00 บางครั้งในบางสถานการณ์ที่เข้าด้ายเข้าเข็มในบรรยากาศตึงเครียด เราก็ได้เห็นตัวตนแท้จริงของคนบางคนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จากที่เคยเห็นพฤติกรรมลักษณะนิสัยสันดานที่เผยออกมาให้เห็นมาก่อนหน้านี้ก็พอสรุปได้ชัดเจน แต่มาคราวนี้ก็ยิ่งเผยให้เห็นตัวตนที่ "น่าขยะแขยง" มากขึ้นไปอีก เพียงแต่ว่าบางครั้งนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่เห็นชัดนาทีนี้คงไม่มีใครเกิน ธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่กำลังพาหน่วยงานดีเอสไอ ดิ่งลงเหว สูญเสียความเลื่อมใสศรัทธาจนย่อยยับ ไม่เหลือความน่าเชื่อถือจากประชาชนได้อีกต่อไปแล้ว และด้วยลักษณะ "ส่วนบุคคล" แบบนี้แหละกลายเป็นว่า "คบไม่ได้" ลักษณะไม่ต่างจากพวก"หน้าซื่อใจคด" พร้อมที่จะ"เปลี่ยนสี" เอาตัวรอดได้ตลอดเวลา
00 จากเดิมที่เคยถูกมองด้วยความชื่นชมในหลักการ สมกับการทำหน้าที่เป็นหัวหน้า"หน่วยงานพิเศษ" เป็นหน่วยงานที่เคยหวังกันว่าจะอำนวยความยุติธรรมให้กับบ้านเมือง ที่เน้นทำเฉพาะคดีใหญ่ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่ต่างจาก เอฟบีไอ ของต่างชาติ แต่กลายเป็นว่าในช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า ธาริต ถูกมองเป็น "คนรับใช้" พาหน่วยงานตกต่ำลงเหว "พลิกดำเป็นขาว" ขาวเป็นดำ ขณะที่คดีที่ทำแทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคดี "กระจอก" เล็กๆ น้อยๆ ไม่มีแก่นสารขาดความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันภาพที่เคยถูก ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ตวาดว่า "ล้ำเส้น" ในความกร่างที่เคยจะออกหมายเรียกไปให้ข้อมูลคดีทุจริตก่อสร้างโรงพักตำรวจ จนต้องรีบกุลีกุจอไปขอโทษถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วทุกอย่างก็เงียบ ไม่กล้าพูดอีกเลย ที่กล่าวแบบนี้ไม่ใช่หมายความว่า คนที่เป็นผบ.ตร.จะดีเด่ อะไรนักหนา เพราะสถานะไม่ได้ต่างกัน นั่นคือ ถูกสังคมมองว่า ทั้งคู่เป็นแค่ "คนรับใช้ระบอบทักษิณ" แต่ขณะเดียวกันในสถานะคนรับใช้ "เกรด" มันก็ย่อมต่างกันด้วย ลองคิดดูแล้วกันว่าคนอย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ นั้นควรเป็นแบบไหน
00 การออกมาเสนอหน้าล่าสุด ด้วยการขู่ดำเนินคดีกับคนที่ "เป่านกหวีดไล่" บอกว่าจะถูกจำคุก และปรับ มันก็ยิ่งแสดงให้เห็น "ธาตุแท้ที่น่าสะอิดสะเอียน" มากขึ้นไปอีก ที่มีข้าราชการประเภทนี้ ทำราวกับว่าชาวบ้านที่ออกมาต่อต้านระบอบทรราช ฉ้อฉล เวลานี้ เป็นกบฎ มันอาจจะใช่เพราะยังถืออำนาจรัฐ แต่ในเมื่อไม่มีความชอบธรรม ไม่ได้รับการยอมรับ ในที่สุดก็ต้องพังทลายวันยังค่ำ และระวังให้ดีข้าราชการประเภทนี้บั้นปลายจะ "ไม่ได้อยู่นอกคุก" และที่สำคัญคำพูดและท่าทีแบบนี้ ขอให้แสดงออกมาบ่อยๆ กว่าเดิมก็แล้วกัน
00 วันที่ 20 พ.ย.ถือเป็นวันสำคัญที่น่าจับตามองอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่ศาลรธน. มีกำหนดพิจารณาประเด็นการแก้ไขรธน.เกี่ยวกับที่มา ส.ว.ว่าขัดกม.หรือไม่ ซึ่งนาทีนี้รับรู้แล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร เริ่มหวั่นไหว นั่งไม่ติด จนต้องระดมคนเสื้อแดงมาตั้งเวทีข่มขู่ อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังไม่อยากคาดเดาว่าศาลจะชี้ออกมาแบบไหน แต่ด้วยความสัตย์ไม่อยากให้ออกมาใน "ทางลบ" นาทีนี้ไม่อยากให้ระบอบทักษิณต้องล้มไปด้วยคำสั่งศาลรธน. เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขที่เครือข่ายทักษิณ นำไปขยายผลว่า "ถูกแกล้ง" อีก ซึ่งตอนนี้กำลังปลุกระดมกันล่วงหน้า แต่ถึงอย่างไรด้วยความที่ทำผิดกม. ที่ปฏิเสธไม่ได้ที่เห็นชัดก็คือการ "กดบัตรลงคะแนนแทนกัน" แบบนี้แหละถือว่า "มิชอบ" จนต้องกลับไปตั้งต้นใหม่ก็ได้
00 สิ่งที่อยากให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ต้องพ้นไปนั่นคือ อยากให้พ้นไปด้วย "พลังประชาชน" มากกว่า ซึ่งเวลานี้กำลังตื่นรู้ขึ้นมามากมายมหาศาล ซึ่งวิธีแบบนี้แหละ "ยั่งยืน" ที่สุด และอยากให้รอดูวันที่ 24 พ.ย.ว่าจะมากันมืดฟ้ามัวดินแค่ไหน ขณะเดียวกัน ก่อนถึงวันนั้นก็อยากให้ แกนนำสำคัญคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงออกให้เห็นถึงการ "เสียสละ" ทางการเมืองให้เป็นรูปธรรมด้วย เพื่อนำไปสู่การ "ปฏิรูปประเทศ" เพื่อทุกคน เป็นการ "เซ็ตซีโร" ของแท้ !!
00 จากเดิมที่เคยถูกมองด้วยความชื่นชมในหลักการ สมกับการทำหน้าที่เป็นหัวหน้า"หน่วยงานพิเศษ" เป็นหน่วยงานที่เคยหวังกันว่าจะอำนวยความยุติธรรมให้กับบ้านเมือง ที่เน้นทำเฉพาะคดีใหญ่ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่ต่างจาก เอฟบีไอ ของต่างชาติ แต่กลายเป็นว่าในช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า ธาริต ถูกมองเป็น "คนรับใช้" พาหน่วยงานตกต่ำลงเหว "พลิกดำเป็นขาว" ขาวเป็นดำ ขณะที่คดีที่ทำแทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคดี "กระจอก" เล็กๆ น้อยๆ ไม่มีแก่นสารขาดความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันภาพที่เคยถูก ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ตวาดว่า "ล้ำเส้น" ในความกร่างที่เคยจะออกหมายเรียกไปให้ข้อมูลคดีทุจริตก่อสร้างโรงพักตำรวจ จนต้องรีบกุลีกุจอไปขอโทษถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วทุกอย่างก็เงียบ ไม่กล้าพูดอีกเลย ที่กล่าวแบบนี้ไม่ใช่หมายความว่า คนที่เป็นผบ.ตร.จะดีเด่ อะไรนักหนา เพราะสถานะไม่ได้ต่างกัน นั่นคือ ถูกสังคมมองว่า ทั้งคู่เป็นแค่ "คนรับใช้ระบอบทักษิณ" แต่ขณะเดียวกันในสถานะคนรับใช้ "เกรด" มันก็ย่อมต่างกันด้วย ลองคิดดูแล้วกันว่าคนอย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ นั้นควรเป็นแบบไหน
00 การออกมาเสนอหน้าล่าสุด ด้วยการขู่ดำเนินคดีกับคนที่ "เป่านกหวีดไล่" บอกว่าจะถูกจำคุก และปรับ มันก็ยิ่งแสดงให้เห็น "ธาตุแท้ที่น่าสะอิดสะเอียน" มากขึ้นไปอีก ที่มีข้าราชการประเภทนี้ ทำราวกับว่าชาวบ้านที่ออกมาต่อต้านระบอบทรราช ฉ้อฉล เวลานี้ เป็นกบฎ มันอาจจะใช่เพราะยังถืออำนาจรัฐ แต่ในเมื่อไม่มีความชอบธรรม ไม่ได้รับการยอมรับ ในที่สุดก็ต้องพังทลายวันยังค่ำ และระวังให้ดีข้าราชการประเภทนี้บั้นปลายจะ "ไม่ได้อยู่นอกคุก" และที่สำคัญคำพูดและท่าทีแบบนี้ ขอให้แสดงออกมาบ่อยๆ กว่าเดิมก็แล้วกัน
00 วันที่ 20 พ.ย.ถือเป็นวันสำคัญที่น่าจับตามองอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่ศาลรธน. มีกำหนดพิจารณาประเด็นการแก้ไขรธน.เกี่ยวกับที่มา ส.ว.ว่าขัดกม.หรือไม่ ซึ่งนาทีนี้รับรู้แล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร เริ่มหวั่นไหว นั่งไม่ติด จนต้องระดมคนเสื้อแดงมาตั้งเวทีข่มขู่ อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังไม่อยากคาดเดาว่าศาลจะชี้ออกมาแบบไหน แต่ด้วยความสัตย์ไม่อยากให้ออกมาใน "ทางลบ" นาทีนี้ไม่อยากให้ระบอบทักษิณต้องล้มไปด้วยคำสั่งศาลรธน. เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขที่เครือข่ายทักษิณ นำไปขยายผลว่า "ถูกแกล้ง" อีก ซึ่งตอนนี้กำลังปลุกระดมกันล่วงหน้า แต่ถึงอย่างไรด้วยความที่ทำผิดกม. ที่ปฏิเสธไม่ได้ที่เห็นชัดก็คือการ "กดบัตรลงคะแนนแทนกัน" แบบนี้แหละถือว่า "มิชอบ" จนต้องกลับไปตั้งต้นใหม่ก็ได้
00 สิ่งที่อยากให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ต้องพ้นไปนั่นคือ อยากให้พ้นไปด้วย "พลังประชาชน" มากกว่า ซึ่งเวลานี้กำลังตื่นรู้ขึ้นมามากมายมหาศาล ซึ่งวิธีแบบนี้แหละ "ยั่งยืน" ที่สุด และอยากให้รอดูวันที่ 24 พ.ย.ว่าจะมากันมืดฟ้ามัวดินแค่ไหน ขณะเดียวกัน ก่อนถึงวันนั้นก็อยากให้ แกนนำสำคัญคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงออกให้เห็นถึงการ "เสียสละ" ทางการเมืองให้เป็นรูปธรรมด้วย เพื่อนำไปสู่การ "ปฏิรูปประเทศ" เพื่อทุกคน เป็นการ "เซ็ตซีโร" ของแท้ !!
