หลังวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 คือหลังการเลือกตั้งทั่วไป พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ประเทศไทยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ผมก็มองเห็นลางวิบัติของประเทศตั้งแต่วันนั้น
ข้อยืนยันนี้ก็คือข้อเขียนต่างๆ ที่เขียนในคอลัมน์นี้ในช่วงเวลานั้น และเวลาต่อๆ มาจนถึงวันนี้
ผมเคยคิดตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะต้องมีวันนี้ วันที่มวลมหาประชาชนเดินออกมาปฏิเสธอำนาจรัฐบาลอย่างมากมายมหาศาล
มีคนสงสัยว่าผู้คนทำไมออกมามากมายขนาดนี้ เพราะแรงเกลียด แรงไม่พอใจที่รัฐบาลโง่นี้ทำกับประเทศชาติและประชาชนยังไงเล่า
แรกๆ ประชาชนก็เฉยๆ เพราะเป็นความชอบธรรมของผู้ชนะเลือกตั้งก็บริหารไป แต่ยิ่งบริหารยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มดีกรีความระยำขึ้นเรื่อยๆ จนประชาชนรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้วโว้ยในวันนี้
บอกแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ (โดยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นกองเชียร์คนแรกๆ แล้วตอนนั้นนางก็ทำเหนียมอายว่า “ปูเป็นไม่ได้หรอกค่ะ ปูไม่รู้การเมืองเลย” เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์มีคุณสมบัติเหมาะไม่รู้เรื่อง พร้อมที่จะทำตามคำสั่ง และที่สำคัญอายไม่เป็น)
สองปีกว่าที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แล้วความที่ไม่รู้ ความที่อายไม่เป็นจึงกล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำ
เป็นต้นว่า โกหกตอแหลว่าจะไม่ทำเพื่อพี่ชายแต่จะทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน แต่ยังไม่ทันบริหารประเทศก็ให้ไอ้ปึ้งเจรจากับทูตญี่ปุ่นให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็พยายามหาทางที่จะนิรโทษกรรมให้พี่ชาย โดยมีประธานสภาทาส นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นคนรับลูก และมีขี้ข้าคนอื่นๆ คอยปฏิบัติตาม
เคยสงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีทอดตัวลงไปเป็นทาสเขาได้อย่างไร ซ้ำนักวิชาการหลายสถาบัน สื่อมวลชนจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้มันแยกผิดแยกถูกไม่ออกหรือ
เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า นโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณคือเอาเงินภาษีของประชาชนไปปรนเปรอประชาชนเพื่อแลกคะแนนนิยม ทุกนโยบายใช้เงินประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำทั้งนั้น นโยบายปราบยาเสพติด ฆ่าคนไป 2,500 ราย ปราบที่มัสยิดคนนหนุ่มตายเป็นเบือ ที่ตากใบถูกจับโยนขึ้นรถทับกันตายเกือบร้อย แก้ภาษีสรรพสามิตได้ประโยชน์เป็น 5-6 หมื่นล้านบาท ฯลฯ
ความผิดเห็นๆ อย่างนี้แยกผิดแยกถูกไม่ได้หรือว่า นี่มันเลวชาติชั่วแล้ว เมื่อมันส่งน้องสาวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังยอมรับมันได้อีก
รู้ไหมว่ารัฐบาลนางปูเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น แต่ถูกคำว่า เขามาจากการเลือกตั้ง มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนสะกดไว้ โดยที่นักวิชาการโลกสวยทั้งหลายไม่ได้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณมันต้อนนักการเมืองเข้าคอกเหมือนวัวเหมือนควาย นอกจากต้อนเข้าคอกเป็นตัวๆ แล้ว มันเหมาหมดทั้งพรรคเลยก็มี เป็นต้น พรรคความหวังใหม่ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติประชาธิปไตย
นักวิชาการโลกสวยต่างก็ยอมรับได้ เพราะนี่คือประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ?
มาวันนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา เป็นการยุบสภาหลังจากที่ตะลึงพรึงเพริดกับจำนวนมวลมหาประชาชนที่ออกมาท้องถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้พ้นไปจากอำนาจ
ยุบสภาก็เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนี้ ประชาธิปไตยต้องเดินไปตามหนทางนี้
ใช่ นั่นเป็นยามปกติ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณมันต้อนวัวควายเข้าคอกไว้แล้วเตรียมนักเลือกตั้งไว้แล้ว เลือกอีกก็อาจจะได้ไอ้สุนัขจากนครสวรรค์ ไอ้จ่าเฮงซวยจากสุรินทร์ ได้สภาทาสมาอีก
อย่างนี้ก็ไม่ยอมรับเสียงประชาชนหรือ?
จะยอมรับให้สภาทาสที่ไม่มีสมองคิดกลับมาอีกได้อย่างไร ก็เห็นแล้วว่าที่ผ่านมาพวกนี้มันไม่รู้ดีรู้ชั่วไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม มันคำนึงถึงคำสั่งของพ่อมันที่ดูไบอย่างเดียว การผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขที่มาที่ไปของ ส.ว.นั่นเป็นพยานได้เป็นอย่างดีว่า เราไม่อาจจะรับสภาทาสนี้ได้
เลือกตั้งอีกมันก็เข้าสภาฯ มาอีก มาก่อกรรมทำเข็ญ มาทำชั่วอีกก็ต้องออกมาไล่กันอีก
เมื่อไม่นานนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี นายทุนใหญ่พรรคชาติไทยบอกว่า อยากให้ประชาชนไทยเหมือนญี่ปุ่นเลือกตั้งไปเรื่อยๆ จนได้คนดี
ใครทั้งหลายได้ฟังอาจจะเข้าใจผิดอย่างนายบรรหารว่า ประชาชนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ก็จะได้คนดีเอง ไม่ใช่ หากแต่พรรคการเมือง นักการเมืองของเขามีสำนึก เขาเลือกเฟ้นคนดีมาให้ประชาชนเลือก นักการเมืองเขาถ้าหากทำผิดทำชั่วก็จะรู้จักอาย หลบลี้หนีหน้าจากสังคมการเมืองไปเลย บ้างอาจจะฮาราคีรีตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่นักการเมืองเรามันหน้าด้าน ถูกศาลลงโทษพอพ้นโทษมันก็ไชโยโห่ร้องเพื่อที่จะได้กลับมาก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศชาติและประชาชนอีก
พูดง่ายๆ ตรงๆ ก็คือ นักการเมืองบ้านเราหนังหน้ามันหนา หนังหน้ามันด้านกว่านักการเมืองบ้านเขา
แล้วจะทำอย่างไร?
ก็ต้องกวาดบ้านเรือนให้สะอาดก่อน วางกฎกติกากันใหม่เพื่อให้สภาฯ เป็นสภาฯ ของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ มิใช่สภาทาส แต่ต้องเป็นสภาฯ ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เป็นสภาฯ ที่แยกผิดแยกถูกออก หรือไม่กล้าที่จะทำชั่ว ไม่กล้าที่จะรับใช้นักโทษหนีคดีเพราะหนังหน้าบาง
นี่คือหนทางที่ประเทศไทยจะเดินต่อไป
ข้อยืนยันนี้ก็คือข้อเขียนต่างๆ ที่เขียนในคอลัมน์นี้ในช่วงเวลานั้น และเวลาต่อๆ มาจนถึงวันนี้
ผมเคยคิดตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะต้องมีวันนี้ วันที่มวลมหาประชาชนเดินออกมาปฏิเสธอำนาจรัฐบาลอย่างมากมายมหาศาล
มีคนสงสัยว่าผู้คนทำไมออกมามากมายขนาดนี้ เพราะแรงเกลียด แรงไม่พอใจที่รัฐบาลโง่นี้ทำกับประเทศชาติและประชาชนยังไงเล่า
แรกๆ ประชาชนก็เฉยๆ เพราะเป็นความชอบธรรมของผู้ชนะเลือกตั้งก็บริหารไป แต่ยิ่งบริหารยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มดีกรีความระยำขึ้นเรื่อยๆ จนประชาชนรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้วโว้ยในวันนี้
บอกแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ (โดยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นกองเชียร์คนแรกๆ แล้วตอนนั้นนางก็ทำเหนียมอายว่า “ปูเป็นไม่ได้หรอกค่ะ ปูไม่รู้การเมืองเลย” เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์มีคุณสมบัติเหมาะไม่รู้เรื่อง พร้อมที่จะทำตามคำสั่ง และที่สำคัญอายไม่เป็น)
สองปีกว่าที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แล้วความที่ไม่รู้ ความที่อายไม่เป็นจึงกล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำ
เป็นต้นว่า โกหกตอแหลว่าจะไม่ทำเพื่อพี่ชายแต่จะทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน แต่ยังไม่ทันบริหารประเทศก็ให้ไอ้ปึ้งเจรจากับทูตญี่ปุ่นให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็พยายามหาทางที่จะนิรโทษกรรมให้พี่ชาย โดยมีประธานสภาทาส นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นคนรับลูก และมีขี้ข้าคนอื่นๆ คอยปฏิบัติตาม
เคยสงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีทอดตัวลงไปเป็นทาสเขาได้อย่างไร ซ้ำนักวิชาการหลายสถาบัน สื่อมวลชนจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้มันแยกผิดแยกถูกไม่ออกหรือ
เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า นโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณคือเอาเงินภาษีของประชาชนไปปรนเปรอประชาชนเพื่อแลกคะแนนนิยม ทุกนโยบายใช้เงินประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำทั้งนั้น นโยบายปราบยาเสพติด ฆ่าคนไป 2,500 ราย ปราบที่มัสยิดคนนหนุ่มตายเป็นเบือ ที่ตากใบถูกจับโยนขึ้นรถทับกันตายเกือบร้อย แก้ภาษีสรรพสามิตได้ประโยชน์เป็น 5-6 หมื่นล้านบาท ฯลฯ
ความผิดเห็นๆ อย่างนี้แยกผิดแยกถูกไม่ได้หรือว่า นี่มันเลวชาติชั่วแล้ว เมื่อมันส่งน้องสาวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังยอมรับมันได้อีก
รู้ไหมว่ารัฐบาลนางปูเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น แต่ถูกคำว่า เขามาจากการเลือกตั้ง มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนสะกดไว้ โดยที่นักวิชาการโลกสวยทั้งหลายไม่ได้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณมันต้อนนักการเมืองเข้าคอกเหมือนวัวเหมือนควาย นอกจากต้อนเข้าคอกเป็นตัวๆ แล้ว มันเหมาหมดทั้งพรรคเลยก็มี เป็นต้น พรรคความหวังใหม่ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติประชาธิปไตย
นักวิชาการโลกสวยต่างก็ยอมรับได้ เพราะนี่คือประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ?
มาวันนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา เป็นการยุบสภาหลังจากที่ตะลึงพรึงเพริดกับจำนวนมวลมหาประชาชนที่ออกมาท้องถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้พ้นไปจากอำนาจ
ยุบสภาก็เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนี้ ประชาธิปไตยต้องเดินไปตามหนทางนี้
ใช่ นั่นเป็นยามปกติ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณมันต้อนวัวควายเข้าคอกไว้แล้วเตรียมนักเลือกตั้งไว้แล้ว เลือกอีกก็อาจจะได้ไอ้สุนัขจากนครสวรรค์ ไอ้จ่าเฮงซวยจากสุรินทร์ ได้สภาทาสมาอีก
อย่างนี้ก็ไม่ยอมรับเสียงประชาชนหรือ?
จะยอมรับให้สภาทาสที่ไม่มีสมองคิดกลับมาอีกได้อย่างไร ก็เห็นแล้วว่าที่ผ่านมาพวกนี้มันไม่รู้ดีรู้ชั่วไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม มันคำนึงถึงคำสั่งของพ่อมันที่ดูไบอย่างเดียว การผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขที่มาที่ไปของ ส.ว.นั่นเป็นพยานได้เป็นอย่างดีว่า เราไม่อาจจะรับสภาทาสนี้ได้
เลือกตั้งอีกมันก็เข้าสภาฯ มาอีก มาก่อกรรมทำเข็ญ มาทำชั่วอีกก็ต้องออกมาไล่กันอีก
เมื่อไม่นานนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี นายทุนใหญ่พรรคชาติไทยบอกว่า อยากให้ประชาชนไทยเหมือนญี่ปุ่นเลือกตั้งไปเรื่อยๆ จนได้คนดี
ใครทั้งหลายได้ฟังอาจจะเข้าใจผิดอย่างนายบรรหารว่า ประชาชนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ก็จะได้คนดีเอง ไม่ใช่ หากแต่พรรคการเมือง นักการเมืองของเขามีสำนึก เขาเลือกเฟ้นคนดีมาให้ประชาชนเลือก นักการเมืองเขาถ้าหากทำผิดทำชั่วก็จะรู้จักอาย หลบลี้หนีหน้าจากสังคมการเมืองไปเลย บ้างอาจจะฮาราคีรีตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่นักการเมืองเรามันหน้าด้าน ถูกศาลลงโทษพอพ้นโทษมันก็ไชโยโห่ร้องเพื่อที่จะได้กลับมาก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศชาติและประชาชนอีก
พูดง่ายๆ ตรงๆ ก็คือ นักการเมืองบ้านเราหนังหน้ามันหนา หนังหน้ามันด้านกว่านักการเมืองบ้านเขา
แล้วจะทำอย่างไร?
ก็ต้องกวาดบ้านเรือนให้สะอาดก่อน วางกฎกติกากันใหม่เพื่อให้สภาฯ เป็นสภาฯ ของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ มิใช่สภาทาส แต่ต้องเป็นสภาฯ ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เป็นสภาฯ ที่แยกผิดแยกถูกออก หรือไม่กล้าที่จะทำชั่ว ไม่กล้าที่จะรับใช้นักโทษหนีคดีเพราะหนังหน้าบาง
นี่คือหนทางที่ประเทศไทยจะเดินต่อไป