ASTV ผู้จัดการรายวัน – ข่าวลือเริ่มมีทางออกปัญหาทางการเมือง เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในประเทศเข้าซื้อ พยุงดัชนีหุ้นจากลบ19จุด กลับมาปิดบวก3 จุด ประธานสภาตลาดทุนยอมรับการชุมนุมทำหุ้นร่วงไปแล้ว 100 จุด ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง คาดหวังกองทัพเป็นคนกลางเคลียร์ปัญหาลุล่วง หลังเริ่มกระทบเศรษฐกิจวงกว้างปีหน้าอาจไม่ถึง4.5%แม้ส่งออกโต “มนตรี”ระบุนักลงทุนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ปรับลดเป้าดัชนีเหลือ1,300 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2ธ.ค.) ปรับตัวผันผวนมากระหว่างการซื้อซื้อขายปรับตัวลดลงไปถึง 19.46 จุด แต่ในช่วงท้ายกลับมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ปิดที่ระดับ 1,374.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด หรือ 0.23% มูลค่าการซื้อขาย 32,455.14 ล้านบาท เพราะนักลงทุนเชื่อกันว่าน่าจะมีข่าวดีในด้านสถานการณ์การเมืองในประเทศเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,374.46 จุด และต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,351.67 จุด การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,796.51 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,620.62 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 2,963.57 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,380.70 ล้านบาท
**การเมืองร้อนทำหุ้นร่วงไปแล้ว 100 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงต่อ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย และเกิดการชุมนุมวุ่นวายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 100 จุด นับตั้งแต่เกิดการชุมนุมทางการเมือง โดยนักลงทุนต่างชาติยังเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การที่กองทัพออกมาเป็นคนกลางประสานให้เกิดการเจรจาระหว่าง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าทุกฝ่ายกำลังช่วยกันหาทางออกทางการเมือง และไม่มีฝ่ายใดต้องการเห็นความรุนแรง ดังนั้น หากมีทางออกทางการเมืองโดยเร็ว ก็เชื่อว่านักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติจะกลับมาลงทุนใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจได้ขยายวงกว้างมากกว่าที่คาดคิด ซึ่งหากยิ่งยืดเยื้อจะกระทบยาวไปจนถึงปี 2557 โดยขณะนี้เริ่มมีการปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลง ดังนั้น หากการบริโภค และการลงทุนทั้งภาครัฐ และเอกชนถดถอยลง เศรษฐกิจในปี 2557 อาจจะโตต่ำกว่า 4.5% แม้ว่าภาคการส่งออกจะฟื้นตัวดีขึ้นก็ตาม ซึ่งก็จะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขยายต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะโตได้ 12% ก่อนหน้านี้
**บล.ไทยพาณิชย์แนะชะลอลงทุน
ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากปัจจัยลบภายในประเทศในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงไม่ลงทุนในระยะนี้ โดยส่วนใหญ่จะขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยได้ปรับเป้าประมาณการในไตรมาส 4 จากเดิมที่ประมาณ1,400 จุด เหลือเพียงประมาณ 1,300 จุด
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงนี้ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ กลุ่มโรงแรม กลุ่มขนส่ง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงปลายปี จะเปลี่ยนไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้ประเทศสูญเสียเม็ดเงินจากภาคอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ไปเป็นจำนวนมาก
** “มนตรี”ยอมรับปัญหาการเมืองคาดการณ์ยาก
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(MBKET) กล่าวว่าทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ซึ่งแนะนำนักลงทุนว่าควรประเมินบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เกิดขึ้น หากสถานการณ์คลี่คลายก็มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน ขณะที่กลุ่มหุ้นที่น่าลงทุน สำหรับภาวะที่ผันผวนนั้น ส่วนตัวมองที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากมีอัตราการปันผลในระดับสูง และมีรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง ส่วนปีหน้ามองว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะมีการเติบโตสูงจากการขยายฐานเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี2557 บริษัทฯคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไปอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด มีค่า P/E ที่ 13.5 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าเชื่อว่าจะอยู่ที่ประมาณ 14-15%
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2ธ.ค.) ปรับตัวผันผวนมากระหว่างการซื้อซื้อขายปรับตัวลดลงไปถึง 19.46 จุด แต่ในช่วงท้ายกลับมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ปิดที่ระดับ 1,374.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด หรือ 0.23% มูลค่าการซื้อขาย 32,455.14 ล้านบาท เพราะนักลงทุนเชื่อกันว่าน่าจะมีข่าวดีในด้านสถานการณ์การเมืองในประเทศเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,374.46 จุด และต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,351.67 จุด การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,796.51 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,620.62 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 2,963.57 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,380.70 ล้านบาท
**การเมืองร้อนทำหุ้นร่วงไปแล้ว 100 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงต่อ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย และเกิดการชุมนุมวุ่นวายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 100 จุด นับตั้งแต่เกิดการชุมนุมทางการเมือง โดยนักลงทุนต่างชาติยังเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การที่กองทัพออกมาเป็นคนกลางประสานให้เกิดการเจรจาระหว่าง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าทุกฝ่ายกำลังช่วยกันหาทางออกทางการเมือง และไม่มีฝ่ายใดต้องการเห็นความรุนแรง ดังนั้น หากมีทางออกทางการเมืองโดยเร็ว ก็เชื่อว่านักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติจะกลับมาลงทุนใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจได้ขยายวงกว้างมากกว่าที่คาดคิด ซึ่งหากยิ่งยืดเยื้อจะกระทบยาวไปจนถึงปี 2557 โดยขณะนี้เริ่มมีการปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลง ดังนั้น หากการบริโภค และการลงทุนทั้งภาครัฐ และเอกชนถดถอยลง เศรษฐกิจในปี 2557 อาจจะโตต่ำกว่า 4.5% แม้ว่าภาคการส่งออกจะฟื้นตัวดีขึ้นก็ตาม ซึ่งก็จะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขยายต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะโตได้ 12% ก่อนหน้านี้
**บล.ไทยพาณิชย์แนะชะลอลงทุน
ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากปัจจัยลบภายในประเทศในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงไม่ลงทุนในระยะนี้ โดยส่วนใหญ่จะขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยได้ปรับเป้าประมาณการในไตรมาส 4 จากเดิมที่ประมาณ1,400 จุด เหลือเพียงประมาณ 1,300 จุด
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงนี้ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ กลุ่มโรงแรม กลุ่มขนส่ง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงปลายปี จะเปลี่ยนไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้ประเทศสูญเสียเม็ดเงินจากภาคอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ไปเป็นจำนวนมาก
** “มนตรี”ยอมรับปัญหาการเมืองคาดการณ์ยาก
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(MBKET) กล่าวว่าทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ซึ่งแนะนำนักลงทุนว่าควรประเมินบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เกิดขึ้น หากสถานการณ์คลี่คลายก็มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน ขณะที่กลุ่มหุ้นที่น่าลงทุน สำหรับภาวะที่ผันผวนนั้น ส่วนตัวมองที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากมีอัตราการปันผลในระดับสูง และมีรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง ส่วนปีหน้ามองว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะมีการเติบโตสูงจากการขยายฐานเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี2557 บริษัทฯคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไปอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด มีค่า P/E ที่ 13.5 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าเชื่อว่าจะอยู่ที่ประมาณ 14-15%