ก่อนหน้าวันที่ 31 ตุลาคม มีเสียงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังขึ้นที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาฟังไม่ บอกว่าการตรากฎหมายเป็นเรื่องของรัฐสภารัฐบาลไม่เกี่ยว ในขณะเดียวกับที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำรัฐบาล นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กล่าวด้วยความเหิมเกริมว่า จะไปให้สุดซอย แล้วลูกพรรคอีกหลายคนก็ขานรับ
“สุดซอย” ในความหมายของพวกเขาก็คือ นิรโทษกรรมกันให้เต็มที่ นิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เสมอบิดาบังเกิดเกล้าของพวกเขาเสียเลย ไม่อ้อมค้อม ไม่ปิดบังอำพรางจากที่เคยโกหกตอแหลกันมาเป็นเวลานานแล้วว่า รัฐบาลนี้ไม่คิดที่จะทำเพื่อคนคนเดียว นายกรัฐมนตรีไม่ได้คิดเพื่อที่จะช่วยพี่ชาย
อาจเพราะพวกเขามั่นใจว่าถึงเวลาที่จะเปิดหน้าได้แล้ว เพราะพวกเขาคือเสียงข้างมากในสภาฯ มีประชาชนเลือกเขาอย่างน้อยก็ 15 ล้านเสียง ใน 2 ปีของการเป็นรัฐบาลพวกเขาได้ทำความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมืองมาหลายเรื่องหลายประเด็น เป็นต้น รับจำนำข้าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างน้อยปีละ 2 แสนล้านบาท ประชาชนก็เฉย เอาเงินภาษีของประชาชนไปเยียวยาพวกที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้พวกเขา 4 ล้านบาทบ้าง 7 ล้านบาทบ้าง ประชาชนก็พร้อมยินดี
เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่จะเปิดหน้า
ที่ไหนได้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่พวกเขาใช้กรรมวิธีในการประชุมอาศัยเสียงข้างมากหนึ่ง อาศัยประธานสภาฯ ที่ทำตัวไม่ต่างกับสุนัขรับใช้อีกหนึ่ง ผ่านการพิจารณาวาระที่ 3 ในคืนเดียวกลายเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนทุกเพศทุกวัย และทุกสาขาอาชีพออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.อุบาทว์นี้
ทันทีที่เจอเข้ากับคลื่นประชามหาชน นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาชี้แจงว่า ประชาชนเข้าใจผิดซึ่งก็เจอกับเสียงตอบโต้ว่า ประชาชนไม่โง่ และไม่ใช่ควาย
นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าขั้นตอนต่อไปของกฎหมายอยู่ที่วุฒิสภา ถ้าหากวุฒิสภาคว่ำร่าง พ.ร.บ.นี้ฝ่ายรัฐบาลก็จะไม่ติดใจ
ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช สนองตอบทันทีว่า วุฒิสภาพร้อมที่จะคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่นายนิคมมีเสียงเดียว นอกจากนี้นายนิคมยังร่นเวลานัดหมายการประชุมจากวันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งก็ทำให้วุฒิสภาส่วนหนึ่งไม่ร่วมมือด้วยเพราะไม่เห็นด้วยกับการทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของผู้เป็นประธาน ทำให้การประชุมล่มไป
นอกเหนือจากการใช้บริการของสุนัขรับใช้ที่เป็นถึงประธานวุฒิสภาแล้ว ยังใช้บริการของสุนัขรับใช้อื่นๆ อีก ทั้งไอ้คนที่มันเคยยึดอำนาจไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อปี 2549 ให้ถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมบ้าง ปรองดองบ้างที่ค้างอยู่ในสภาฯ ออกมา
แล้วก็อ้างกับประชาชนว่า รัฐบาลถอนร่างกฎหมายออกหมดแล้ว ด้วยหวังว่า ประชาชนที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของรัฐบาลจะเชื่อว่า รัฐบาลยอมถอนร่างกฎหมายอุบาทว์ออกไปแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆ ที่จะต้องคัดค้านรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว สมควรที่จะกลับบ้านยอมรับการบริหารของรัฐบาลต่อไป ยอมอยู่ใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ประสีประสาทั้งทางการเมือง ทั้งทางจริยธรรมต่อไป
มันคิดว่าประชาชนเป็นไอ้โง่หรืออีโง่อย่างสมญานามที่พวกมันได้รับ
ประชาชนหาสนใจไม่ นอกจากไม่สนใจแล้วยังโต้กลับว่า รัฐบาลโกหกตอแหล และดูถูกประชาชนเพราะร่างกฎหมาย 6 ฉบับที่บรรดาสุนัขรับใช้ของรัฐบาลไปถอนออกจากสภาฯ นั้น แม้จะเป็นร่างกฎหมายอุบาทว์ไม่แตกต่างไปจากร่างที่มีปัญหารอการพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภาขณะนี้ ไม่เกี่ยวข้องกันเลยกับที่ประชาชนออกมาคัดค้าน
ที่เขาค้านอยู่ขณะนี้คือร่างที่ผ่านวาระที่ 3 จากสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างของนายวรชัย เหมะ ที่กรรมาธิการเปลี่ยนรูปแปรร่างเสียใหม่จากการที่จะนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ร่วมชุมนุมที่ทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นยกเว้นความผิดให้กับคนที่ทุจริตคอร์รัปชัน คนที่ทำผิดกฎหมายอาญา คนที่มันเผาบ้านเผาเมือง และเป็นความผิดตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2556
มันบอกว่า มันถอย ขณะเดียวกับที่มันขึ้นป้ายทั่วประเทศว่า สมควรที่จะให้อภัย เพื่อทักษิณจะได้กลับมาช่วยบ้านเมือง
ใครต้องการความช่วยเหลือจากมัน ที่มันปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติของเราอยู่ขณะนี้ด้วยการส่งน้องสาวโง่ๆ มาบริหารประเทศนี้ให้เกิดความเสียหายยังไม่พออีก เท่าที่มันซึ่งรวยแล้วกอบโกยไปจากประเทศนี้ยังไม่พออีกหรือ
นอกจากขึ้นป้ายมาท้าทายความรู้สึกของประชาชนแล้ว มันยังระดมมวลชนคนเสื้อแดงที่สนับสนุนมันมาท้าทายประชาชนทั้งหลายที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายอุบาทว์นี้อีก ประหนึ่งว่ามันต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง สงครามระหว่างประชาชน
ขณะที่ปากมันบอกว่า ถอยแล้วแต่มันเคลื่อนไหวทุกอย่างที่จะสยบประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจของพวกมันต่อไป เพื่อพวกมันจะได้เสวยอำนาจกอบโกยโกงกินกันต่อไป
มันนึกว่าประชาชนยังคงจะเฉย ยังคงจะทนต่อพฤติกรรมชั่วของพวกมันต่อไป
ฝันไปเถอะ!
“สุดซอย” ในความหมายของพวกเขาก็คือ นิรโทษกรรมกันให้เต็มที่ นิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เสมอบิดาบังเกิดเกล้าของพวกเขาเสียเลย ไม่อ้อมค้อม ไม่ปิดบังอำพรางจากที่เคยโกหกตอแหลกันมาเป็นเวลานานแล้วว่า รัฐบาลนี้ไม่คิดที่จะทำเพื่อคนคนเดียว นายกรัฐมนตรีไม่ได้คิดเพื่อที่จะช่วยพี่ชาย
อาจเพราะพวกเขามั่นใจว่าถึงเวลาที่จะเปิดหน้าได้แล้ว เพราะพวกเขาคือเสียงข้างมากในสภาฯ มีประชาชนเลือกเขาอย่างน้อยก็ 15 ล้านเสียง ใน 2 ปีของการเป็นรัฐบาลพวกเขาได้ทำความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมืองมาหลายเรื่องหลายประเด็น เป็นต้น รับจำนำข้าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างน้อยปีละ 2 แสนล้านบาท ประชาชนก็เฉย เอาเงินภาษีของประชาชนไปเยียวยาพวกที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้พวกเขา 4 ล้านบาทบ้าง 7 ล้านบาทบ้าง ประชาชนก็พร้อมยินดี
เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่จะเปิดหน้า
ที่ไหนได้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่พวกเขาใช้กรรมวิธีในการประชุมอาศัยเสียงข้างมากหนึ่ง อาศัยประธานสภาฯ ที่ทำตัวไม่ต่างกับสุนัขรับใช้อีกหนึ่ง ผ่านการพิจารณาวาระที่ 3 ในคืนเดียวกลายเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนทุกเพศทุกวัย และทุกสาขาอาชีพออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.อุบาทว์นี้
ทันทีที่เจอเข้ากับคลื่นประชามหาชน นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาชี้แจงว่า ประชาชนเข้าใจผิดซึ่งก็เจอกับเสียงตอบโต้ว่า ประชาชนไม่โง่ และไม่ใช่ควาย
นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าขั้นตอนต่อไปของกฎหมายอยู่ที่วุฒิสภา ถ้าหากวุฒิสภาคว่ำร่าง พ.ร.บ.นี้ฝ่ายรัฐบาลก็จะไม่ติดใจ
ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช สนองตอบทันทีว่า วุฒิสภาพร้อมที่จะคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่นายนิคมมีเสียงเดียว นอกจากนี้นายนิคมยังร่นเวลานัดหมายการประชุมจากวันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งก็ทำให้วุฒิสภาส่วนหนึ่งไม่ร่วมมือด้วยเพราะไม่เห็นด้วยกับการทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของผู้เป็นประธาน ทำให้การประชุมล่มไป
นอกเหนือจากการใช้บริการของสุนัขรับใช้ที่เป็นถึงประธานวุฒิสภาแล้ว ยังใช้บริการของสุนัขรับใช้อื่นๆ อีก ทั้งไอ้คนที่มันเคยยึดอำนาจไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อปี 2549 ให้ถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมบ้าง ปรองดองบ้างที่ค้างอยู่ในสภาฯ ออกมา
แล้วก็อ้างกับประชาชนว่า รัฐบาลถอนร่างกฎหมายออกหมดแล้ว ด้วยหวังว่า ประชาชนที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของรัฐบาลจะเชื่อว่า รัฐบาลยอมถอนร่างกฎหมายอุบาทว์ออกไปแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆ ที่จะต้องคัดค้านรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว สมควรที่จะกลับบ้านยอมรับการบริหารของรัฐบาลต่อไป ยอมอยู่ใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ประสีประสาทั้งทางการเมือง ทั้งทางจริยธรรมต่อไป
มันคิดว่าประชาชนเป็นไอ้โง่หรืออีโง่อย่างสมญานามที่พวกมันได้รับ
ประชาชนหาสนใจไม่ นอกจากไม่สนใจแล้วยังโต้กลับว่า รัฐบาลโกหกตอแหล และดูถูกประชาชนเพราะร่างกฎหมาย 6 ฉบับที่บรรดาสุนัขรับใช้ของรัฐบาลไปถอนออกจากสภาฯ นั้น แม้จะเป็นร่างกฎหมายอุบาทว์ไม่แตกต่างไปจากร่างที่มีปัญหารอการพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภาขณะนี้ ไม่เกี่ยวข้องกันเลยกับที่ประชาชนออกมาคัดค้าน
ที่เขาค้านอยู่ขณะนี้คือร่างที่ผ่านวาระที่ 3 จากสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างของนายวรชัย เหมะ ที่กรรมาธิการเปลี่ยนรูปแปรร่างเสียใหม่จากการที่จะนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ร่วมชุมนุมที่ทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นยกเว้นความผิดให้กับคนที่ทุจริตคอร์รัปชัน คนที่ทำผิดกฎหมายอาญา คนที่มันเผาบ้านเผาเมือง และเป็นความผิดตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2556
มันบอกว่า มันถอย ขณะเดียวกับที่มันขึ้นป้ายทั่วประเทศว่า สมควรที่จะให้อภัย เพื่อทักษิณจะได้กลับมาช่วยบ้านเมือง
ใครต้องการความช่วยเหลือจากมัน ที่มันปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติของเราอยู่ขณะนี้ด้วยการส่งน้องสาวโง่ๆ มาบริหารประเทศนี้ให้เกิดความเสียหายยังไม่พออีก เท่าที่มันซึ่งรวยแล้วกอบโกยไปจากประเทศนี้ยังไม่พออีกหรือ
นอกจากขึ้นป้ายมาท้าทายความรู้สึกของประชาชนแล้ว มันยังระดมมวลชนคนเสื้อแดงที่สนับสนุนมันมาท้าทายประชาชนทั้งหลายที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายอุบาทว์นี้อีก ประหนึ่งว่ามันต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง สงครามระหว่างประชาชน
ขณะที่ปากมันบอกว่า ถอยแล้วแต่มันเคลื่อนไหวทุกอย่างที่จะสยบประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจของพวกมันต่อไป เพื่อพวกมันจะได้เสวยอำนาจกอบโกยโกงกินกันต่อไป
มันนึกว่าประชาชนยังคงจะเฉย ยังคงจะทนต่อพฤติกรรมชั่วของพวกมันต่อไป
ฝันไปเถอะ!
