ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โจรใต้บุกเผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ "ทรู" ในพื้นที่ยะรัง ตัวเครื่องควบคุมส่งสัญญาณเสียหาย ส่งผลระบบล่มทั้งเมือง ขณะที่ จนท.ใต้เร่งแกะรอยไล่ล่าคนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM พร้อมสั่งเฝ้าระวังธนาคารเข้ม หวั่นโดนซ้ำ ด้านหน่วยงานด้านความมั่นคงแจ้งเตือนพื้นที่ชายแดนใต้ระวังโดนป่วน 12 ต.ค.วันสถาปนาธรรมนูญของขบวนการพูโลใหม่
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (10 ต.ค.) พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัติยะวรานันท์ ผกก.สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดวิทยาการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบทรู บริเวณ ม.3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ในที่เกิดเหตุพบตัวเครื่องควบคุมส่งสัญญาณ สายไฟ และอุปกรณ์ต่างๆ ถูกไฟไหม้เสียหาย ทำให้ระบบใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ ยังพบเศษยางรถยนต์ และกระสอบป่านที่มีร่องรอยน้ำมันเบนซิน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายซึ่งเป็นแนวร่วมในพื้นที่ประมาณ 2-4 คนได้งัดประตูเข้ามา แล้วนำยางรถยนต์มาตั้งไว้บนเครื่องควบคุมและบริเวณสายไฟ ก่อนจะจุดไฟเผาทำลายแล้วหลบหนีไป ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายหวังสร้างสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่
**เฝ้าระวังแบงก์เข้มหลังเหตุป่วนใต้
ด้านบรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เฝ้าระวังเหตุร้ายอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม หลายจุดในเขตเมืองยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐภายหลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสูญเสียหลายรายจากเหตุปะทะในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิเวาส และอยู่ในช่วงวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธ ของกลุ่มบีอาร์เอ็น และวันสถาปนาพูโลใหม่
โดยนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอกำชับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจ ทหาร เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด เน้นย้ำดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณย่านการค้าในเขตเมือง ธนาคาร โชว์รูมรถยนต์ โชว์รูมรถ จยย.บริษัทห้างร้านต่าง ๆในเขตเทศบาลนครยะลา และในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบเข้ามาก่อเหตุร้ายซ้ำรอย
ขณะที่ พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้วิทยุสั่งกำชับและดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนขั้นสูงสุดในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา ย่านการค้า ชุมชน และเส้นทางเข้า-ออก ในเขตเทศบาลเมืองยะลา เน้นการตรวจค้นรถยนต์ และรถ จยย.ทุกคันที่ผ่านเข้าออกตัวเมืองยะลา พร้อมกำชับตำรวจที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมให้ระมัดระวังมากขึ้น และเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา สามารถตอบโต้คนร้ายได้ทันทีหากมีเหตุการณ์
ส่วนเรื่องคดีคนร้ายวางระเบิดป่วนยะลา ได้เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวแล้ว ให้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่สามารถบันทึกภาพของกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เสียรูปคดี
**ระวัง14ต.ค.วันสถาปนาพูโลใหม่
ด้านหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า นอกจากในวันที่ 10 ต.ค.2511 จะเป็นวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธขบวนการ BRN(Bairsan Revolusi Nasional) แล้วในวันที่ 12 ตุลาคม 2532 เป็นวันสถาปนาธรรมนูญของขบวนการ PULO ใหม่ (PATAIN UNITED LIBERTION ORGANIZATION) ด้วย รวมทั้งในวันที่ 20 ต.ค.2556 ที่จะถึงนี้จะเป็นวันพูดคุยสันติภาพอีกครั้งระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับนายฮัซซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในการก่อเหตุพร้อมกันในครั้งนี้เพื่อแสดงกำลัง และแสดงศักยภาพว่าทางขบวนการบีอาร์เอ็นยังมีกองกำลังที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ จ.สงขลา บางส่วน เพื่อหวังผลการต่อรองในการพูดคุยสันติภาพกับทาง สมช.ที่ประเทศมาเลเซีย จึงใช้โอกาสในวันครบรอบดังกล่าวก่อเหตุร้าย เพื่อแสดงศักยภาพ ทั้งการลอบวางระเบิด และลอบวางเพลิง
"ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ ในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็นวันสัญลักษณ์ของกลุ่มพูโลใหม่ ที่อาจจะมีการปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อีกครั้ง" หน่วยข่าว ระบุ
**เร่งแกะรอยCCTVบึ้มตู้ATMนราฯ
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงไทย 5 จุด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสนั้น พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม และเสาไฟฟ้าใกล้เคียงทั้ง 5 จุด พบว่ากล้องวงจรปิดแต่ละจุดสามารถบันทึกภาพพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้เอาไว้ได้ ซึ่งแต่ละจุดมีคนร้ายร่วมก่อเหตุจุดละ 2 คน รวม 10 คน โดยใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ และในระหว่างก่อเหตุคนร้ายจะสวมหมวกกันน็อกเพื่ออำพรางใบหน้า
ในระหว่างที่คนร้ายซึ่งทำหน้าที่ขี่รถ จยย.ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายนำระเบิดไปวางไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ยังได้ใช้มือบีบคันเบรกทำให้ไฟท้ายที่ส่องแผ่นป้ายทะเบียนมีแสงสว่างจ้า ภาพวงจรปิดไม่สามารถบันทึกแผ่นป้ายทะเบียนของรถ จยย.ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุในครั้งนี้ได้ชัดเจนนัก ต้องรอผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เอาภาพวงจรปิดต้นฉบับไปเข้าขบวนการด้านเทคนิค เพื่อให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
ในการแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุด้วยแผ่นป้ายทะเบียนของรถ จยย.ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงสามารถทราบว่ารถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุในแต่ละจุดใครเป็นผู้ครอบครอง เพื่อขยายผลไปสู่การเชิญตัวมาสอบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีดังกล่าวนี้ต่อไป
**ได้ภาพผู้ต้องสงสัยบึ้มATMสงขลา
ส่วนทางด้านความคืบหน้าลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 3 จุดใน 3 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ประกอบด้วยตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารออมสินใน อ.เทพา ตู้เอ็มทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพฯใน อ.นาทวี และตู้เอ็มทีเอ็มของธนาคาร ธกส.ใน อ.สะบ้าย้อยนั้น จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 จุดเจ้าหน้าที่พอทราบเบาะแสของกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินภายในปั้มน้ำมันปตท.บ้านสวรรค์ ม.2 ต.สะกอม อ.เทพา ซึ่งค่อนข้างชัดเจน
โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยแต่งกายด้วยชุดผู้หญิงอิสลามสีดำ สวมฮิญาบปิดบังใบหน้ามิดชิด แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวมา รวมทั้งเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯ หน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี ซึ่งได้ภาพชายต้องสงสัยสองคนที่ขับรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงสีดำ ผ่านบริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี หน้าสำนักงานเทศบาลนาทวีนอก และหน้าขุนสองวังรีสอร์ ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น
พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายละเอียด และนำไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติแนวร่วมทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าใกล้เคียงกับใครบ้าง โดยเฉพาะ นายอับดุลตอเละ กาสอ อายุ 41 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 53/1 ม.3 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีลอบวางระเบิดร้านน้ำชาใน อ.นาทวี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา และมีประวัติถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงติดตัวถึง 13 คดี และจะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าคดีอีกครั้งในวันนี้
**ประยุทธ์” ชี้ หวังกดดันทหารรับข้อเสนอ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า เขาทำทุกครั้ง เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งในเดือนนี้มีวันสำคัญของผู้ก่อความไม่สงบมากมาย ซึ่งเขายกเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อสร้างแรงกดดันให้เรา และให้รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ ตนจึงพยายามไม่ให้เขามีตัวตน เพราะจะได้เริ่มต้นกันใหม่ให้ดีที่สุด เขาก่อเหตุเพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารให้รู้ว่าวันนี้มีเหตุการณ์อะไร ซึ่งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ทำงานอย่างเต็มที่ แต่จะให้ไปอยู่ทุกที่หรือทุกถนนนั้นเป็นไปไม่ได้ จึงได้ให้อาสาสมัคร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) รับผิดชอบเป็นพื้นที่ ทั้งนี้ตนไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ลุโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ถูกวางเพลิง ว่า รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้ นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้บริหารเขตบริการสุขภาพที่ 12 ลงไปติดตามให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์เหมือนเดิมโดยเร็วที่สุดแล้ว และดูแลขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่ง รพ.สต.ลุโบะสาวอ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการประจำการ 9 ราย
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (10 ต.ค.) พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัติยะวรานันท์ ผกก.สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดวิทยาการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบทรู บริเวณ ม.3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ในที่เกิดเหตุพบตัวเครื่องควบคุมส่งสัญญาณ สายไฟ และอุปกรณ์ต่างๆ ถูกไฟไหม้เสียหาย ทำให้ระบบใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ ยังพบเศษยางรถยนต์ และกระสอบป่านที่มีร่องรอยน้ำมันเบนซิน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายซึ่งเป็นแนวร่วมในพื้นที่ประมาณ 2-4 คนได้งัดประตูเข้ามา แล้วนำยางรถยนต์มาตั้งไว้บนเครื่องควบคุมและบริเวณสายไฟ ก่อนจะจุดไฟเผาทำลายแล้วหลบหนีไป ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายหวังสร้างสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่
**เฝ้าระวังแบงก์เข้มหลังเหตุป่วนใต้
ด้านบรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เฝ้าระวังเหตุร้ายอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม หลายจุดในเขตเมืองยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐภายหลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสูญเสียหลายรายจากเหตุปะทะในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิเวาส และอยู่ในช่วงวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธ ของกลุ่มบีอาร์เอ็น และวันสถาปนาพูโลใหม่
โดยนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอกำชับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจ ทหาร เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด เน้นย้ำดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณย่านการค้าในเขตเมือง ธนาคาร โชว์รูมรถยนต์ โชว์รูมรถ จยย.บริษัทห้างร้านต่าง ๆในเขตเทศบาลนครยะลา และในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบเข้ามาก่อเหตุร้ายซ้ำรอย
ขณะที่ พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้วิทยุสั่งกำชับและดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนขั้นสูงสุดในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา ย่านการค้า ชุมชน และเส้นทางเข้า-ออก ในเขตเทศบาลเมืองยะลา เน้นการตรวจค้นรถยนต์ และรถ จยย.ทุกคันที่ผ่านเข้าออกตัวเมืองยะลา พร้อมกำชับตำรวจที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมให้ระมัดระวังมากขึ้น และเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา สามารถตอบโต้คนร้ายได้ทันทีหากมีเหตุการณ์
ส่วนเรื่องคดีคนร้ายวางระเบิดป่วนยะลา ได้เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวแล้ว ให้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่สามารถบันทึกภาพของกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เสียรูปคดี
**ระวัง14ต.ค.วันสถาปนาพูโลใหม่
ด้านหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า นอกจากในวันที่ 10 ต.ค.2511 จะเป็นวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธขบวนการ BRN(Bairsan Revolusi Nasional) แล้วในวันที่ 12 ตุลาคม 2532 เป็นวันสถาปนาธรรมนูญของขบวนการ PULO ใหม่ (PATAIN UNITED LIBERTION ORGANIZATION) ด้วย รวมทั้งในวันที่ 20 ต.ค.2556 ที่จะถึงนี้จะเป็นวันพูดคุยสันติภาพอีกครั้งระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับนายฮัซซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในการก่อเหตุพร้อมกันในครั้งนี้เพื่อแสดงกำลัง และแสดงศักยภาพว่าทางขบวนการบีอาร์เอ็นยังมีกองกำลังที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ จ.สงขลา บางส่วน เพื่อหวังผลการต่อรองในการพูดคุยสันติภาพกับทาง สมช.ที่ประเทศมาเลเซีย จึงใช้โอกาสในวันครบรอบดังกล่าวก่อเหตุร้าย เพื่อแสดงศักยภาพ ทั้งการลอบวางระเบิด และลอบวางเพลิง
"ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ ในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็นวันสัญลักษณ์ของกลุ่มพูโลใหม่ ที่อาจจะมีการปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อีกครั้ง" หน่วยข่าว ระบุ
**เร่งแกะรอยCCTVบึ้มตู้ATMนราฯ
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงไทย 5 จุด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสนั้น พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม และเสาไฟฟ้าใกล้เคียงทั้ง 5 จุด พบว่ากล้องวงจรปิดแต่ละจุดสามารถบันทึกภาพพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้เอาไว้ได้ ซึ่งแต่ละจุดมีคนร้ายร่วมก่อเหตุจุดละ 2 คน รวม 10 คน โดยใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ และในระหว่างก่อเหตุคนร้ายจะสวมหมวกกันน็อกเพื่ออำพรางใบหน้า
ในระหว่างที่คนร้ายซึ่งทำหน้าที่ขี่รถ จยย.ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายนำระเบิดไปวางไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ยังได้ใช้มือบีบคันเบรกทำให้ไฟท้ายที่ส่องแผ่นป้ายทะเบียนมีแสงสว่างจ้า ภาพวงจรปิดไม่สามารถบันทึกแผ่นป้ายทะเบียนของรถ จยย.ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุในครั้งนี้ได้ชัดเจนนัก ต้องรอผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เอาภาพวงจรปิดต้นฉบับไปเข้าขบวนการด้านเทคนิค เพื่อให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
ในการแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุด้วยแผ่นป้ายทะเบียนของรถ จยย.ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงสามารถทราบว่ารถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุในแต่ละจุดใครเป็นผู้ครอบครอง เพื่อขยายผลไปสู่การเชิญตัวมาสอบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีดังกล่าวนี้ต่อไป
**ได้ภาพผู้ต้องสงสัยบึ้มATMสงขลา
ส่วนทางด้านความคืบหน้าลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 3 จุดใน 3 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ประกอบด้วยตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารออมสินใน อ.เทพา ตู้เอ็มทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพฯใน อ.นาทวี และตู้เอ็มทีเอ็มของธนาคาร ธกส.ใน อ.สะบ้าย้อยนั้น จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 จุดเจ้าหน้าที่พอทราบเบาะแสของกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินภายในปั้มน้ำมันปตท.บ้านสวรรค์ ม.2 ต.สะกอม อ.เทพา ซึ่งค่อนข้างชัดเจน
โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยแต่งกายด้วยชุดผู้หญิงอิสลามสีดำ สวมฮิญาบปิดบังใบหน้ามิดชิด แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวมา รวมทั้งเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯ หน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี ซึ่งได้ภาพชายต้องสงสัยสองคนที่ขับรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงสีดำ ผ่านบริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี หน้าสำนักงานเทศบาลนาทวีนอก และหน้าขุนสองวังรีสอร์ ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น
พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายละเอียด และนำไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติแนวร่วมทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าใกล้เคียงกับใครบ้าง โดยเฉพาะ นายอับดุลตอเละ กาสอ อายุ 41 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 53/1 ม.3 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีลอบวางระเบิดร้านน้ำชาใน อ.นาทวี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา และมีประวัติถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงติดตัวถึง 13 คดี และจะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าคดีอีกครั้งในวันนี้
**ประยุทธ์” ชี้ หวังกดดันทหารรับข้อเสนอ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า เขาทำทุกครั้ง เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งในเดือนนี้มีวันสำคัญของผู้ก่อความไม่สงบมากมาย ซึ่งเขายกเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อสร้างแรงกดดันให้เรา และให้รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ ตนจึงพยายามไม่ให้เขามีตัวตน เพราะจะได้เริ่มต้นกันใหม่ให้ดีที่สุด เขาก่อเหตุเพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารให้รู้ว่าวันนี้มีเหตุการณ์อะไร ซึ่งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ทำงานอย่างเต็มที่ แต่จะให้ไปอยู่ทุกที่หรือทุกถนนนั้นเป็นไปไม่ได้ จึงได้ให้อาสาสมัคร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) รับผิดชอบเป็นพื้นที่ ทั้งนี้ตนไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ลุโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ถูกวางเพลิง ว่า รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้ นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้บริหารเขตบริการสุขภาพที่ 12 ลงไปติดตามให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์เหมือนเดิมโดยเร็วที่สุดแล้ว และดูแลขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่ง รพ.สต.ลุโบะสาวอ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการประจำการ 9 ราย