื้องต้นจึงคาดว่าไทยจะไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเพื่อดำเนินงานต่างๆหรือจะเป็นสุญญากาศประมาณครึ่งปี ซึ่งจะส่งผลให้งบประมาณ มาตรการและโนบายในการดำเนินงานจากภาครัฐบาลไม่มีออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกเองก็ยังไม่ฟื้นตัวดีนักจึงทำให้ประเมินว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจปี 2557 น่าจะโตได้ระดับเพียง 2-2.5%เท่านั้น
"เรามีความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ขณะนี้มีปัจจัยการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยโดยเฉพาะการสุญญากาศของรัฐบาลที่ไม่รู้จะมีทิศทางอย่างไรหากก.พ.นี้เลือกตั้งไม่ได้ก็ต้องรออีก เอกชนคาดว่าอย่างน้อยครึ่งปีเราถึงจะมีรัฐบาลใหม่มาก็คงจะต้องไปลุ้นกันในครึ่งปีหลัง ประกอบกับ เศรษฐกิจโลกเองก็เพิ่งฟื้นเราก็มองว่าส่งออกไตรมาสแรกคงไม่ดีไปกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะเร่งหาทางออก เพราะขณะนี้ ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 64% จึงมีความน่ากังวลต่อการจ้างงานใหม่ที่เด็กจบใหม่ราวแสนคนจะเข้ามาในระบบอีก ปีนี้มีโอกาสจะตกงานเพิ่มเพราะปกติภาคเกษตรจะเป็นตัวดูดซับแต่เวลานี้ทุกภาคส่วนก็แย่หมด"นายธนิตกล่าว
สำหรับภาคการลงทุนนั้นการขยายการลงทุนใหม่ที่เน้นใช้แรงงานสูงส่วนใหญ่มองการขยายไปประเทศเพื่อนบ้านแทน แต่ผลกระทบ การเมืองที่ยังไม่มีรัฐบาลทำให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บอร์ดบีโอไอ)ก็ไม่สามารถอนุมัติการลงทุนใหม่ได้ก็จะต้องรอการลงทุนใหม่ก็จะเลื่อนระยะเวลาออกไปแต่ก็จะไม่กระทบภาพรวมมากนัก
นายวิศิษฐ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำแบบสอบถามสมาชิกต่างจังหวัดที่ส่วนใหญ่เป็น ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ซึ่งมีการตอบมาจำนวนกว่า 350 รายพบว่า 70% ประเมินว่าผลประกอบการปี 2557 จะแย่กว่าปีที่แล้ว ขณะที่ 20% กระทบเล็กน้อยและอีก 10% ผลประกอบการจะใกล้เคียงกับปี 2556 ซึ่งไม่พบว่ารายใดจะตอบแบบสอบถามว่าจะมีผลประกอบการดี ขึ้นเลย โดยจากแบบสอบถามพบวา ผู้ประกอบการ 40%มองว่ายอดขายปี 2557 จะลดลงอย่างมากและ 50% ยอดขายลดลงเล็กน้อยและ 10% มียอดขายเท่าเดิม
"ขณะนี้เอสเอ็มอีมีปัญหาการแข่งขันด้านราคาอย่างมาก และจากรายได้ที่ลดต่ำเพราะยอดขายลดลงเนื่องจากแรงซื้อในประเทศยังไม่คงไม่ดีนักทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดสภาพคล่อง ซึ่งจากการสอบถามผู้ประกอบการยังวิตกกังวลสภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และเฉพาะหน้ามีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ"นายวิศิษฐ์กล่าว
ทั้งนี้จากการสอบถามข้อเสนอแนะที่เอกชนต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือคือ 1. เร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองให้เร็วสุดเพราะหากยืดเยื้อหรือรุนแรงกลุ่มเอสเอ็มอีจะกระทบมากสุด 2.ต้องการให้ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้เข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างแท้จริง 3. การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากเกินไป 4. การยกระดับมาตรฐานการผลิตและลดต้นทุนรวมถึงการตรึง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันโดยไม่ควรนำมาเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองโดยให้กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นกลไก
ของคณะกรรมการไตรภาคีซึ่งภาครัฐไม่ควรเข้ามาแทรกแซง
5.แก้ไขกฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อเอสเอ็มอีเช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ประเภทต่างๆ ที่ทำให้เอสเอ็มอีขอคืนได้ยาก 6.ให้มีการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง 7. ขอให้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐยืดอายุหนี้ของเอสเอ็มอีโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวซึ่งอยู่ในพื้นที่ชุมนุมและได้รับผลกระทบจากการชุมนุมและ 8.ขอให้มีการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้มีความชัดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น