**เชิดฉิ่งตีกลอง มุ่งหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งกันอย่างเอิกเกริก พรรคเพื่อไทยของเครือข่ายตระกูลชินวัตร นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่ฟังเสียงสังคม
ไม่ฟังเสียงกลุ่มมวลมหาชนที่ออกมาต่อต้านคัดค้านการเลือกตั้งในยามนี้ ทั้งที่รู้กันทั่วประเทศว่าเหตุการณ์บ้านเมืองภายหลังเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร หากปล่อยให้มีการเลือกตั้งภายใต้ระบบเดิมๆ ผลมันก็ออกมาแบบเดิมๆ
ระบบฉ้อฉลปล้นชาติ ยังไม่ได้การปรับปรุงซ่อมแซมก็ยังจะดันทุรังทู่ซี้ ลากกระเตงกันไป จิตสำนึกที่ทำเพื่อประเทศชาติประชาชนอย่างปากว่า มันอยู่ที่ไหนกันแน่ !!
ชั่วโมงนี้มีความพยายามโหมประโคมข่าวให้คึกคัก ประเด็นการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าจะต้องเลือกตั้งกันแน่ๆ เป็นยุทธศาสตร์อันหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ในการเล่นเกมจิตวิทยากับมวลมหาประชาชน
บรรยากาศเก่าๆ เดิมๆ กลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงการเลือกตั้งใหญ่ทั่วไป นักการเมืองค่ายพรรคเพื่อไทย ส.ส.พลราบ ทหารเลว ที่เป็นเหมือนหุ่นกระบอก เป็นพนักงานบริษัท ไร้สิทธิไร้เสียง ก็ต้องทำตามหน้าที่ ทำตัวให้คุ้มเงินเดือน ถึงฤดูกาลเลือกตั้งก็เตรียมตัวให้พร้อมเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะไปเอาคะแนนประชาชนในพื้นที่อย่างไร เอาคะแนนให้พรรค ให้ตัวเองอย่างไร
**คิดแค่นั้นก็พอ เรื่องอื่นอย่าทำเกินหน้าที่
เรื่องยุทธศาสตร์การวางทิศทางของพรรค มันก็สุมหัวคิดกันอยู่ไม่กี่คน โดยเฉพาะการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงระบบเขต ลงระบบบัญชีรายชื่อ รู้กันวงในเครือตระกูลชินวัตร และแกนนำสำคัญอีกไม่กี่คน พวกส.ส. หรือแกนนำระดับหางแถวหมดสิทธิ์รู้ จะรู้ก็เอาวันไปสมัคร นั่นแหละ
**ตอกย้ำระยะห่าง พนักงานบริษัท และเจ้าของพรรคตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย ก็คือ บริษัท ชินวัตร จำกัด
มีการวิเคราะห์กันในวงการการเมืองมานานแล้วว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาไปในช่วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยคงไม่ได้ ส.ส.กลับมาเยอะเท่าเก่าแต่อาจจะยังชนะเลือกตั้งอยู่ ทุกฝ่ายรับรู้ได้ถึงกระแสที่ตกต่ำลง รัฐบาลกำลังเดินไปในทิศทางขาลง
นั่นก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น บริหารแบบปล้นชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อส่วนรวม ส่วนใหญ่ที่ออกมาก็เข้าพกเข้าห่อนายใหญ่ กับเครืองญาติฉาวคาวทุจริตเต็มไปหมด
ฉะนั้นมันก็ต้องไปแก้กันด้วยสูตรเดิมๆ ก็คือเสียงของการเลือกตั้ง เสียงของส.ส. ที่จะต้องกวาดมาให้ได้เยอะๆ เพื่อเอามาคัดง้าง ลบล้างข้อกล่าวหาเหล่านั้น อ้างเสียงประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ตัดสินแล้ว ใครผิด ถูก...
**ตรรกะอุบาทว์ๆ แบบนี้ ยังวนเวียนเป็นชีพจรการเมืองอยู่เรื่อยไป ไร้การเปลี่ยนแปลง
การทุ่มสรรพกำลังไปที่การเลือกตั้ง จึงถูกฉายออกมาแบบชัดๆ ต่อเนื่อง กระบวนการดูดการทุบตีเพื่อเอาคนที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.มาล่มหัวจมท้ายกับการเลือกตั้งครั้งหน้า เหมือนสมัยไทยรักไทย พลังประชาชน ก็กลับมาอีกครา คนที่ผ่านการเลือกตั้งระบบนี้มาหลายครั้งหลายหน ก็สบถอุทานส่ายหน้า เอือมระอาระบบชั่วๆ
**วันก่อนก็เปิดตัวสร้างภาพกันคึกคัก กลุ่มมัชฌิมา ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ามุ้งนำคณะเปิดตัวสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย อย่างเป็นทางการ หลังจากสมัครสมาชิกไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ เท่าไหร่
**เพราะรู้กันมานานแล้ว กลุ่มการเมืองนี้กระสันต์จะเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยเต็มแก่ แกนนำกลุ่มอยากเป็นรัฐมนตรีจนง่ามขาสั่น
คงสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฝ่ายหนึ่งพยายามกวาดต้อนเสียงส.ส. เพื่อเอามาสร้างความชอบธรรมในเวทีเลือกตั้งลบล้างกระแสตกต่ำ อีกฝ่ายก็คงจะได้เป็นรัฐมนตรีหากได้เป็นรัฐบาลเล่นแร่แปรธาตุกันในหมู่นักการเมือง ประชาชนได้แต่นั่งมองตาปริบๆ สมเพชเวทนา
กลุ่มการเมืองของมัชฌิมาไม่ทับซ้อนพื้นที่เลือกตั้งกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นภาคเหนือตอนล้าง ภาคกลาง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ผูกขาดพรรคเพื่อไทยเป็นพื้นที่แพ้ซ้ำซากด้วยซ้ำ ดังนั้นบรรยากาศจึงชื่นมื่นแช่มชื่น ฝนตกขี้หมูไหล
ตอนนี้ใครอยากเข้าพรรคเพื่อไทย ประตูเปิดรออ้าซ่า เพื่อยุทธศาสตร์กวาด ส.ส.เข้าสภามากๆ สร้างความชอบธรรมและก็สร้างภาพว่าเนื้อหอม ไม่ใช่พรรคเลวร้ายตามที่มวลมหาชนจ้องโจมตี
อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าพรรคมาก่อนหน้านี้ก็ กลุ่มของปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ส่ง "เสี่ยอี๊ด" สิทธิชัย โควสุรัตน์ และลิ่วล้ออีก 6-7 คน แต่กลุ่มนี้ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ลงสมัครมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากพื้นที่ทับซ้อนกับอดีต ส.ส.เดิมของพรรคเพื่อไทย ในแถบภาคอีสานตอนล่าง จึงดูเงียบๆ เชียบๆ ไป
ที่น่าสนใจและจับตาเป็นอย่างยิ่ง คือ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่แว่วว่ากำลังไหลมาเรื่อยๆ หลังจาก ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี นำร่องมาเปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แล้วจะทยอยตามมาอีกแน่ และแทบทั้งหมดเป็นอดีต ส.ส.ภาคกลาง พื้นที่ไข่แดงของ "หลงจู๊" บรรหาร ศิลปอาชา แว่วว่า อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ผู้แทนเมืองกรุงเก่า ดอดมาแล้ว
เรื่องนี้ต้องสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ "หลงจู๊" แน่ อี๋อ๋อจับมือแพ็กกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ไปไหนไปด้วยกัน แต่ไม่ทันไร มาแทงหลัง ตกปลาไหลในอ่างเสียแล้ว อยากได้เสียงข้างมาก เสียงเกินครึ่งจนหน้ามืดตามัว ทำได้แม้กระทั่งหักหลังกันเอง
เล่นการเมืองแบบขาดความจริงใจ ไม่สนเรื่องพันธมิตรคิดแต่ประโยชน์ตัวเอง ต้องบาดหมางกันแน่ เหมือนชายชู้แอบไปตีท้ายครัวบ้านเพื่อนสนิท !!
**อีกประเด็นหลังจากต้องแย่งพื้นที่ แย่งส.ส.กันแล้ว หลังการเลือกตั้งหากได้ตั้งรัฐบาล ต้องมาแย่งกันอีกยก การแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะยุ่งเหยิงเป็นเงาตามตัว หากรับสมาชิกใหม่ว่าที่ ส.ส.เข้าไปมากๆ แน่นอนก็ต้องมีการดีลทำข้อตกลงไว้ว่า จะมอบเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ให้ ถ้าได้จัดตั้งรัฐบาล
แล้วก็จะเกิดภาพซ้ำๆ เดิมๆ เหมือนการตั้งรัฐบาลทุกครั้งแก่งแย่ง เหมือนหมาฟัดกัน แย่งชามข้าว เป็นวงจรอุบาทว์ชาติชั่วที่ล้างยังไงก็ไม่ออก ที่น่าเศร้าใจก็คือ แย่งกันเข้ามาทำมาหารับประทาน ยัดเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง และวงศ์วานว่านเครือ หาใช่แก่งแย่งกันเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้ชาติ สร้างชื่อให้บรรลือลั่น
ประชาธิปไตยไทยๆ มันก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ หลับตาก็มองเห็นอนาคตข้างหน้าแบบไม่ต้องทาย
**ฉะนั้นควรแล้วหรือยังที่จะมาปฏิรูปการเมืองกันอย่างจริงจัง ปรับปรุงระบบเลือกตั้งปรับปรุงวงจรอุบาทว์ของการเมืองให้มันพลิกโฉมไปจากที่เป็นอยู่ !!!
ไม่ฟังเสียงกลุ่มมวลมหาชนที่ออกมาต่อต้านคัดค้านการเลือกตั้งในยามนี้ ทั้งที่รู้กันทั่วประเทศว่าเหตุการณ์บ้านเมืองภายหลังเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร หากปล่อยให้มีการเลือกตั้งภายใต้ระบบเดิมๆ ผลมันก็ออกมาแบบเดิมๆ
ระบบฉ้อฉลปล้นชาติ ยังไม่ได้การปรับปรุงซ่อมแซมก็ยังจะดันทุรังทู่ซี้ ลากกระเตงกันไป จิตสำนึกที่ทำเพื่อประเทศชาติประชาชนอย่างปากว่า มันอยู่ที่ไหนกันแน่ !!
ชั่วโมงนี้มีความพยายามโหมประโคมข่าวให้คึกคัก ประเด็นการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าจะต้องเลือกตั้งกันแน่ๆ เป็นยุทธศาสตร์อันหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ในการเล่นเกมจิตวิทยากับมวลมหาประชาชน
บรรยากาศเก่าๆ เดิมๆ กลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงการเลือกตั้งใหญ่ทั่วไป นักการเมืองค่ายพรรคเพื่อไทย ส.ส.พลราบ ทหารเลว ที่เป็นเหมือนหุ่นกระบอก เป็นพนักงานบริษัท ไร้สิทธิไร้เสียง ก็ต้องทำตามหน้าที่ ทำตัวให้คุ้มเงินเดือน ถึงฤดูกาลเลือกตั้งก็เตรียมตัวให้พร้อมเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะไปเอาคะแนนประชาชนในพื้นที่อย่างไร เอาคะแนนให้พรรค ให้ตัวเองอย่างไร
**คิดแค่นั้นก็พอ เรื่องอื่นอย่าทำเกินหน้าที่
เรื่องยุทธศาสตร์การวางทิศทางของพรรค มันก็สุมหัวคิดกันอยู่ไม่กี่คน โดยเฉพาะการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงระบบเขต ลงระบบบัญชีรายชื่อ รู้กันวงในเครือตระกูลชินวัตร และแกนนำสำคัญอีกไม่กี่คน พวกส.ส. หรือแกนนำระดับหางแถวหมดสิทธิ์รู้ จะรู้ก็เอาวันไปสมัคร นั่นแหละ
**ตอกย้ำระยะห่าง พนักงานบริษัท และเจ้าของพรรคตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย ก็คือ บริษัท ชินวัตร จำกัด
มีการวิเคราะห์กันในวงการการเมืองมานานแล้วว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาไปในช่วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยคงไม่ได้ ส.ส.กลับมาเยอะเท่าเก่าแต่อาจจะยังชนะเลือกตั้งอยู่ ทุกฝ่ายรับรู้ได้ถึงกระแสที่ตกต่ำลง รัฐบาลกำลังเดินไปในทิศทางขาลง
นั่นก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น บริหารแบบปล้นชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อส่วนรวม ส่วนใหญ่ที่ออกมาก็เข้าพกเข้าห่อนายใหญ่ กับเครืองญาติฉาวคาวทุจริตเต็มไปหมด
ฉะนั้นมันก็ต้องไปแก้กันด้วยสูตรเดิมๆ ก็คือเสียงของการเลือกตั้ง เสียงของส.ส. ที่จะต้องกวาดมาให้ได้เยอะๆ เพื่อเอามาคัดง้าง ลบล้างข้อกล่าวหาเหล่านั้น อ้างเสียงประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ตัดสินแล้ว ใครผิด ถูก...
**ตรรกะอุบาทว์ๆ แบบนี้ ยังวนเวียนเป็นชีพจรการเมืองอยู่เรื่อยไป ไร้การเปลี่ยนแปลง
การทุ่มสรรพกำลังไปที่การเลือกตั้ง จึงถูกฉายออกมาแบบชัดๆ ต่อเนื่อง กระบวนการดูดการทุบตีเพื่อเอาคนที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.มาล่มหัวจมท้ายกับการเลือกตั้งครั้งหน้า เหมือนสมัยไทยรักไทย พลังประชาชน ก็กลับมาอีกครา คนที่ผ่านการเลือกตั้งระบบนี้มาหลายครั้งหลายหน ก็สบถอุทานส่ายหน้า เอือมระอาระบบชั่วๆ
**วันก่อนก็เปิดตัวสร้างภาพกันคึกคัก กลุ่มมัชฌิมา ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ามุ้งนำคณะเปิดตัวสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย อย่างเป็นทางการ หลังจากสมัครสมาชิกไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ เท่าไหร่
**เพราะรู้กันมานานแล้ว กลุ่มการเมืองนี้กระสันต์จะเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยเต็มแก่ แกนนำกลุ่มอยากเป็นรัฐมนตรีจนง่ามขาสั่น
คงสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฝ่ายหนึ่งพยายามกวาดต้อนเสียงส.ส. เพื่อเอามาสร้างความชอบธรรมในเวทีเลือกตั้งลบล้างกระแสตกต่ำ อีกฝ่ายก็คงจะได้เป็นรัฐมนตรีหากได้เป็นรัฐบาลเล่นแร่แปรธาตุกันในหมู่นักการเมือง ประชาชนได้แต่นั่งมองตาปริบๆ สมเพชเวทนา
กลุ่มการเมืองของมัชฌิมาไม่ทับซ้อนพื้นที่เลือกตั้งกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นภาคเหนือตอนล้าง ภาคกลาง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ผูกขาดพรรคเพื่อไทยเป็นพื้นที่แพ้ซ้ำซากด้วยซ้ำ ดังนั้นบรรยากาศจึงชื่นมื่นแช่มชื่น ฝนตกขี้หมูไหล
ตอนนี้ใครอยากเข้าพรรคเพื่อไทย ประตูเปิดรออ้าซ่า เพื่อยุทธศาสตร์กวาด ส.ส.เข้าสภามากๆ สร้างความชอบธรรมและก็สร้างภาพว่าเนื้อหอม ไม่ใช่พรรคเลวร้ายตามที่มวลมหาชนจ้องโจมตี
อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าพรรคมาก่อนหน้านี้ก็ กลุ่มของปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ส่ง "เสี่ยอี๊ด" สิทธิชัย โควสุรัตน์ และลิ่วล้ออีก 6-7 คน แต่กลุ่มนี้ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ลงสมัครมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากพื้นที่ทับซ้อนกับอดีต ส.ส.เดิมของพรรคเพื่อไทย ในแถบภาคอีสานตอนล่าง จึงดูเงียบๆ เชียบๆ ไป
ที่น่าสนใจและจับตาเป็นอย่างยิ่ง คือ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่แว่วว่ากำลังไหลมาเรื่อยๆ หลังจาก ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี นำร่องมาเปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แล้วจะทยอยตามมาอีกแน่ และแทบทั้งหมดเป็นอดีต ส.ส.ภาคกลาง พื้นที่ไข่แดงของ "หลงจู๊" บรรหาร ศิลปอาชา แว่วว่า อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ผู้แทนเมืองกรุงเก่า ดอดมาแล้ว
เรื่องนี้ต้องสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ "หลงจู๊" แน่ อี๋อ๋อจับมือแพ็กกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ไปไหนไปด้วยกัน แต่ไม่ทันไร มาแทงหลัง ตกปลาไหลในอ่างเสียแล้ว อยากได้เสียงข้างมาก เสียงเกินครึ่งจนหน้ามืดตามัว ทำได้แม้กระทั่งหักหลังกันเอง
เล่นการเมืองแบบขาดความจริงใจ ไม่สนเรื่องพันธมิตรคิดแต่ประโยชน์ตัวเอง ต้องบาดหมางกันแน่ เหมือนชายชู้แอบไปตีท้ายครัวบ้านเพื่อนสนิท !!
**อีกประเด็นหลังจากต้องแย่งพื้นที่ แย่งส.ส.กันแล้ว หลังการเลือกตั้งหากได้ตั้งรัฐบาล ต้องมาแย่งกันอีกยก การแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะยุ่งเหยิงเป็นเงาตามตัว หากรับสมาชิกใหม่ว่าที่ ส.ส.เข้าไปมากๆ แน่นอนก็ต้องมีการดีลทำข้อตกลงไว้ว่า จะมอบเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ให้ ถ้าได้จัดตั้งรัฐบาล
แล้วก็จะเกิดภาพซ้ำๆ เดิมๆ เหมือนการตั้งรัฐบาลทุกครั้งแก่งแย่ง เหมือนหมาฟัดกัน แย่งชามข้าว เป็นวงจรอุบาทว์ชาติชั่วที่ล้างยังไงก็ไม่ออก ที่น่าเศร้าใจก็คือ แย่งกันเข้ามาทำมาหารับประทาน ยัดเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง และวงศ์วานว่านเครือ หาใช่แก่งแย่งกันเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้ชาติ สร้างชื่อให้บรรลือลั่น
ประชาธิปไตยไทยๆ มันก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ หลับตาก็มองเห็นอนาคตข้างหน้าแบบไม่ต้องทาย
**ฉะนั้นควรแล้วหรือยังที่จะมาปฏิรูปการเมืองกันอย่างจริงจัง ปรับปรุงระบบเลือกตั้งปรับปรุงวงจรอุบาทว์ของการเมืองให้มันพลิกโฉมไปจากที่เป็นอยู่ !!!