xs
xsm
sm
md
lg

ชี้นปช.เผาเซ็นเตอร์วันเข้าข่ายก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีความแพ่ง ให้บริษัทประกันภัย ยังคงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ห้างเซ็นเตอร์วันฟ้อง กว่า 122,790,000 บาท ตามคำพิพากษาชั้นต้น จากเหตุการณ์นปช.บุกขโมยทรัพย์สินและวางเพลิงเผาทรัพย์ เมื่อ 14 ก.ค. 2554 แต่แก้อุทธรณ์จากพฤติการณ์ของนปช.แค่จลาจล ถือเป็นการก่อการร้าย

วานนี้ (23 ธ.ค.) ศาลอุทธรณ์ ได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษาคดีความแพ่ง ที่บริษัทพีเพิล พลาซ่า หรือห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัทแอกซ่า ประกันภัย จำกัด โดยสรุปคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้พิจารณาพยานและหลักฐาน พบว่า เนื่องจาก

- หลังเกิดเพลิงไหม้แล้วได้มีารถดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิงเข้าไปดับเพลิงแต่ได้ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุม

-พบลูกธนูที่พันด้วยผ้าตกอยู่บริเวณชั้นล่าง อาคารศูนย์การค้า

-พบร่องรอยกระสุนปืนเป็นรูอยู่หลายารูบริเวณเสาด้านหน้าอาคาร

ดังนั้นศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าการวางเพลิงเกิดจากกลุ่มมวัยรุ่นคึกคะนอง รถจักรยานยนต์รับจ้างและคนขับรถซาเล้งซื้อของเก่าที่มีเจตนาลักทรัพย์และพิจารณาโดยสรุปจากพยานหลักฐานเกี่ยวกับการวางเพลิงแล้ว พบว่า การวางเพลิงเกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บางส่วนที่ต้องการใช้ความรุนแรง และ / หรือ ข่มขู่ เพื่อผลทางการเมือง เพื่อต้องการส่งผลให้รัฐบาลและประชาชนหวาดกลัว การกระทำของกลุ่ม นปช. ที่วางเพลิงนั้น เข้านิยาม "การกระทำการก่อการร้าย"

โดยก่อนหน้านี้ นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้เคยกล่าวถึงกรณีที่ศาลแพ่ง ได้เคยมีคำพิพากษาให้บริษัท เทเวศประกันภัย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกว่า 3 พันล้านบาท ให้กลับกลุ่มเซ็นทรัลฯจากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างการกระชับพื้นที่เมื่อ 19 พ.ค. 53 ของศอฉ. เช่นกันว่า โดยระบุว่าไม่ใช่ก่อการร้ายแต่เป็นเพียงการจลาจลจึงอยู่ในเงื่อนไขกรมธรรม์ที่คุ้มครอง เนื่องจากคดีแพ่งที่ศาลแพ่งตัดสินไปนั้น เป็นกรณีที่เซ็นทรัลฯ ยื่นฟ้องบริษัทเทเวศประกันภัยแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ยื่นฟ้องบุคคลที่ถูกฟ้องในคดีอาญา

โดยที่ศาลอาญามีอยู่ 2คดี คือคดีก่อการร้าย ซึ่งมีจำเลย 24 คน และมีแกนนำ นปช. อยู่ด้วย ส่วนอีกคดีเป็นจำเลยในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์สินผู้อื่น ดังนั้นตามหลักกฎหมายเมื่อจำเลยในคดีแพ่งและจำเลยในคดีอาญาเป็นคนละคนกัน จึงไม่ผลผูกพันจำเลยในคดีอาญา อีกทั้งคำพิพากษาของศาลแพ่งก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงจำเลยที่ถูกฟ้องในคดีอาญาเลย สรุปแล้วไม่มีผลต่อคำพิพากษาในคดีอาญาทั้ง 2 คดี
กำลังโหลดความคิดเห็น