ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.ระบุเงินบาทอ่อนค่าเกิดจากปัจจัยนอก-ในประเทศ ผสมกับตลาดช่วงใกล้ปีใหม่ค่อนข้างบางเมื่อมีปัจจัยอะไรเข้ามาก็จะเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เผยค่าผันผวนเงินบาทปีนี้มากกว่าปีก่อน เพราะปัจจัยการเมืองเพิ่มเติมเข้ามา มั่นใจเงินบาทจะไม่อ่อนค่าต่อเนื่องตลอดไป ส่วนกรณีที่ Fed จะลดมาตราการ QE ลงบ้างในเดือนม.ค.57 มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่น่ากังวล
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะโฆษก ธปท.กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไปในทิศทางอ่อนค่าช่วงนี้เกิดจากปัจจัยภายในประเทศและนอกประเทศผสมกัน โดยเป็นผลจากการอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค ประกอบกับช่วงใกล้สิ้นปีตลาดค่อนข้างบาง ถือเป็นปัจจัยชั่วคราว เมื่อมีปัจจัยเข้ามาเล็กหน่อยก็จะเคลื่อนไหวไปได้มากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ธปท.ดูแลอยู่ไม่ให้การเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินปัจจัยพื้นฐานที่เป็นอยู่
“ในปีนี้เงินบาทมีค่าความผันผวนสูงกว่าปีก่อน และเมื่อมีปัจจัยการเมืองเพิ่มเติมเข้ามายิ่งส่งผลให้ค่าความผันผวนเรามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉะนั้น ช่วงที่ตลาดบาง ถ้ามีอะไรขึ้นมาเราจะเอาใจใส่เป็นพิเศษขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ใช่บ่งชี้ว่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตลอดไป”
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทอ่อนค่าปัจจัยภายนอกเป็นผลจากตัวเลขสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การทยอยลดธุรกรรมมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) สามารถดำเนินต่อไปได้ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสกุลเงินอื่นๆ ภูมิภาคกลับอ่อนค่า ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศอย่างปัจจัยการเมือง นักลงทุนมีความกังวลอยู่บ้าง ซึ่งเงินบาทอ่อนเร็วกว่าคนอื่นบางช่วงผสมมาจากปัจจัยภายใน แต่บางช่วงหุ้นเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมาบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าช่วง 1-2 วันนี้และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปีใหม่ตลาดค่อนข้างบางอยู่และธปท.จะปล่อยให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาดหรือตามพื้นฐาน หากช่วงไหนเงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินไป ธปท.จะเข้าไปดูแลบ้างโดยการดูแลเงินบาททั้ง 2 ทิศทางไม่ให้แข็งค่าหรืออ่อนค่ามากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ตลาดตกใจและเงินบาทยืดหยุ่นตามปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเวลานี้ต้องเข้าใจว่าไทยมีปัจจัยภายในเพิ่มเติมเข้ามา
ต่อข้อซักถามที่ว่า ธปท.ได้มีการประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะปรับลดมาตรการ QE ในช่วงเดือนม.ค.ปี 57อย่างไรนั้น โฆษก ธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการประเมินความเป็นไปได้ในสถานการณ์ต่างๆ แต่เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่น่ากังวล หากมีการปรับลดมาตรการ QE จริง เพราะตลาดเริ่มรับรู้ไปบ้างแล้ว ส่วนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรเป็นคำถามที่ตอบค่อนข้างยาก เพราะเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องประเมินปัจจัยภายในและนอกไปพร้อมๆ กัน
สำหรับกรณีการเจรจาเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนก.พ.57 นั้น ธปท.เห็นว่าความกังวลน้อยลง หลังจาก 2 พรรคการเมืองเริ่มตกลงงบประมาณได้ จึงเป็นเรื่องที่ดีว่าเรื่องนี้ลุล่วงไปได้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ติดตามเรื่องนี้อยู่อย่างใกล้ชิดต่อไป.
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะโฆษก ธปท.กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไปในทิศทางอ่อนค่าช่วงนี้เกิดจากปัจจัยภายในประเทศและนอกประเทศผสมกัน โดยเป็นผลจากการอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค ประกอบกับช่วงใกล้สิ้นปีตลาดค่อนข้างบาง ถือเป็นปัจจัยชั่วคราว เมื่อมีปัจจัยเข้ามาเล็กหน่อยก็จะเคลื่อนไหวไปได้มากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ธปท.ดูแลอยู่ไม่ให้การเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินปัจจัยพื้นฐานที่เป็นอยู่
“ในปีนี้เงินบาทมีค่าความผันผวนสูงกว่าปีก่อน และเมื่อมีปัจจัยการเมืองเพิ่มเติมเข้ามายิ่งส่งผลให้ค่าความผันผวนเรามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉะนั้น ช่วงที่ตลาดบาง ถ้ามีอะไรขึ้นมาเราจะเอาใจใส่เป็นพิเศษขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ใช่บ่งชี้ว่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตลอดไป”
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทอ่อนค่าปัจจัยภายนอกเป็นผลจากตัวเลขสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การทยอยลดธุรกรรมมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) สามารถดำเนินต่อไปได้ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสกุลเงินอื่นๆ ภูมิภาคกลับอ่อนค่า ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศอย่างปัจจัยการเมือง นักลงทุนมีความกังวลอยู่บ้าง ซึ่งเงินบาทอ่อนเร็วกว่าคนอื่นบางช่วงผสมมาจากปัจจัยภายใน แต่บางช่วงหุ้นเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมาบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าช่วง 1-2 วันนี้และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปีใหม่ตลาดค่อนข้างบางอยู่และธปท.จะปล่อยให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาดหรือตามพื้นฐาน หากช่วงไหนเงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินไป ธปท.จะเข้าไปดูแลบ้างโดยการดูแลเงินบาททั้ง 2 ทิศทางไม่ให้แข็งค่าหรืออ่อนค่ามากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ตลาดตกใจและเงินบาทยืดหยุ่นตามปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเวลานี้ต้องเข้าใจว่าไทยมีปัจจัยภายในเพิ่มเติมเข้ามา
ต่อข้อซักถามที่ว่า ธปท.ได้มีการประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะปรับลดมาตรการ QE ในช่วงเดือนม.ค.ปี 57อย่างไรนั้น โฆษก ธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการประเมินความเป็นไปได้ในสถานการณ์ต่างๆ แต่เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่น่ากังวล หากมีการปรับลดมาตรการ QE จริง เพราะตลาดเริ่มรับรู้ไปบ้างแล้ว ส่วนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรเป็นคำถามที่ตอบค่อนข้างยาก เพราะเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องประเมินปัจจัยภายในและนอกไปพร้อมๆ กัน
สำหรับกรณีการเจรจาเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนก.พ.57 นั้น ธปท.เห็นว่าความกังวลน้อยลง หลังจาก 2 พรรคการเมืองเริ่มตกลงงบประมาณได้ จึงเป็นเรื่องที่ดีว่าเรื่องนี้ลุล่วงไปได้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ติดตามเรื่องนี้อยู่อย่างใกล้ชิดต่อไป.
