xs
xsm
sm
md
lg

"โต้ง"วิ่งยื้อกม.บัตรเครดิต หวังดองให้แท้งเอื้อนายทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส. กทม. รองกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ.... เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้วเสร็จมานานแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาในวาระ 2 และ 3 แต่ที่ผ่านมามีความพยายามเลื่อนการพิจารณาร่างนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และมีความพยายามจะทำให้กฎหมายฉบับนี้แท้งไป เพราะสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจัดเก็บกับผู้ใช้บริการบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบันจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยในลักษณะเอาเปรียบกับประชาชน โดยคิดในอัตราเต็มจำนวนยอดเงิน แม้จะมีการผ่อนจ่ายไปบางส่วนแล้วก็ตาม แต่กฎหมายฉบับนี้จะบังคับให้ผู้ประกอบการบัตรเครดิต คิดดอกเบี้ยได้เฉพาะยอดเงินคงค้างในสิ้นปีเท่านั้น ซึ่งในชั้นกรรมาธิการทุกคนมีความเห็นตรงกันกับการมีกฎหมายฉบับนี้ เพราะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม
แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ส่งจดหมายมายัง นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล ขอให้เลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไป โดยอ้างว่ากระทรวงการคลัง ต้องดำเนินการศึกษาถึงแนวทางการปฏิบัติของการออกหลักเกณฑ์การตรวจสอบและการสั่งการ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตแก้ไขและดำเนินงาน และเพื่อให้การดำเนินการระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นไปอย่างประสิทธิภาพ สอดคล้องกัน
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดวิธีการการคำนวณดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากวิธีการปฏิบัติสากลของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตทั่วโลก จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ ในทางปฏิบัติและผลกระทบที่มีต่อประชาชนและภาคธุรกิจของประเทศโดยรวม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาประเด็นต่างๆ ที่มีการแก้ไขโดยกรรมาธิการวิสามัญอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตสามารถปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพ จึงขอให้วิปรัฐบาล เลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ออกไปก่อน โดยจะแจ้งวันและเวลาต่อไป
“ปกติการพิจารณากฎหมาย จะต้องมีการเสนอในระหว่างพิจารณาเพื่อให้มีการแก้ไขตามมาตรา เพราะกฎหมายฉบับนี้ ผ่านสภาไปแล้ว ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ยับยั้งกฎหมายโดยใช้มือวิปรัฐบาล จะต้องให้มีการประชุมในวาระ 2 และ 3 ในสภา และให้สมาชิกทำการโหวตกันเอง แต่นายกิตติรัตน์ มาเสนอด้วยตนเองต่อที่ประชุม เพราะรู้ว่าจะต้องถูกซักถาม และตอบไม่ได้ การกระทำของนายกิตติรัตน์ พยายามคุ้มครองประโยชน์ของบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมากกว่าประโยชน์ประชาชนทั่วไป และถือเป็นการแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติของฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ปิดหูปิดตา ลักหลับตามไปด้วย นี่คือเบื้องหลังว่าทำไมวิปรัฐบาลถึงพยายามเสนอเลื่อนกฎหมายฉบับอื่นขึ้นมาพิจารณาแทนถึงสามครั้ง จึงเชื่อว่าเจตนาของนายกิตติรัตน์ ตั้งใจจะให้ร่างกฎหมายฉบับนี้แท้งไปในที่สุด ตามความต้องการผู้ประกอบการบัตรเครดิต ที่เชื่อว่ามีการล็อบบี้กันก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภาครั้งหน้า เราจะเสนอให้เลื่อนเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง”นายอรรถวิชช์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น