xs
xsm
sm
md
lg

มวลมหาประชาชนเขาแสดงพลังกันขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลิกกินถั่งเช่า อาหารทะเลเน่าๆพวกหอยปูได้หรือยัง? / จิตตนาถ ลิ้มทองกุล

เผยแพร่:   โดย: จิตตนาถ ลิ้มทองกุล


การแสดงพลังปิดกรุงเทพของมวลมหาประชาชนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. 2556 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการประกาศจุดยืนอันแน่วแน่ว่าต้องมีการปฏิรูปทางการเมืองให้เกิดขึ้นสำเร็จเป็นรูปธรรมเท่านั้น ประเทศไทยจึงจะสามารถกลับเข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้งได้ ว่ากันว่าจำนวนคนที่เข้าร่วมรณรงค์ในครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ซึ่งได้สร้างสถิติโลกมาแล้วราวหกล้านคนเสียอีก

อะไรเป็นปัจจัยหลักและแรงขับเคลื่อนให้มวลชนที่ยิ่งระดมก็ยิ่งออกกันมามากขึ้นเรื่อยๆ?

ปัจจัยแรก คือ การประกาศจุดยืนไม่ส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นการหลอมรวมเป้าหมายของมวลชนให้ไปในทิศทางเดียวกันในการเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปการเมืองอันเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งนักที่เป็นคุณแก่ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กกปส.) ทั้งในการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงจุดยืนเห็นว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และ หากมีการเลือกตั้งอาจถึงขั้นไม่สามารถที่จะเปิดสภาได้ หรือหากจะเปิดสภาได้ก็ต้องสู้กันด้วยแทคติกกันอีกยกใหญ่ อันเป็นการช่วยซื้อเวลาให้มวลมหาประชาชนเดินหน้าได้อีกหลายก้าวใหญ่ๆ

อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การสำแดงพลังของมวลมหาประชาชนเพื่อตบหน้าและก้าวข้ามทหาร โดยเฉพาะบรรดาผู้นำเหล่าทัพที่พยายามเลี่ยงบาลีในการประกาศจุดยืนว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด แม้ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของกองทัพไทยจะทนแรงกดดันจากสังคมไม่ไหว ต้องออกมาพูดอย่างชัดเจนว่าทหารไม่อยู่ข้างใคร อยากให้คนไทยทำตามกติกา หลังจากที่ให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกมาเป็นหนังหน้าไฟจนโดนกระแนะกระแหนอยู่พักใหญ่

ทั้งนี้คำพูดในการออกมาแถลงข่าวดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา ก็ได้เผยธาตุแท้และจุดยืนของบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพอย่างชัดเจนว่า สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลประกาศยุบสภาโดยไม่ได้เห็นความสำคัญที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองแม้แต่น้อย พูดง่ายๆ ก็คือ “อยู่ฝั่งรัฐบาล” นั่นเอง

หากจะมองกันให้ดี อันที่จริงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นต้องถือว่าหมดอำนาจและความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองอีกต่อไปถือว่าเป็นรัฐที่ล้มเหลวไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะมีตำรวจคอยเป็นกันชน แต่เมื่อเทียบกับปริมาณมวลมหาประชาชน ที่ออกมาแสดงพลังในการขับไล่ระบอบทักษิณเพิ่มขึ้นทุกวันๆ เมื่อเอาเข้าจริงตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งทั้งรัฐบาลและตำรวจก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงทำอะไรที่เป็นการยั่วยุเมื่อเห็นจำนวนของประชาชนที่มากมายมหาศาลขนาดนี้

ในส่วนของมวลชนคนเสื้อแดง ที่ยังออกฤทธิ์เดชได้บ้างก็มีเพียงที่จังหวัดอุดรธานีและเชียงใหม่อันเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกันขนาดของมวลมหาประชาชนที่ออกกันมาเมื่อมีการรวมพลใหญ่แล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบกันได้ แม้จะมีความพยายามระดมคนเสื้อแดงมาชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน หรือ ครั้งที่สองที่จังหวัดอยุธยาก็ต้องบอกว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า ตอนนี้ชาวบ้านไม่ยอมโดนหลอกมาอีกต่อไป เพราะไม่คุ้มกับชีวิตและสวัสดิภาพ พลังของคนเสื้อแดงจึงมีแต่เปลือกเท่านั้น

ดังนั้นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดในการรักษาอำนาจให้รัฐบาล เปรียบดังปราการด่านสุดท้ายแท้จริงแล้ว แต่กลับไม่เคยมีการกล่าวถึงในมิตินี้กลับเป็น"กองทัพ"ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั่นเอง

โดยทั้งเนื้อความในคลิปเสียงถั่งเช่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดออกมาว่า ไว้ใจ "ไอ้ตู่"(ที่เป็นทหาร) มาก จนมีหลายคนเอาไปแซวว่ากลายเป็นน้องเขยคนแดนไกลไปเสียแล้ว รวมทั้งตอนนี้สามารถซื้อใจ ผบ.ส.ส.ได้แล้วนั้น หรือท่าทีอันเกรี้ยวกราดแข็งกร้าวต่อภาคประชาชน รีบเอารั้วลวดหนามมาล้อมกลัวประชาชนจะมาถามจุดยืน แต่กลับใช้ สโมสร ทบ.เป็นที่ประชุม ครม.และแถลงข่าวของรัฐบาลในยามเพลี่ยงพล้ำ

ท่าทีต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ล้วนเป็นการเปลือยตัวตนของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาอย่างล่อนจ้อน ว่าแท้จริงแล้วเขาคือองครักษ์พิทักษ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเอง

แม้ในที่สุดแล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดชี้ขาดของการนำมวลชนไปสู่จุดหมายการปฏิรูปได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องอาศัยการแสดงจุดยืนของทหารว่าพร้อมอยู่ข้างประชาชน หรืออย่างน้อยก็ให้ทหารแสดงว่าเห็นด้วยกับการปฏิรูปการเมืองเพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคนโดยแท้จริง และนายสุเทพ เทือกสุบรรณก็รู้ดีว่าทหารกำลังเล่นบทตีกินลอยตัว แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นกับทหาร โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชาอย่างถึงที่สุด คอยแก้ตัวให้ตลอดหากโดนคนบนเวที กปปส. ปราศรัยพาดพิงถึง

ยอมที่จะไม่รีบปิดจ็อบเอามวลชนเรือนล้านไปถามหาความชัดเจนจากทหาร หากแต่เลือกที่จะเดินอ้อมสู่การต่อสู้แบบป่าล้อมเมือง โดยให้มวลชนออกมาแสดงพลังเพิ่มขึ้นดังที่เป็น กดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้ง หรือพยายามใช้มวลชนมาหยุดยั้งกลไกที่จะทำให้การเลือกตั้งเดินหน้าต่อไปให้ได้เช่นการปิดล้อม กกต. ปิดกรุงเทพ และเตรียมปิดประเทศซึ่งก็ต้องถือว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ทำเงื่อนไขทุกอย่างแทบจะครบหมดแล้ว

วันนี้พลังของมวลมหาประชาชนชัดเจนแล้วว่ามีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลด และแกนนำกกปส.โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ย่อมรู้ดีกว่าใครว่าพลังของมวลมหาประชาชนในลักษณะนี้ ย่อมเรียกลมเรียกฝนพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้แล้วถ้ามีธงที่ชัดเจน และคงจะเป็นการเสียของหากให้พลังบริสุทธิ์อันมหาศาลของมวลมหาประชาชนในระดับนี้ตกเป็นเบี้ยล่างในการตั้งเงื่อนไขของทหารแต่เพียงอย่างเดียว

จากนี้ไปก็จะเป็นก้าวเดินของมวลมหาประชาชนที่หวนกลับไปสู่การอ่อนข้อให้เหล่าผู้บัญชาการถั่งเช่าไม่ได้อีกแล้ว เพราะการชุมนุมกำลังยกระดับไปอีกขั้นโดยที่ไม่สามารถหยุดยั้งใดๆ ได้ นั่นคือ "การปฏิวัติโดยประชาชนอย่างสมบูรณ์" อันเป็นคำปราศรัยที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณพูดออกมาเองว่าคงไม่มีทางเลือก ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นถ้าข้าราชการ (ซึ่งอาจมีความหมายลึกซึ้งไปถึงทหาร) ยังเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชน

นอกจากนี้คำพูดของนายสาทิตย์ วงหนองเตย อีกหนึ่งแกนนำกกปสก็กล่าวออกมาในโทนเดียวกัน ตอนนำมวลชนเมื่อวานเช่นกันว่า "มวลมหาประชาชนออกมากันขนาดนี้แล้วดูซิว่าตำรวจ-ทหารจะมาอยู่ข้างประชาชนได้รึยัง?"

เมื่อจับจากทั้งคำพูดล่าสุดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณรวมทั้งบรรดาแกนนำดังที่กล่าวมา รวมเข้ากับทิศทางการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนในการยกระดับไปสู่การไล่ระบอบทักษิณอย่างเด็ดขาด พร้อมไปกับการปฏิรูปการเมือง ในที่สุดอีกไม่นานก็ย่อมจำเป็นที่จะต้องเดินไปสู่โมเดล "การปฏิวัติโดยประชาชนขั้นสมบูรณ์" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่งนั่นหมายถึงดีลที่เคยคุยกันไว้ขนาดยอมจะให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งแก๊งค์บูรพาพยัคฆ์มาเป็นนายกรักษาการย่อมไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะเมื่อมวลมหาประชาชนโดนทหารทอดทิ้งดูถูกเหยียดหยามมาก่อนขนาดนี้ เมื่อพวกเขาสำแดงพลังจนถึงวันที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกดดันถามความชัดเจนทหารกลับมาเพื่อนำไปสู่อำนาจในการตั้งรัฐบาลรักษาการและสภาปฏิรูป ทหารย่อมต้องไม่อาจฝืนกระแสความต้องการของประชาชนเรือนล้านและไม่สามารถเอาแต่ใจตัวเองได้อีกต่อไป

ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะเลี่ยงอย่างไร วันนั้นก็ต้องมาถึงสักวัน และก็คงจะในเวลาอันใกล้ๆ นี้เสียด้วย เพราะอย่างไรก็ดีนี่คือจุดที่การเดินทางของประชาชนถ้าจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดก็ต้องก้าวข้ามผ่านไปจุดตัดเชือกตรงนี้ไปให้ได้ ซึ่งภาพคงจะออกมาไม่สง่างามเท่าไร หากผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต้องแสดงความชัดเจนต่อหน้าสาธารณะในวันที่มวลมหาประชาชนมีมุมมองต่อพวกท่านไม่เหมือนเดิม ไม่มีความลังเล ความคาดหวังแบบโลกสวยอีกต่อไป เพราะทุกคนได้รับบทเรียน

"และวันนั้นทุกคนก็คงจะตกผลึกได้แล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปทหารไปพร้อมๆกับปฏิรูปการเมือง และปฏิรูปตำรวจ อันเป็นวาระเร่งด่วนของชาติ"

ไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้น แค่วันนี้มวลมหาประชาชนออกมาสำแดงพลังเพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกสีทุกหมู่เหล่า พร้อมกับกวาดล้างระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์ จากวังวนการเมืองน้ำเน่า เริ่มจากชุมนุมใหญ่สองล้านคนในวันที่ 24-25 พ.ย. เป็นร่วมหกล้านในวันที่ 9 ธ.ค. และทุบสถิติของเดิม สร้างสถิติโลกใหม่เป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่นับคนที่เชียร์อยู่หน้าจอถ้ารวมก็เป็นหลายสิบล้าน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อถึงวันที่ต้องชัดเจน

เพียงแค่ตัวเลขจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ยิ่งนานยิ่งขยายเป็นเท่าทวีเหล่านี้มันมีความหมายหรืออธิบายอะไรในยุทธศาสตร์ทางทหารเรื่องการเข้าถึงมวลชนที่เคยร่ำเคยเรียนกันมาในระดับเสนาธิการกันบ้างไหม?

คำถามถึงผู้นำทหารคือ มวลมหาประชาชนเขาแสดงพลังกันขนาดนี้ ท่านจะเลิกกินถั่งเช่า และอาหารทะเลเน่าๆ จำพวกหอยปูได้หรือยัง?
กำลังโหลดความคิดเห็น