ยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ
อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
17 /ธ.ค/56
จากการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่า รัฐบาลไทย / กระทรวงการต่างประเทศโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ว่ารัฐบาลไทยได้มอบหมายให้บริษัทดาเวนพอร์ต แมคเคสสัน ให้เป็นผู้แทนประเทศไทยในภารกิจภายในราชอาณาจักรไทย โดยจะต้องไปทำการชักชวนแนะนำสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาและกระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า ราชอาณาจักรไทยกำลังแสวงหาความช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐให้ไปสร้างฐานบินต่อสู้อากาศยานราชนาวี ( Naval Air Defense Base ) ในประเทศไทย และประเทศไทยต้องการความช่วยเหลือทางด้านทหารจากสหรัฐที่จะกำหนดเขตความปลอดภัยทางน้ำ ( Safe harbor zone around its water ) รวมทั้งบริษัทจะดำเนินการช่วยเหลือไทย เพื่อให้มีศูนย์กลางตัวแทนการค้าในสหรัฐให้ด้วย โดยไทยได้จ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้แก่บริษัทฯเป็นเงินจำนวน 20,000 เหรียญสหรัฐ
การจ้างบริษัทล็อบบี้เพื่อให้ไปเป็นตัวแทนไปดำเนินการในภารกิจดังกล่าว จึงเป็นการกระทำของรัฐบาลเพื่อให้ราชอาณาจักรส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 แม้ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นกับราชอาณาจักรไทย การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีที่ได้กระทำไปนั้น เป็นความผิดอาญามาตรา 119 สำเร็จแล้ว เพราะการกระทำในขั้นตระเตรียมการ หรือขั้นพยายามกระทำความผิด และไม่ว่าคณะรัฐมนตรีคนใดจะเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน กฎหมายได้บัญญัติให้ลงโทษเท่ากันในความผิดสำเร็จตามมาตรา 119 ประกอบกับมาตรา 128 , 129 ทุกคน
การจ้างให้บริษัทเอกชนต่างชาติให้ดำเนินการเพื่อให้สหรัฐได้ประโยชน์จากประเทศไทย หรือประเทศอื่น โดยผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางทางการทูต ( non – diplomatic channels ) นั้น เป็นกรณีที่กระทำได้ตามกฎหมายของสหรัฐ เพราะมีกฎหมายภายในของสหรัฐบัญญัติรองรับการกระทำดังกล่าวให้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการลงทะเบียนตัวแทนต่างชาติ ( The foreign Agents Registration Act หรือ FARA ) แต่กฎหมายในประเทศของสหรัฐไม่อาจคุ้มครองการกระทำความผิดกฎหมายอาญาอันเป็นกฎหมายภายในประเทศของราชอาณาจักรไทยได้ ผู้กระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามโทษานุโทษต่อไป
การที่รัฐบาลไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไปดำเนินการว่าจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติและจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วนไปแล้ว ซึ่งไม่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีท่านใดออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว จึงปรากฏเป็นหลักฐานต่อสาธารณะทั่วโลกว่า รัฐบาลไทยได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติให้เป็นผู้แทนของรัฐบาลไทยไปดำเนินการ อันมิใช่เป็นช่องทางทางการทูตเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ประเทศมหาอำนาจ การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการกระทำความผิดกฎหมายอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรแล้ว การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยยังเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศตามสนธิสัญญาที่ไทยได้ทำไว้กับนานาประเทศได้ โดยเฉพาะสนธิสัญญาที่ทำกันในระหว่างอาเซียน อันอาจจะทำให้ไทยตกที่นั่งลำบากในอนาคตซึ่งมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศอื่นตามสนธิสัญญาที่ได้ทำกันไว้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
การกระทำของรัฐบาลไทยที่ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติ เพื่อให้สหรัฐมาสร้างฐานต่อสู้อากาศยานราชนาวีและกำหนดเขตความปลอดภัยทางน่านน้ำนั้น ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยทำสัญญากับบริษัทเอกชน อันมิใช่เป็นหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก หรือสัญญาอื่นที่รัฐบาลไทยทำกับประเทศอื่น หรือกับองค์กรระหว่างประเทศ ที่จะต้องอยู่ในบังคับที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 แต่อย่างใดไม่ การกระทำของรัฐบาลดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดอาญามาตรา 119 และเป็นความผิดสำเร็จแล้ว รัฐสภาไม่มีอำนาจให้ความเห็นชอบในการกระทำความผิดอาญาของรัฐบาลไม่ว่าในกรณีใด และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก็ไม่สามารถคุ้มครองการกระทำของรัฐบาลที่ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะยุบสภาอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่นั้น การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีซึ่งได้มีการกระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 119 มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการ โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีคณะรัฐมนตรีใหม่เข้ารับหน้าที่เมื่อใดนั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียอำนาจอธิปไตยในน่านน้ำและน่านฟ้าทางทะเลทั้งหมดได้ในเบื้องต้น สุมเสี่ยงที่จะเกิดสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของประเทศมหาอำนาจได้ เพราะบริษัทเอกชนที่รับจ้างล็อบบี้สภาคองเกรสนั้นยังคงทำหน้าที่ต่อไป และหากการล็อบบี้ของบริษัทเอกชนกระทำได้เป็นผลสำเร็จ และมีการดำเนินการต่อไป ปัญหาทางกฎหมายจะตามมานับไม่ถ้วน ถ้าคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อรักษาการต่อไป ก็จะเป็นการสุ่มเสี่ยงที่คณะรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งขณะนี้ จะดำเนินการให้ไทยต้องเสียอำนาจอธิปไตยในน่านน้ำและน่านฟ้าไปโดยยากที่จะแก้ไขได้
ประเด็นนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความมั่นคงในชีวิต สิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนทรัพย์สินประชาชนโดยตรง กรณีจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นกรณีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องให้คณะรัฐมนตรีรักษาการพ้นจากตำแหน่งไปในทันที
อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
17 /ธ.ค/56
จากการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่า รัฐบาลไทย / กระทรวงการต่างประเทศโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ว่ารัฐบาลไทยได้มอบหมายให้บริษัทดาเวนพอร์ต แมคเคสสัน ให้เป็นผู้แทนประเทศไทยในภารกิจภายในราชอาณาจักรไทย โดยจะต้องไปทำการชักชวนแนะนำสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาและกระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า ราชอาณาจักรไทยกำลังแสวงหาความช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐให้ไปสร้างฐานบินต่อสู้อากาศยานราชนาวี ( Naval Air Defense Base ) ในประเทศไทย และประเทศไทยต้องการความช่วยเหลือทางด้านทหารจากสหรัฐที่จะกำหนดเขตความปลอดภัยทางน้ำ ( Safe harbor zone around its water ) รวมทั้งบริษัทจะดำเนินการช่วยเหลือไทย เพื่อให้มีศูนย์กลางตัวแทนการค้าในสหรัฐให้ด้วย โดยไทยได้จ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้แก่บริษัทฯเป็นเงินจำนวน 20,000 เหรียญสหรัฐ
การจ้างบริษัทล็อบบี้เพื่อให้ไปเป็นตัวแทนไปดำเนินการในภารกิจดังกล่าว จึงเป็นการกระทำของรัฐบาลเพื่อให้ราชอาณาจักรส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 แม้ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นกับราชอาณาจักรไทย การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีที่ได้กระทำไปนั้น เป็นความผิดอาญามาตรา 119 สำเร็จแล้ว เพราะการกระทำในขั้นตระเตรียมการ หรือขั้นพยายามกระทำความผิด และไม่ว่าคณะรัฐมนตรีคนใดจะเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน กฎหมายได้บัญญัติให้ลงโทษเท่ากันในความผิดสำเร็จตามมาตรา 119 ประกอบกับมาตรา 128 , 129 ทุกคน
การจ้างให้บริษัทเอกชนต่างชาติให้ดำเนินการเพื่อให้สหรัฐได้ประโยชน์จากประเทศไทย หรือประเทศอื่น โดยผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางทางการทูต ( non – diplomatic channels ) นั้น เป็นกรณีที่กระทำได้ตามกฎหมายของสหรัฐ เพราะมีกฎหมายภายในของสหรัฐบัญญัติรองรับการกระทำดังกล่าวให้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการลงทะเบียนตัวแทนต่างชาติ ( The foreign Agents Registration Act หรือ FARA ) แต่กฎหมายในประเทศของสหรัฐไม่อาจคุ้มครองการกระทำความผิดกฎหมายอาญาอันเป็นกฎหมายภายในประเทศของราชอาณาจักรไทยได้ ผู้กระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามโทษานุโทษต่อไป
การที่รัฐบาลไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไปดำเนินการว่าจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติและจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วนไปแล้ว ซึ่งไม่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีท่านใดออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว จึงปรากฏเป็นหลักฐานต่อสาธารณะทั่วโลกว่า รัฐบาลไทยได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติให้เป็นผู้แทนของรัฐบาลไทยไปดำเนินการ อันมิใช่เป็นช่องทางทางการทูตเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ประเทศมหาอำนาจ การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการกระทำความผิดกฎหมายอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรแล้ว การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยยังเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศตามสนธิสัญญาที่ไทยได้ทำไว้กับนานาประเทศได้ โดยเฉพาะสนธิสัญญาที่ทำกันในระหว่างอาเซียน อันอาจจะทำให้ไทยตกที่นั่งลำบากในอนาคตซึ่งมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศอื่นตามสนธิสัญญาที่ได้ทำกันไว้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
การกระทำของรัฐบาลไทยที่ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทเอกชนต่างชาติ เพื่อให้สหรัฐมาสร้างฐานต่อสู้อากาศยานราชนาวีและกำหนดเขตความปลอดภัยทางน่านน้ำนั้น ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยทำสัญญากับบริษัทเอกชน อันมิใช่เป็นหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก หรือสัญญาอื่นที่รัฐบาลไทยทำกับประเทศอื่น หรือกับองค์กรระหว่างประเทศ ที่จะต้องอยู่ในบังคับที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 แต่อย่างใดไม่ การกระทำของรัฐบาลดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดอาญามาตรา 119 และเป็นความผิดสำเร็จแล้ว รัฐสภาไม่มีอำนาจให้ความเห็นชอบในการกระทำความผิดอาญาของรัฐบาลไม่ว่าในกรณีใด และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก็ไม่สามารถคุ้มครองการกระทำของรัฐบาลที่ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะยุบสภาอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่นั้น การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีซึ่งได้มีการกระทำความผิดอาญาในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 119 มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการ โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีคณะรัฐมนตรีใหม่เข้ารับหน้าที่เมื่อใดนั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียอำนาจอธิปไตยในน่านน้ำและน่านฟ้าทางทะเลทั้งหมดได้ในเบื้องต้น สุมเสี่ยงที่จะเกิดสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของประเทศมหาอำนาจได้ เพราะบริษัทเอกชนที่รับจ้างล็อบบี้สภาคองเกรสนั้นยังคงทำหน้าที่ต่อไป และหากการล็อบบี้ของบริษัทเอกชนกระทำได้เป็นผลสำเร็จ และมีการดำเนินการต่อไป ปัญหาทางกฎหมายจะตามมานับไม่ถ้วน ถ้าคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อรักษาการต่อไป ก็จะเป็นการสุ่มเสี่ยงที่คณะรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งขณะนี้ จะดำเนินการให้ไทยต้องเสียอำนาจอธิปไตยในน่านน้ำและน่านฟ้าไปโดยยากที่จะแก้ไขได้
ประเด็นนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความมั่นคงในชีวิต สิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนทรัพย์สินประชาชนโดยตรง กรณีจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นกรณีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องให้คณะรัฐมนตรีรักษาการพ้นจากตำแหน่งไปในทันที