**โดนค่อนแคะกันเยอะว่าดีแต่ปาก ไม่สามารถสลัดคราบผู้ดีลงมาเดินบนท้องถนนแบบเป็นจริงเป็นจังได้ ในที่สุด “เทพเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ก็คลำนกหวีดที่โวเอาไว้ว่าจะเป่ามานานสองนานออกมาเป่าจนได้
ได้ฤกษ์เป่านกหวีดเปิดฉากการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยกันไปแล้วที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขนเอาบรรดา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 50 ชีวิต โหมโรงแต่งดำยืนทะมึนกันขึงขังอยู่ข้างหลังเพื่อลั่นกลองรบ
แถมมีการข่มขวัญกันแบบโหดๆให้รู้ว่า ฝ่ายค้านพร้อมสู้ถวายหัวแบบไม่มีชนักปักหลัง โดยให้รองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบในแต่ละภาคไขก๊อกจากตำแหน่งเพื่อป้องกันการยุบพรรคในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นในรายของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบภาคเหนือ นายอิสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน และนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่กทม.
ประกาศก้องจะค้านแบบสุดลิ่มทิ่มทวาร พร้อมทั้งเชื้อเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกสาขาอาชีพมาร่วมชุมนุมกันที่สถานีรถไฟสามเสน ในวันที่ 31 ตุลาคม นี้กันให้หนาตา
**จะขึ้นรถไฟพุ่งชนรัฐบาลกันหรือไร
กระนั้นก็ตามถือว่าผิดคาดเล็กๆ กับการเคลื่อนพลของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาเร็วกว่ากำหนด หลังก่อนหน้านี้ตัดไม้ข่มนามเอาไว้ว่าจะเป่านกหวีดต่อเมื่อผ่านวาระ 3 เท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพิ่งจะเริ่มเข้าวาระ 2 “เทพเทือก”ก็คว้านกหวีดมาเป่ากันเสียแล้ว
แม้แต่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่รัฐบาลไว้วางใจให้สืบสภาพแนวร่วมฝ่ายตรงข้ามยังออกลูกเบลอกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาก่อนกำหนดในครั้งนี้
**แต่หากมองกันตามสภาพคิวนี้ของพรรคประชาธิปัตย์จริงๆก็ไม่ได้ฉับไวอะไรเป็นพิเศษ ที่ต้องออกมาตีฆ้องร้องป่าวกันเร็วเพราะถูกบีบด้วยเกมของฝั่งนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่มาเหนือเมฆกว่า
ด้วยการลักไก่ ดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอย ที่เพิ่งการหักดิบในผ่านชั้นกรรมาธิการมายังไม่พ้นวัน ยัดเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯเลยทันที โดยมีเวลาให้หายใจหายคอกันแค่ 1- 2 วันเท่านั้น
ทำเอาตั้งตัวกันไม่ติดคิดกันไม่ถึงว่าลิ่วล้อของพ.ต.ท.ทักษิณ จะใจกล้าหน้ามืด อาศัยช่วงที่ประชาชนกำลังไว้อาลัยกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช มาคลอดกฎหมายล้างโกงกันแบบหน้าด้านๆ ไม่ละอายใจตัวเอง
บ่งบอกกันชัดๆ นายใหญ่ อยากกลับบ้านใจแทบขาด เบื่อนั่งตรอมใจอยู่เมืองนอกเต็มแก่แล้ว
ด้วยความมั่นอกมั่นใจในทุกอย่างที่วางไว้หมดแล้วว่าทางโล่ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส.ส.เสื้อแดง ที่ทำออกมาตีโพยตีพาย จะไม่ยกมือสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพราะทนเห็นคนฆ่าพี่น้องประชาชนกำลังจะพ้นความผิดไม่ได้ แต่สุดท้ายอ้าปากเห็นลิ้นไก่ เป็นแค่ละครตบตาหลอกมวลชน เห็นแล้วน่าสมเพชสิ้นดี
เพราะเอาเข้าจริง ส.ส.เสื้อแดง ก็เป็นแค่สมุนผู้จงรักภักดีต่อ “นายใหญ่”ไม่กล้าหืออืออย่างที่ทำปากกล้าขาสั่น ลองฮึดฮัดโหวตสวนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝันไปเถอะว่าจะกล้างัด กล้าลองดี วันนี้ผลประโยชน์ต่างๆ มันมัดตัวจะเดินหลุดออกจากรั้วพรรคเพื่อไทย ก็มีแต่จะแห้งเหี่ยว กลายเป็นเด็กเหลือขอไม่มีทั้งทุนทั้งกำลังคน หรือจะทำอุดมการณ์สูงสุดลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปเลือกตั้งสู้ ก็รับประกันซ่อมฟรีไม่ได้ ส.ส.แม้แต่คนเดียว เห็บสลัดตัวหนีหมาก็มีแต่รอวันตายลูกเดียว
**อยู่กับเงินกับอำนาจ แล้วจะไปอดตายให้โง่ทำไม !!
ขณะที่นักวิชาการและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาดักหน้าดักหลังไม่ให้พิจารณาก็เป็นพวกไม่มีราคา ไม่มีมวลชนจะแหกปากตะโกนร้องก็ไม่ได้มีผลอะไรประเมินแล้วว่าไม่สั่นสะเทือน เหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง
ด้านม็อบฝ่ายต้านบรรดาลิ่วล้อขี้ข้าคงประเมินแล้วว่า หากเล่นเกมเร็วแบบนี้ น่าจะขนมวลชนระดมพลกันมาคัดค้านไม่ทัน เลยชิงจังหวะทีเผลอรีบยัดวาระมาพิจารณากันแบบน่าเกลียดในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ กันเสียเลย
เมื่อ “นายใหญ่”ลุยแหลกกันแบบหน้ามืด นาทีนี้ก็คงต้องหันไปจับตากันที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะวางแผนรบ แก้เกมแก้ทางกันอย่างไร เพราะดูจากจังหวะเป่านกหวีดชุมนุมในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ยังไม่ใช่ประเภทแตกหักวัดใจกันเลย โดยรวมแล้วยังเป็นแค่การส่งสัญญาณตอบโต้คู่ต่อสู้
ลั่นกลองรบให้พรรคเพื่อไทยรับรู้ว่า กำลังฝ่ายต้านที่ถูกประเมินว่าอ่อนแอ และไม่มีปัญญาเขย่ารัฐบาลถือเป็นการคาดคะเนที่ผิดมหันต์ เลยเป่าเรียกระดมพลเฉพาะแค่ในกทม.ให้เห็นกันเลยว่า มีจำนวนไม่น้อยหากดื้อด้านดันทุรังต่อ ยังมีก๊อกสองจากต่างจังหวัดขนมาเพิ่มได้อีกเพียบ
**ประชาธิปัตย์วัดใจเพื่อไทยกล้าหรือไม่!!
กระนั้นก็ตาม เสียงนกหวีดของ “เทพเทือก”รอบนี้ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยขนลุกขนพองได้หรือไม่ เพราะ “นายใหญ่”ก็อยู่ในอาการหน้ามืดตามัว ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม อยากกลับบ้านจนเนื้อตัวสั่นเต็มแก่ วิธีไหนบล็อกม็อบ บล็อกฝ่ายค้านได้ คงมีการวางหมากรับมือกันไว้แล้ว โดยเฉพาะอำนาจรัฐและกฎหมายติดดาบที่คิดว่าจะเอาอยู่
หากพรรคประชาธิปัตย์ยังสู้แบบแทงกั๊ก แค่ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคลาออก เพื่อเป็นการข่มขู่ว่า กล้าสู้แบบถวายหัว หรือการเป่านกหวีดลงมาสู้กันบนถนน ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพ ส.ส.นั้นคงไม่พอ
แต่ต้องลงมาสู้กันแบบเต็มตัว สลัดคราบผู้ดีเสีย แล้วโยนสูท ส.ส.ทิ้งไปขจัดข้อครหาให้คนอื่นสู้แล้วตัวเองได้ดีด้วยการลงมาถือธงนำในฐานะแกนนำประชาชนแบบเต็มขั้น เพื่อท้ารบกับระบอบทักษิณ
ไม่ใช่ห่วงหน้าห่วงหลัง ทั้งงานในสภาและนอกสภาฯ ถ้าทำได้แบบนี้โอกาสได้ใจมวลชนมันก็พอมี
ทว่า หากยังแทงกั๊กแบบเดิมๆ ไม่กล้าได้กล้าเสีย ก็ไม่ต้องไปพึ่งหวังอะไร มวลชนมาฟรี เจ็บฟรีแน่ คงเป็นได้เพียงแมลงสาบที่ไร้ประโยชน์ สังคมรังเกียจ และต้องคอยวิ่งหนีตีนทักษิณเหมือนเดิม
ก็แนะนำให้เอาเวลาไปหาซื้อพรมแดงไว้ปูรอ“น.ช.ทักษิณ”ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับการกลับบ้านกันเลยดีกว่า ฮ่วย!
ได้ฤกษ์เป่านกหวีดเปิดฉากการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยกันไปแล้วที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขนเอาบรรดา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 50 ชีวิต โหมโรงแต่งดำยืนทะมึนกันขึงขังอยู่ข้างหลังเพื่อลั่นกลองรบ
แถมมีการข่มขวัญกันแบบโหดๆให้รู้ว่า ฝ่ายค้านพร้อมสู้ถวายหัวแบบไม่มีชนักปักหลัง โดยให้รองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบในแต่ละภาคไขก๊อกจากตำแหน่งเพื่อป้องกันการยุบพรรคในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นในรายของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบภาคเหนือ นายอิสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน และนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่กทม.
ประกาศก้องจะค้านแบบสุดลิ่มทิ่มทวาร พร้อมทั้งเชื้อเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกสาขาอาชีพมาร่วมชุมนุมกันที่สถานีรถไฟสามเสน ในวันที่ 31 ตุลาคม นี้กันให้หนาตา
**จะขึ้นรถไฟพุ่งชนรัฐบาลกันหรือไร
กระนั้นก็ตามถือว่าผิดคาดเล็กๆ กับการเคลื่อนพลของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาเร็วกว่ากำหนด หลังก่อนหน้านี้ตัดไม้ข่มนามเอาไว้ว่าจะเป่านกหวีดต่อเมื่อผ่านวาระ 3 เท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพิ่งจะเริ่มเข้าวาระ 2 “เทพเทือก”ก็คว้านกหวีดมาเป่ากันเสียแล้ว
แม้แต่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่รัฐบาลไว้วางใจให้สืบสภาพแนวร่วมฝ่ายตรงข้ามยังออกลูกเบลอกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาก่อนกำหนดในครั้งนี้
**แต่หากมองกันตามสภาพคิวนี้ของพรรคประชาธิปัตย์จริงๆก็ไม่ได้ฉับไวอะไรเป็นพิเศษ ที่ต้องออกมาตีฆ้องร้องป่าวกันเร็วเพราะถูกบีบด้วยเกมของฝั่งนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่มาเหนือเมฆกว่า
ด้วยการลักไก่ ดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอย ที่เพิ่งการหักดิบในผ่านชั้นกรรมาธิการมายังไม่พ้นวัน ยัดเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯเลยทันที โดยมีเวลาให้หายใจหายคอกันแค่ 1- 2 วันเท่านั้น
ทำเอาตั้งตัวกันไม่ติดคิดกันไม่ถึงว่าลิ่วล้อของพ.ต.ท.ทักษิณ จะใจกล้าหน้ามืด อาศัยช่วงที่ประชาชนกำลังไว้อาลัยกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช มาคลอดกฎหมายล้างโกงกันแบบหน้าด้านๆ ไม่ละอายใจตัวเอง
บ่งบอกกันชัดๆ นายใหญ่ อยากกลับบ้านใจแทบขาด เบื่อนั่งตรอมใจอยู่เมืองนอกเต็มแก่แล้ว
ด้วยความมั่นอกมั่นใจในทุกอย่างที่วางไว้หมดแล้วว่าทางโล่ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส.ส.เสื้อแดง ที่ทำออกมาตีโพยตีพาย จะไม่ยกมือสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพราะทนเห็นคนฆ่าพี่น้องประชาชนกำลังจะพ้นความผิดไม่ได้ แต่สุดท้ายอ้าปากเห็นลิ้นไก่ เป็นแค่ละครตบตาหลอกมวลชน เห็นแล้วน่าสมเพชสิ้นดี
เพราะเอาเข้าจริง ส.ส.เสื้อแดง ก็เป็นแค่สมุนผู้จงรักภักดีต่อ “นายใหญ่”ไม่กล้าหืออืออย่างที่ทำปากกล้าขาสั่น ลองฮึดฮัดโหวตสวนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝันไปเถอะว่าจะกล้างัด กล้าลองดี วันนี้ผลประโยชน์ต่างๆ มันมัดตัวจะเดินหลุดออกจากรั้วพรรคเพื่อไทย ก็มีแต่จะแห้งเหี่ยว กลายเป็นเด็กเหลือขอไม่มีทั้งทุนทั้งกำลังคน หรือจะทำอุดมการณ์สูงสุดลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปเลือกตั้งสู้ ก็รับประกันซ่อมฟรีไม่ได้ ส.ส.แม้แต่คนเดียว เห็บสลัดตัวหนีหมาก็มีแต่รอวันตายลูกเดียว
**อยู่กับเงินกับอำนาจ แล้วจะไปอดตายให้โง่ทำไม !!
ขณะที่นักวิชาการและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาดักหน้าดักหลังไม่ให้พิจารณาก็เป็นพวกไม่มีราคา ไม่มีมวลชนจะแหกปากตะโกนร้องก็ไม่ได้มีผลอะไรประเมินแล้วว่าไม่สั่นสะเทือน เหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง
ด้านม็อบฝ่ายต้านบรรดาลิ่วล้อขี้ข้าคงประเมินแล้วว่า หากเล่นเกมเร็วแบบนี้ น่าจะขนมวลชนระดมพลกันมาคัดค้านไม่ทัน เลยชิงจังหวะทีเผลอรีบยัดวาระมาพิจารณากันแบบน่าเกลียดในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ กันเสียเลย
เมื่อ “นายใหญ่”ลุยแหลกกันแบบหน้ามืด นาทีนี้ก็คงต้องหันไปจับตากันที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะวางแผนรบ แก้เกมแก้ทางกันอย่างไร เพราะดูจากจังหวะเป่านกหวีดชุมนุมในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ยังไม่ใช่ประเภทแตกหักวัดใจกันเลย โดยรวมแล้วยังเป็นแค่การส่งสัญญาณตอบโต้คู่ต่อสู้
ลั่นกลองรบให้พรรคเพื่อไทยรับรู้ว่า กำลังฝ่ายต้านที่ถูกประเมินว่าอ่อนแอ และไม่มีปัญญาเขย่ารัฐบาลถือเป็นการคาดคะเนที่ผิดมหันต์ เลยเป่าเรียกระดมพลเฉพาะแค่ในกทม.ให้เห็นกันเลยว่า มีจำนวนไม่น้อยหากดื้อด้านดันทุรังต่อ ยังมีก๊อกสองจากต่างจังหวัดขนมาเพิ่มได้อีกเพียบ
**ประชาธิปัตย์วัดใจเพื่อไทยกล้าหรือไม่!!
กระนั้นก็ตาม เสียงนกหวีดของ “เทพเทือก”รอบนี้ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยขนลุกขนพองได้หรือไม่ เพราะ “นายใหญ่”ก็อยู่ในอาการหน้ามืดตามัว ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม อยากกลับบ้านจนเนื้อตัวสั่นเต็มแก่ วิธีไหนบล็อกม็อบ บล็อกฝ่ายค้านได้ คงมีการวางหมากรับมือกันไว้แล้ว โดยเฉพาะอำนาจรัฐและกฎหมายติดดาบที่คิดว่าจะเอาอยู่
หากพรรคประชาธิปัตย์ยังสู้แบบแทงกั๊ก แค่ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคลาออก เพื่อเป็นการข่มขู่ว่า กล้าสู้แบบถวายหัว หรือการเป่านกหวีดลงมาสู้กันบนถนน ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพ ส.ส.นั้นคงไม่พอ
แต่ต้องลงมาสู้กันแบบเต็มตัว สลัดคราบผู้ดีเสีย แล้วโยนสูท ส.ส.ทิ้งไปขจัดข้อครหาให้คนอื่นสู้แล้วตัวเองได้ดีด้วยการลงมาถือธงนำในฐานะแกนนำประชาชนแบบเต็มขั้น เพื่อท้ารบกับระบอบทักษิณ
ไม่ใช่ห่วงหน้าห่วงหลัง ทั้งงานในสภาและนอกสภาฯ ถ้าทำได้แบบนี้โอกาสได้ใจมวลชนมันก็พอมี
ทว่า หากยังแทงกั๊กแบบเดิมๆ ไม่กล้าได้กล้าเสีย ก็ไม่ต้องไปพึ่งหวังอะไร มวลชนมาฟรี เจ็บฟรีแน่ คงเป็นได้เพียงแมลงสาบที่ไร้ประโยชน์ สังคมรังเกียจ และต้องคอยวิ่งหนีตีนทักษิณเหมือนเดิม
ก็แนะนำให้เอาเวลาไปหาซื้อพรมแดงไว้ปูรอ“น.ช.ทักษิณ”ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับการกลับบ้านกันเลยดีกว่า ฮ่วย!