ภาพการลุกขึ้นสู้ของมวลมหาประชาชนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสังคมไทยที่มีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีประเทศไทยมา
สะท้อนให้เห็นว่า มีคนในสังคมไทยไม่น้อยที่ชิงชังระบอบทักษิณ ตระกูลชินวัตร และวงศ์วานว่านเครือ
เป็นการลุกขึ้นตื่นของมวลมหาประชาชนที่ปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันบนความเหิมเกริมของระบอบทักษิณ รัฐบาลของทักษิณ และคนเสื้อแดงตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาแสดงตัวราวกับว่า เป็นเจ้าของประเทศนี้
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่รู้เลยว่า การต่อสู้ระหว่างประชาชนกับระบอบทักษิณจะจบลงอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายชนะ
แต่สำหรับชายชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ วันนี้เขาได้นั่งอยู่กลางใจของประชาชนแล้ว จากนักการเมืองที่มีภาพไปในทางลบ วันนี้สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น “ลุงกำนัน” ที่เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ
เราจะปล่อยให้กำนันสุเทพโดดเดี่ยวและแพ้ไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นการต่อสู้ของพวกเรากับระบอบทักษิณที่นับเนื่องมาหลายปีจะสูญเปล่า และเป้าหมายของการปฏิรูปประเทศเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้จะห่างไกลจากความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
วันนี้กำนันสุเทพ ไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ คนเก่าแล้ว ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้วว่า ระบบการเมืองแบบเก่า นักการเมืองแบบเก่าที่เขาเคยเป็นนั้นเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวและเป็นปัญหาของประเทศนี้
วันนี้สุเทพจึงพูดชัดว่าต้องหยุดระบบการเมืองที่เป็นอยู่แช่แข็งนักการเมือง และพรรคการเมือง เพื่อตั้งสภาประชาชนและรัฐบาลของประชาชนขึ้นมาเพื่อกำหนดกติกาของประเทศนี้ขึ้นมาใหม่
ปัญหาอยู่ที่ว่าถึงตอนนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชวน หลีกภัย คิดอย่างไร สามารถมองออกและเข้าใจถึงปัญหาหรือไม่ว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองที่ล้มเหลว
พรรคประชาธิปัตย์กล้าพอหรือไม่ที่จะออกมาต่อสู้ร่วมกับกำนันสุเทพ ทิ้งอาชีพนักการเมืองไว้เบื้องหลัง เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ
ลองไปฟังที่กำนันสุเทพนั่งพับเพียบปราศรัยต่อหน้าหลวงปู่พุทธอิสระนั้น เสมือนเป็นคำมั่นสัญญาของกำนันกับประเทศนี้ ถ้าประชาชนเป็นฝ่ายชนะล้มล้างระบอบทักษิณลงได้
1. การเลือกตั้งในปัจจุบันยังเปิดโอกาสให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงจึงเปิดโอกาสให้คนชั่วจำนวนหนึ่งเข้าไปชูคออยู่ในสภาฯ ได้ หรือที่เราเรียกว่า ระบบทุนสามานย์ เราต้องวางกติกาให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม โกงไม่ได้ และต้องไม่ให้คนชั่วมีโอกาสเข้ามานั่งในสภาฯ ทำเรื่องชั่วๆ แบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ โดยที่ไม่ฟังเสียงอำนาจของประชาชนเลย
2. สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็คือ การทุจริต คอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้นักการเมืองชั่วๆ กล้าลงทุนเอาเงินไปซื้อเสียง ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็คือ นักธุรกิจการเมือง ที่เห็นว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เลือกตั้งครั้งหนึ่งลงทุนหมื่นล้าน แต่โกงกลับเป็นแสนล้าน
ถ้าเราต้องการให้ประเทศเราเจริญ จะต้องขจัดปัญหาทุจริต คอร์รัปชันให้ได้ เราจะต้องไม่ยกย่องคนมีเงินและเราต้องปลูกฝังในสมองเด็กไทยว่า โตไปจะต้องไม่โกง เราต้องออกกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชัน ว่าไม่มีอายุความ ไม่ว่าจะวันไหนหากยังไม่ตายก็ต้องติดคุก อย่างคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ อีกไม่กี่เดือนก็หมดอายุความ อยู่เมืองนอกไม่มีความทุกข์ร้อน มีแต่พวกเราที่ต้องมานอนกลางดินกินกลางทราย
3. สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนแปลงอีกคือ การเคารพในอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนต้องสามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส.ส.แบบระบุระยะเวลาได้ เช่น 5 เดือน หรือ 6 เดือน เพราะในวันนี้เราเข้าชื่อถอดถอนได้ 1 แสนกว่าชื่อก็จริง แต่ไม่รู้ว่าจะถอดถอนได้ชาตินี้หรือชาติหน้ากว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นตอนนี้คนชั่วก็ลอยนวลหายใจต่อไปได้
4. การปกครองของบ้านเมืองจะต้องถูกกระจายไปยังท้องถิ่น เช่น ทุกจังหวัดจะต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ จากประชาชนเหมือน กทม.ไม่ใช่การแต่งตั้งจากส่วนกลางซึ่งทำให้มีการทุจริต เช่นการซื้อตำแหน่ง
5. เราต้องปฏิรูปโครงสร้างของตำรวจให้เป็นตำรวจของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการตำรวจจะต้องเป็นภาคประชาชนไม่ใช่ตำรวจด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมีคำพูด “ได้ดีเพราะพี่ให้” ตำรวจจะได้ดีเพราะประชาชนเห็นความดี ไม่ใช่จากภาคการเมือง
6. เราต้องออกแบบกฎหมายให้ข้าราชการเป็นคนของประชาชน ไม่ใช่อยู่ใต้นักการเมืองปัญหาต่างๆ อย่างการศึกษา คมนาคม สาธารณสุข จะต้องนำเรื่องเหล่านี้เป็นวาระแห่งชาติ
7. รัฐบาลต้องไม่รวบอำนาจผูกขาดธุรกิจเสียเอง เราต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนแข่งขันกับนานาประเทศได้
แม้ว่าปัญหาและอุปสรรคของประเทศยังมีมากกว่านี้ เช่น การปฏิรูปพลังงาน การลดช่องระหว่างคนรวยกับคนจน ฯลฯ แต่ 6-7 ข้อข้างบนนี้เป็นสิ่งที่ออกจากปากของกำนันสุเทพในท่ามกลางภาวะการต่อสู้ ก็มากพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่านับจากนี้ไป กำนันสุเทพจะไม่กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของนักการเมืองและระบบการเมืองที่เป็นปัญหาของประเทศนี้อีกแล้ว
ที่สำคัญสุเทพประกาศชัดเจนว่า เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่ได้ต่อสู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล และมีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้นถ้าเราไม่ยอมจำนนกับระบอบทักษิณอีกต่อไป ไม่ปล่อยให้เขาแอบอ้างความเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งที่มาจากการเลือกตั้งที่ฉ้อฉลใช้เงินซื้ออำนาจเข้ามาปกครองประเทศแล้วแสวงหาประโยชน์ เราก็ต้องลุกขึ้นออกมาร่วมต่อสู้กับกำนันสุเทพ
ผมไม่อยากให้ภาพการลุกขึ้นสู้ของประชาชนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนเป็นภาพที่สูญเปล่า เราจึงออกมาในวันที่กำนันสุเทพเรียกร้องระดมพลเพียงวันเดียวไม่ได้ แต่เราต้องออกมาหนุนช่วยกันอย่างต่อเนื่องจนกว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะล้มล้างระบอบทักษิณลงได้
ผมเห็นด้วยกับกำนันสุเทพนะครับว่า รัฐบาลยุบสภาฯ หรือลาออกก็ไม่ใช่เป้าหมายของการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะถ้าเราปล่อยให้มีการเลือกตั้งบนกติกาเก่า ระบอบทักษิณที่ใช้เงินซื้อเสียง ซื้อตัว ส.ส. ซื้อพรรคการเมืองก็กลับมามีอำนาจอีก ประเทศก็กลับไปสู่วังวนแบบเก่าอีก
วันนี้ประชาชนแพ้ไม่ได้ กำนันสุเทพแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าเราพ่ายแพ้เราก็ต้องยกประเทศนี้ให้กับทักษิณ แล้วยอมจำนนต่อทักษิณเหมือนคนอีกกลุ่มหนึ่งของประเทศนี้ที่มองเห็นทักษิณเป็นเทพเจ้า และสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย แล้วยอมให้ทักษิณส่งคนโง่คนหนึ่งมาปกครองประเทศ
อย่าไปกังวลเลยครับกับการบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ สิ่งที่กำนันสุเทพกระทำในวันนี้มีความชอบธรรมทั้งสิ้น เพราะกำนันสุเทพกำลังต่อสู้กับรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
วันนี้กำนันสุเทพเทใจเต็มร้อยให้กับประชาชนแล้ว ต้องออกมาร่วมต่อสู้อย่าให้กำนันสุเทพโดดเดี่ยวจนกว่าประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะและโค่นล้มระบอบทักษิณลงได้
สะท้อนให้เห็นว่า มีคนในสังคมไทยไม่น้อยที่ชิงชังระบอบทักษิณ ตระกูลชินวัตร และวงศ์วานว่านเครือ
เป็นการลุกขึ้นตื่นของมวลมหาประชาชนที่ปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันบนความเหิมเกริมของระบอบทักษิณ รัฐบาลของทักษิณ และคนเสื้อแดงตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาแสดงตัวราวกับว่า เป็นเจ้าของประเทศนี้
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่รู้เลยว่า การต่อสู้ระหว่างประชาชนกับระบอบทักษิณจะจบลงอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายชนะ
แต่สำหรับชายชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ วันนี้เขาได้นั่งอยู่กลางใจของประชาชนแล้ว จากนักการเมืองที่มีภาพไปในทางลบ วันนี้สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น “ลุงกำนัน” ที่เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ
เราจะปล่อยให้กำนันสุเทพโดดเดี่ยวและแพ้ไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นการต่อสู้ของพวกเรากับระบอบทักษิณที่นับเนื่องมาหลายปีจะสูญเปล่า และเป้าหมายของการปฏิรูปประเทศเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้จะห่างไกลจากความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
วันนี้กำนันสุเทพ ไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ คนเก่าแล้ว ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้วว่า ระบบการเมืองแบบเก่า นักการเมืองแบบเก่าที่เขาเคยเป็นนั้นเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวและเป็นปัญหาของประเทศนี้
วันนี้สุเทพจึงพูดชัดว่าต้องหยุดระบบการเมืองที่เป็นอยู่แช่แข็งนักการเมือง และพรรคการเมือง เพื่อตั้งสภาประชาชนและรัฐบาลของประชาชนขึ้นมาเพื่อกำหนดกติกาของประเทศนี้ขึ้นมาใหม่
ปัญหาอยู่ที่ว่าถึงตอนนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชวน หลีกภัย คิดอย่างไร สามารถมองออกและเข้าใจถึงปัญหาหรือไม่ว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองที่ล้มเหลว
พรรคประชาธิปัตย์กล้าพอหรือไม่ที่จะออกมาต่อสู้ร่วมกับกำนันสุเทพ ทิ้งอาชีพนักการเมืองไว้เบื้องหลัง เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ
ลองไปฟังที่กำนันสุเทพนั่งพับเพียบปราศรัยต่อหน้าหลวงปู่พุทธอิสระนั้น เสมือนเป็นคำมั่นสัญญาของกำนันกับประเทศนี้ ถ้าประชาชนเป็นฝ่ายชนะล้มล้างระบอบทักษิณลงได้
1. การเลือกตั้งในปัจจุบันยังเปิดโอกาสให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงจึงเปิดโอกาสให้คนชั่วจำนวนหนึ่งเข้าไปชูคออยู่ในสภาฯ ได้ หรือที่เราเรียกว่า ระบบทุนสามานย์ เราต้องวางกติกาให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม โกงไม่ได้ และต้องไม่ให้คนชั่วมีโอกาสเข้ามานั่งในสภาฯ ทำเรื่องชั่วๆ แบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ โดยที่ไม่ฟังเสียงอำนาจของประชาชนเลย
2. สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็คือ การทุจริต คอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้นักการเมืองชั่วๆ กล้าลงทุนเอาเงินไปซื้อเสียง ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็คือ นักธุรกิจการเมือง ที่เห็นว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เลือกตั้งครั้งหนึ่งลงทุนหมื่นล้าน แต่โกงกลับเป็นแสนล้าน
ถ้าเราต้องการให้ประเทศเราเจริญ จะต้องขจัดปัญหาทุจริต คอร์รัปชันให้ได้ เราจะต้องไม่ยกย่องคนมีเงินและเราต้องปลูกฝังในสมองเด็กไทยว่า โตไปจะต้องไม่โกง เราต้องออกกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชัน ว่าไม่มีอายุความ ไม่ว่าจะวันไหนหากยังไม่ตายก็ต้องติดคุก อย่างคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ อีกไม่กี่เดือนก็หมดอายุความ อยู่เมืองนอกไม่มีความทุกข์ร้อน มีแต่พวกเราที่ต้องมานอนกลางดินกินกลางทราย
3. สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนแปลงอีกคือ การเคารพในอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนต้องสามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส.ส.แบบระบุระยะเวลาได้ เช่น 5 เดือน หรือ 6 เดือน เพราะในวันนี้เราเข้าชื่อถอดถอนได้ 1 แสนกว่าชื่อก็จริง แต่ไม่รู้ว่าจะถอดถอนได้ชาตินี้หรือชาติหน้ากว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นตอนนี้คนชั่วก็ลอยนวลหายใจต่อไปได้
4. การปกครองของบ้านเมืองจะต้องถูกกระจายไปยังท้องถิ่น เช่น ทุกจังหวัดจะต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ จากประชาชนเหมือน กทม.ไม่ใช่การแต่งตั้งจากส่วนกลางซึ่งทำให้มีการทุจริต เช่นการซื้อตำแหน่ง
5. เราต้องปฏิรูปโครงสร้างของตำรวจให้เป็นตำรวจของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการตำรวจจะต้องเป็นภาคประชาชนไม่ใช่ตำรวจด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมีคำพูด “ได้ดีเพราะพี่ให้” ตำรวจจะได้ดีเพราะประชาชนเห็นความดี ไม่ใช่จากภาคการเมือง
6. เราต้องออกแบบกฎหมายให้ข้าราชการเป็นคนของประชาชน ไม่ใช่อยู่ใต้นักการเมืองปัญหาต่างๆ อย่างการศึกษา คมนาคม สาธารณสุข จะต้องนำเรื่องเหล่านี้เป็นวาระแห่งชาติ
7. รัฐบาลต้องไม่รวบอำนาจผูกขาดธุรกิจเสียเอง เราต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนแข่งขันกับนานาประเทศได้
แม้ว่าปัญหาและอุปสรรคของประเทศยังมีมากกว่านี้ เช่น การปฏิรูปพลังงาน การลดช่องระหว่างคนรวยกับคนจน ฯลฯ แต่ 6-7 ข้อข้างบนนี้เป็นสิ่งที่ออกจากปากของกำนันสุเทพในท่ามกลางภาวะการต่อสู้ ก็มากพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่านับจากนี้ไป กำนันสุเทพจะไม่กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของนักการเมืองและระบบการเมืองที่เป็นปัญหาของประเทศนี้อีกแล้ว
ที่สำคัญสุเทพประกาศชัดเจนว่า เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่ได้ต่อสู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล และมีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้นถ้าเราไม่ยอมจำนนกับระบอบทักษิณอีกต่อไป ไม่ปล่อยให้เขาแอบอ้างความเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งที่มาจากการเลือกตั้งที่ฉ้อฉลใช้เงินซื้ออำนาจเข้ามาปกครองประเทศแล้วแสวงหาประโยชน์ เราก็ต้องลุกขึ้นออกมาร่วมต่อสู้กับกำนันสุเทพ
ผมไม่อยากให้ภาพการลุกขึ้นสู้ของประชาชนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนเป็นภาพที่สูญเปล่า เราจึงออกมาในวันที่กำนันสุเทพเรียกร้องระดมพลเพียงวันเดียวไม่ได้ แต่เราต้องออกมาหนุนช่วยกันอย่างต่อเนื่องจนกว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะล้มล้างระบอบทักษิณลงได้
ผมเห็นด้วยกับกำนันสุเทพนะครับว่า รัฐบาลยุบสภาฯ หรือลาออกก็ไม่ใช่เป้าหมายของการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะถ้าเราปล่อยให้มีการเลือกตั้งบนกติกาเก่า ระบอบทักษิณที่ใช้เงินซื้อเสียง ซื้อตัว ส.ส. ซื้อพรรคการเมืองก็กลับมามีอำนาจอีก ประเทศก็กลับไปสู่วังวนแบบเก่าอีก
วันนี้ประชาชนแพ้ไม่ได้ กำนันสุเทพแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าเราพ่ายแพ้เราก็ต้องยกประเทศนี้ให้กับทักษิณ แล้วยอมจำนนต่อทักษิณเหมือนคนอีกกลุ่มหนึ่งของประเทศนี้ที่มองเห็นทักษิณเป็นเทพเจ้า และสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย แล้วยอมให้ทักษิณส่งคนโง่คนหนึ่งมาปกครองประเทศ
อย่าไปกังวลเลยครับกับการบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ สิ่งที่กำนันสุเทพกระทำในวันนี้มีความชอบธรรมทั้งสิ้น เพราะกำนันสุเทพกำลังต่อสู้กับรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
วันนี้กำนันสุเทพเทใจเต็มร้อยให้กับประชาชนแล้ว ต้องออกมาร่วมต่อสู้อย่าให้กำนันสุเทพโดดเดี่ยวจนกว่าประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะและโค่นล้มระบอบทักษิณลงได้