00 ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาแบบนี้จนได้ นั่นคือวันที่ศาลโลกมีกำหนดชี้ชะตาว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารจะตกเป็นของกัมพูชา ฮุนเซน ด้วยหรือไม่ ในเวลาประมาณ 16 .00 น. (เวลาในประเทศไทย) ตามที่มีเจตนาร้องให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ซึ่งฝ่ายไทยมีแต่เสมอกับเสีย ขณะที่ฝ่ายโน้นมันไม่เสี่ยงอะไรเลยมีแต่ได้ คำถามก็คือ ทำไมเราต้องเดินไปตามเกมที่คนพวกนี้กำหนดขีดเส้นให้เดิน ทั้งที่เราสามารถปฏิเสธได่ตั้งแต่ต้น และมีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ความหมายก็คือทำไมเราไม่ปฏิเสธขอบเขตอำนาจของศาลโลกไปตั้งแต่ต้น ทั้งที่เราก็ไม่ได้ต่ออายุภาคีการเป็นสมาชิกของศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2505 หลังจากที่เราพลาดท่าไปยอมรับอำนาจ และเดินเข้าสู่ชะตากรรมอัปยศ จนต้องเสียปราสาทพระวิหาร ทั้งที่พิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์ สันปันน้ำ มันก็ชัดว่าต้องเป็นของไทย หากจะอ้างว่าปราสาทนั้นเป็นศิลปขอมหรือเขมรมันก็อ้างได้ เพราะถ้าอย่างงัั้น ปราสาทเมืองสิงห์ที่ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งปราสาทหินพิมาย ที่โคราช ก็ต้องเป็นของเขมรด้วยอย่างนั้นหรือ
00 ที่ผ่านมาเราพลาดท่ามาตั้งแต่ รัฐบาลปชป. ยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไปบ้าจี้ ยอมรับศาลโลก แทนที่จะปฏิเสธให้ทุกอย่างจบลงไปตั้งแต่ปี 2505 และสงวนสิทธิ์ทวงคืนปราสาทให้กลับมาเป็นของไทยตลอดเวลากลับไม่ทำ กลับมัวแต่ "บ้าน้ำลาย" ดีแต่พูด ขณะที่มาถึงยุค รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ทำอะไร "เดินตามน้ำ" อ้างว่าทุกอย่างเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ไม่มีการแตะต้องขนาดทีมทนายความก็ยังใช้ชุดเดิม เหมือนอย่างที่คนไทยได้เห็นฮือฮากับบทบาทของ ทูตวีรชัย พลาศรัย ที่นำทีมสู้คดีในศาลโลก พร้อมกับทีมทนายสาวสวยคนหนึ่ง แต่คำถาม "สู้เต็มที่แล้ว แต่แพ้" ล่ะจะทำอย่างไร ทั้งที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ก็ยังสามารถชักขาออกมาทัน โดยประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก แล้วประกาศท่าทีให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่ทำ มีแต่ย้ำว่า "ต้องยอมรับศาลโลกตัดสินออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ" และเราต้องเป็นมิตรกับกัมพูชา ต้องรักษาความสัมพันธ์ต่อกัน ทำให้งงกับตรรกะของคนพวกนี้ ทีศาลไทยไม่ค่อยจะยอมรับ แต่ให้ไปยอมรับศาลโลกที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ทุด !!
00 ที่ผ่านมาหากจำกันได้ตอนถึงคิวต้องไปเบิกความคดีในศาลโลก เมื่อตอนต้นปี "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พูดชัดเจนว่าจะไม่เดินทางไปศาล ทั้งที่เป็นถึง รมว.ต่างประเทศ เป็นเรื่องใหญ่ แต่ตัวเองกลับไม่มีท่าทีสนใจ ทำราวกับว่า "จงใจจะให้แพ้" หรือไม่ก็เป็นเพียงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลกัมพูชา กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ กระทบความสัมพันธ์ จนกระทั่งถูกรุมด่ากันเปิดเปิงนั่นแหละถึงได่ยอมเยื้องย่างไปแบบขัดหู ขัดตา และเมื่อสถานการณ์บรรยากาศเปลี่ยน ทีมทนายไทยกลายเป็นฮีโร่ก็เลย "โหนกระแส" กลับมาอย่างน่าไม่อาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังงงอยู่ไม่หาย พอมีผลสำรวจจากโพลบางสำนักก็จะออกมาว่า "มีผลงานด้านการต่างประเทศ" อยู่ในอันดับต้นๆ เออเอากับเขาซี ประเทศไทย
00 มาถึงร่างแก้ไข รธน. ม. 190 ที่รัฐบาลกำลังสั่งให้ "สภาขี้ข้า" เร่งวันเร่งคืนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อประกันความเสี่ยง กลายเป็นว่าเวลานี้ทั้ง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และ นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กำลังแข่งขันทำแต้มไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าถ้าสำเร็จงานนี้ จะเอาอะไรรับรองว่า "ไอ้ขี้ขำ" มันคงไม่ขัดเป็นแน่แท้ เพราะผลที่ได้มันเกินคุ้ม ต่อไปจะเจรจาลงทุนแฝงไปกับการเจรจาในนามรัฐบาล ก็ทำได้สะดวก ไม่ต้องผ่านสภาให้รำคาญหัวใจ ที่สำคัญธุรกิจพลังงานในอ่าวไทยกับฮุนเซน มันก็จะได้เดินหน้าเสียที !!
00 หันมาดูบรรยากาศการชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ กันบ้างหลังจากปักหลักยืนหยัดมาได้นานนับสัปดาห์แล้ว และกำลังไปต่อได้เรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องพิสูจน์ว่าจะ "สุ้กับแรงกดดัน แรงเสียดทาน" จากฝ่ายรัฐได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการใช้ตำรวจเข้ามา ทั้งใช้วิธีข่มขู่ พร้อมกับการเจรจาขอร้อง ซึ่งถือว่าเป็นลูกไม้เก่าๆ อย่างไรก็ดี ถ้ามวลชนสู้ไม่ถอยก็ต้องไม่หวั่นไหว หวังว่า "ทนายนกเขา" นิติธร ล้ำเหลือ คงไม่ไม่หมดแรงไปเสียก่อน อ้าวสู้โว้ย วันนี้พฤหัส พรุ่งนี้ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ กำลังเสริมกำลังมา !!
00 ที่ผ่านมาเราพลาดท่ามาตั้งแต่ รัฐบาลปชป. ยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไปบ้าจี้ ยอมรับศาลโลก แทนที่จะปฏิเสธให้ทุกอย่างจบลงไปตั้งแต่ปี 2505 และสงวนสิทธิ์ทวงคืนปราสาทให้กลับมาเป็นของไทยตลอดเวลากลับไม่ทำ กลับมัวแต่ "บ้าน้ำลาย" ดีแต่พูด ขณะที่มาถึงยุค รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ทำอะไร "เดินตามน้ำ" อ้างว่าทุกอย่างเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ไม่มีการแตะต้องขนาดทีมทนายความก็ยังใช้ชุดเดิม เหมือนอย่างที่คนไทยได้เห็นฮือฮากับบทบาทของ ทูตวีรชัย พลาศรัย ที่นำทีมสู้คดีในศาลโลก พร้อมกับทีมทนายสาวสวยคนหนึ่ง แต่คำถาม "สู้เต็มที่แล้ว แต่แพ้" ล่ะจะทำอย่างไร ทั้งที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ก็ยังสามารถชักขาออกมาทัน โดยประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก แล้วประกาศท่าทีให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่ทำ มีแต่ย้ำว่า "ต้องยอมรับศาลโลกตัดสินออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ" และเราต้องเป็นมิตรกับกัมพูชา ต้องรักษาความสัมพันธ์ต่อกัน ทำให้งงกับตรรกะของคนพวกนี้ ทีศาลไทยไม่ค่อยจะยอมรับ แต่ให้ไปยอมรับศาลโลกที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ทุด !!
00 ที่ผ่านมาหากจำกันได้ตอนถึงคิวต้องไปเบิกความคดีในศาลโลก เมื่อตอนต้นปี "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พูดชัดเจนว่าจะไม่เดินทางไปศาล ทั้งที่เป็นถึง รมว.ต่างประเทศ เป็นเรื่องใหญ่ แต่ตัวเองกลับไม่มีท่าทีสนใจ ทำราวกับว่า "จงใจจะให้แพ้" หรือไม่ก็เป็นเพียงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลกัมพูชา กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ กระทบความสัมพันธ์ จนกระทั่งถูกรุมด่ากันเปิดเปิงนั่นแหละถึงได่ยอมเยื้องย่างไปแบบขัดหู ขัดตา และเมื่อสถานการณ์บรรยากาศเปลี่ยน ทีมทนายไทยกลายเป็นฮีโร่ก็เลย "โหนกระแส" กลับมาอย่างน่าไม่อาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังงงอยู่ไม่หาย พอมีผลสำรวจจากโพลบางสำนักก็จะออกมาว่า "มีผลงานด้านการต่างประเทศ" อยู่ในอันดับต้นๆ เออเอากับเขาซี ประเทศไทย
00 มาถึงร่างแก้ไข รธน. ม. 190 ที่รัฐบาลกำลังสั่งให้ "สภาขี้ข้า" เร่งวันเร่งคืนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อประกันความเสี่ยง กลายเป็นว่าเวลานี้ทั้ง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และ นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กำลังแข่งขันทำแต้มไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าถ้าสำเร็จงานนี้ จะเอาอะไรรับรองว่า "ไอ้ขี้ขำ" มันคงไม่ขัดเป็นแน่แท้ เพราะผลที่ได้มันเกินคุ้ม ต่อไปจะเจรจาลงทุนแฝงไปกับการเจรจาในนามรัฐบาล ก็ทำได้สะดวก ไม่ต้องผ่านสภาให้รำคาญหัวใจ ที่สำคัญธุรกิจพลังงานในอ่าวไทยกับฮุนเซน มันก็จะได้เดินหน้าเสียที !!
00 หันมาดูบรรยากาศการชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ กันบ้างหลังจากปักหลักยืนหยัดมาได้นานนับสัปดาห์แล้ว และกำลังไปต่อได้เรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องพิสูจน์ว่าจะ "สุ้กับแรงกดดัน แรงเสียดทาน" จากฝ่ายรัฐได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการใช้ตำรวจเข้ามา ทั้งใช้วิธีข่มขู่ พร้อมกับการเจรจาขอร้อง ซึ่งถือว่าเป็นลูกไม้เก่าๆ อย่างไรก็ดี ถ้ามวลชนสู้ไม่ถอยก็ต้องไม่หวั่นไหว หวังว่า "ทนายนกเขา" นิติธร ล้ำเหลือ คงไม่ไม่หมดแรงไปเสียก่อน อ้าวสู้โว้ย วันนี้พฤหัส พรุ่งนี้ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ กำลังเสริมกำลังมา !!