ASTV ผู้จัดการรายวัน – การเมืองกดดัน ต่างชาติ – สถาบันปรับลดพอร์ต หุ้นไทยปิดลบ 7.63 จุด หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินที่มาส.ว. โบรกเกอร์ระบุยังต้องติดตามท่าทีผู้ชุมนุมทั้ง2ฝ่าย คาดยังผันผวนในขาลงต่อเนื่อง “ไพบูลย์เชื่อปีหน้า บจ.กำไรโตเพิ่ม ชี้ปิโตรเคมีโดดเด่น มั่นใจเม็ดเงินไหลกลับสหรัฐฯไม่ส่งผลกระทบมาก แต่ต่างชาติอาจชะลอลงทุนไทย เพื่อรอให้เหตุการณ์ราบรื่น พร้อมเชื่อแม้2ล้านล้านสะดุด แต่รัฐบาลยังเดินหน้าต่อ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,404.81 จุด ลดลง 7.63 จุด หรือ -0.54% มูลค่าการซื้อขาย 41,697.27 ล้านบาท ภาพรวมของการปรับตัวลดลงยังมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศของนักลงทุน หลังสถานการณ์ส่อแววยืดเยื้อ โดยกลุ่มนปช.และกลุ่มชุมนุมของประชาธิปัตย์ ยังคงตั้งหลักชุมนุมกันอยู่ หลังศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินเรื่องที่มาของสว.ไปแล้ว จึงยังต้องติดตามดูว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่
โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,420.93 จุด และต่ำสุดที่ 1,401.50 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,035.28 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันขายสุทธิ 1,773.15 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไป และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซื้อสุทธิ 5,045.19 ล้านบาท และ 763.24 ล้านบาทตามลำดับ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยว่า ในปี2557 เชื่อว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะดีกว่าปีนี้ หลังพบสัญญาณในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปีนี้ โดยกลุ่มที่น่าจะปรับตัวขึ้นได้มาก คาดว่าคือกลุ่มปิโตรเคมี ที่จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการ และปัจจัยพื้นฐานที่ขยายตัว
ส่วนความกังวลผลกระทบจากเม็ดเงินที่จะไหลกลับสู้สหรัฐฯ หากมีการยกเลิกหรือลดวงเงินในมาตรการQE 3 มองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากตลาดทุนทั่วโลกรับรู้เรื่องดังกล่าวแล้วว่าท้ายที่สุดต้องเกิดเหตุการณ์เม็ดเงินลงทุนไหลออก ซึ่งแต่ละตลาดเชื่อว่าได้เตรียมความพร้อมรองรับในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ขณะเดียวกันมองว่าตลาดหุ้นไทยอิงกับเศรษฐกิจของจีนมากกว่า
สำหรับเหตุการณ์ทางการเมือง มองว่ากระทบภาพรวมเพียงเล็กน้อย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าจะยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน โดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ยังต้องดูท่าทีของผู้สนับทั้ง2ฝ่ายต่อไปก่อนว่าจะมีท่าทีออกมาเช่นไร
“โดยรวมคาดว่าสภาพคล่องในตลาดหุ้นปีหน้าจะลดลงจากมาตรการQE ที่อาจมีการยุติหรือถอนเงินออกไปบ้าง ขณะเดียวกันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ก็มีผลให้ต่างชาติอาจเลี่ยงลงทุนในไทยสักระยะเพื่อรอดูท่าทีและความชัดเจนก่อน ส่วนโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ที่ถูกส.ส.ยื่นคัดค้าน ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลยังเดินหน้าต่อ โดยแม้จะยังไม่มีข้อสรุปในเรื่อง2ล้านล้าน แต่รัฐบาลสามารถนำงบประมาณเบิกจ่ายประจำปี ออกมาลงทุนก่อนได้ จึงเชื่อจะไม่มีปัญหา”
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ กองทุนต่างชาติก็มีการลดพอร์ตการลงทุน ด้วยการขายหุ้นบิ๊กแคปออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(21 พ.ย.) ดัชนีอาจแกว่งตัวไซด์เวย์ในทางลง พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญ หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,350-1,300 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,415 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,404.81 จุด ลดลง 7.63 จุด หรือ -0.54% มูลค่าการซื้อขาย 41,697.27 ล้านบาท ภาพรวมของการปรับตัวลดลงยังมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศของนักลงทุน หลังสถานการณ์ส่อแววยืดเยื้อ โดยกลุ่มนปช.และกลุ่มชุมนุมของประชาธิปัตย์ ยังคงตั้งหลักชุมนุมกันอยู่ หลังศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินเรื่องที่มาของสว.ไปแล้ว จึงยังต้องติดตามดูว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่
โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,420.93 จุด และต่ำสุดที่ 1,401.50 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,035.28 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันขายสุทธิ 1,773.15 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไป และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซื้อสุทธิ 5,045.19 ล้านบาท และ 763.24 ล้านบาทตามลำดับ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยว่า ในปี2557 เชื่อว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะดีกว่าปีนี้ หลังพบสัญญาณในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปีนี้ โดยกลุ่มที่น่าจะปรับตัวขึ้นได้มาก คาดว่าคือกลุ่มปิโตรเคมี ที่จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการ และปัจจัยพื้นฐานที่ขยายตัว
ส่วนความกังวลผลกระทบจากเม็ดเงินที่จะไหลกลับสู้สหรัฐฯ หากมีการยกเลิกหรือลดวงเงินในมาตรการQE 3 มองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากตลาดทุนทั่วโลกรับรู้เรื่องดังกล่าวแล้วว่าท้ายที่สุดต้องเกิดเหตุการณ์เม็ดเงินลงทุนไหลออก ซึ่งแต่ละตลาดเชื่อว่าได้เตรียมความพร้อมรองรับในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ขณะเดียวกันมองว่าตลาดหุ้นไทยอิงกับเศรษฐกิจของจีนมากกว่า
สำหรับเหตุการณ์ทางการเมือง มองว่ากระทบภาพรวมเพียงเล็กน้อย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าจะยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน โดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ยังต้องดูท่าทีของผู้สนับทั้ง2ฝ่ายต่อไปก่อนว่าจะมีท่าทีออกมาเช่นไร
“โดยรวมคาดว่าสภาพคล่องในตลาดหุ้นปีหน้าจะลดลงจากมาตรการQE ที่อาจมีการยุติหรือถอนเงินออกไปบ้าง ขณะเดียวกันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ก็มีผลให้ต่างชาติอาจเลี่ยงลงทุนในไทยสักระยะเพื่อรอดูท่าทีและความชัดเจนก่อน ส่วนโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ที่ถูกส.ส.ยื่นคัดค้าน ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลยังเดินหน้าต่อ โดยแม้จะยังไม่มีข้อสรุปในเรื่อง2ล้านล้าน แต่รัฐบาลสามารถนำงบประมาณเบิกจ่ายประจำปี ออกมาลงทุนก่อนได้ จึงเชื่อจะไม่มีปัญหา”
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ กองทุนต่างชาติก็มีการลดพอร์ตการลงทุน ด้วยการขายหุ้นบิ๊กแคปออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(21 พ.ย.) ดัชนีอาจแกว่งตัวไซด์เวย์ในทางลง พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญ หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,350-1,300 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,415 จุด