ASTVผู้จัดการรายวัน-รัฐบาลวิตกจริต งัดกฎหมายมั่นคงคุมม็อบ 10 วัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 เขต ป้อมปราบ ดุสิต พระนคร อ้างกลัวบานปลาย และกลัวเสียหน้าช่วงนายกฯ จีนเยือนไทย กลุ่ม 40 สว. จ่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอาผิด ครม. ผิดมาตรา 63 กลุ่มโค่นแม้วยันไม่คืนพื้นที่ ประกาศปักหลักสู้ต่อ ด้านศอ.รส. สั่งเสริมกำลังตำรวจ แถมมีคอมมานโดร่วมคุม จ่อเตะตัดขา ยื่นศาลถอนประกันแกนนำ
วานนี้ (9 ต.ค.) เวลา 08.30 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เรียกพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตัวแทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ต.ท.ธวัช บุญเฟือง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ทำการปิดถนนพิษณุโลก มาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
เวลา10.30 น. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเล็ก ที่มี พล.ต.อ.ประชา เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ พล.ต.อ.อดุลย์ พล.ต.ท.สฤษฏ์ชัย พล.ท.ภราดร นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้ประกาศพื้นที่การรักษาความมั่นคงภายตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งแต่วันที่ 9-18 ต.ค.2556 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
โดยให้พื้นที่ประกาศตามพ.ร.บ.ความมั่นคงมี 3เขต ในพื้นที่กทม. คือ เขตดุสิต 2แขวง ได้แก่ แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตพระนคร 5แขวง ได้แก่ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถมและแขวงบางขุนพรหม และสุดท้ายเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 1แขวง ได้แก่ แขวงโสมนัส
และแต่งตั้งพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยศูนย์บัญชาการอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
ขณะที่แผนปฏิบัติการจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยขั้นแรกจะมีการติดประกาศให้ผู้ชุมนุมได้ทราบ สกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาเพิ่มเติม และจะมีการกำหนดเส้นตายให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งจะมีการตัดน้ำ ตัดไฟ ซึ่งฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่าอย่างน้อยวันที่ 10 ต.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางออกจากพื้นที่
อนึ่งระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค.2556 นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือข้อราชการกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ด้านการข่าว ได้ประเมินสถานการณ์พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเคยมีการชุมนุมลักษณะนี้ และมีการขยายผลมาแล้ว ซึ่งเกรงจะเกิดความไม่สงบเกิดขึ้น และลำพังกฎหมายปกติคงไม่เพียงพอ เพราะคาดว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อ ประกอบกับจะมีกำหนดการของนายกรัฐมนตรีจีนที่จะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม
***จ่อยื่นศาลเพิกถอนประกัน5แกนนำ
จากนั้นเวลา 18.00 น. ที่ ศอ.รส. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศอ.รส. แถลงว่า วันนี้ตำรวจจะเข้าประจำจุดเบื้องต้นกำลัง 30กองร้อย และสั่งเตรียมพร้อมเคลื่อนเข้าเสริมอีก 50กองร้อย โดยหลักการใช้กำลังจะเป็นไปตามกฎหมาย และยังไม่มีประกาศ ศอ.รส. เพื่อปิดเส้นทางจราจร หรือกำหนดพื้นที่ห้ามเข้า ประชาชนยังใช้เส้นทางสัญจรตามปกติจนกว่าจะออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ เบื้องต้นพบว่า แกนนำผู้ชุมนุมที่ติดเงื่อนไขการให้ประกันของศาล หรือเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมครั้งนี้ มากกว่า 5 คน โดยอยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาพฤติการณ์ของคนเหล่านี้ให้รอบคอบว่าเข้าข่ายควรเพิกถอนการประกันตัวหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายจะยื่นให้ศาลพิจารณาต่อไป โดยการชุมนุมครั้งนี้ ตำรวจบันทึกภาพไว้หมดและยังได้เพิ่มการตั้งด่านตรวจค้นด้วย
***กองปราบส่งคอมมานโดคุมม็อบ
ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.ได้สั่งการ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.นำกำลังตำรวจคอมมานโด บก.ป.รวม 120 นาย ร่วมปฏิบัติภารกิจในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของ กปท. บริเวณพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยมีการประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยปราบจลาจล (ปจ.) ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่และจะมีการผลัดเวรสลับสับเปลี่ยนกัน หลังจากมวลชนกลุ่ม กปท.ยังคงยืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมกันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี ผบก.ภ.จว.น่าน ได้ส่งชุดควบคุมฝูงชนตำรวจภูธรจังหวัดน่าน 1 กองร้อย 188 นาย พร้อมอุปกรณ์ปราบจลาจลเต็มรูปแบบ และของใช้ส่วนตัว เครื่องยังชีพที่สามารถอยู่ได้อย่างน้อย 7 วัน ไปสนับสนุนการรักษาความความสงบ ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองที่กรุงเทพฯ ส่วนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งชุดควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย ตรึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมให้กองร้อยชุดควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 2 และกองร้อยที่ 3 มาประจำอยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อเตรียมเสริมกำลัง หากผู้บังคับบัญชาสั่งการ ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งกำลังพล 2 กองร้อย 315 นาย ร่วมดูแลรักษาความสงบทำเนียบรัฐบาล
**กลุ่ม40ส.ว. ขู่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขัด ม.63
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 กล่าวว่า หากรัฐบาลมีมติประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม บริเวณทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่กำหนดให้บุคคลมีเสรีภาพในการชุมนุมได้อย่างสงบและปราศจาคอาวุธ จะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวทันที ซึ่งตนและคณะเตรียมที่จะยื่นเอาผิด ครม. ชุดที่อนุมัติกับศาลรัฐธรรมนูญ
นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ต้องระมัดระวังการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุม อาจถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตและเป็นการกีดขวางการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของประชาชนตามาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ 50 และต้องไม่ลืมว่าไทยมีพันธะกรณีระหว่างประเทศที่จะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบในฐานะรัฐภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
**กปท.ประกาศปักหลักสู้ต่อ
อีกด้านบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้า พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.)พร้อมด้วย พ.ต.ท.จารุภัทร ทองโกมล รองผู้กำกับสืบสวนสอบสวนถานีตำรวจนครบาลดุสิต (รองผกก.สส.สน.ดุสิต) พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (รองผบก.น.6.) เข้าเจรจากับคณะเสนาธิการร่วมกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอกทักษิณ (กปท.) นำโดย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เพื่อขอให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ฝั่ง ถ.พิษณุโลกที่มีการปักหลักชุมนุมในขณะนี้ เนื่องจากในวันที่ 11 ต.ค. นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับจะเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตาม การเจรจาจบด้วยฝ่าย กปท. ยืนยันว่าชุมนุมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และจะปักหลักชุมนุมเช่นเดิม แต่หากรัฐบาลมีความกังวลใจในเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศ ก็พร้อมที่จะดูแลพื้นที่การชุมนุมให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ทั้งนี้ ยังขอให้ภาครัฐหยุดบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กรณีที่มีการติดป้ายทุกเส้นทางรอบทำเนียบรัฐบาลที่มีข้อความระบุว่า "กองทัพธรรมชุมนุมปิดถนน" ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้นำแผงกั้นเหล็กและกองกำลังมาปิดล้อมพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมไว้ และยังพยายามที่จะเคลื่อนกำลังเข้ามาเพื่อล้อมกรอบผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มองว่าตำรวจเป็นศัตรู แต่ปัญหาคือรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา15.00น. ภายหลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง การชุมนุมยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ชุมนุมได้กระจายตัวกันเป็นกลุ่มๆ ในพื้นที่ชุมนุมบริเวณ ถ.พิษณุโลก ทั้งฝั่งสำนักงาน กพ. และฝั่งทำเนียบรัฐบาล และบางส่วนยังคงฟังปราศรัยที่หน้าเวทีประตู 3 และมีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาร่วมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดยนายไทยกร กล่าวว่า ผู้ชุมนุมไม่ได้ปิดถนนตั้งแต่แรก ถ้าอยากได้พื้นที่ถนนก็เอาคืนไป แต่เรายังคงปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป และขอยืนยันว่าที่นี่ไม่มีมือที่สาม มีแต่คนของรัฐบาลที่จะมาสร้างสถานการณ์เอง ซึ่งเราไม่ได้มาล้มรัฐบาล แต่ต้องการให้รัฐบาลรับผิดชอบ ทั้งนี้ กำลังหารือกับฝ่ายกฎหมายเพื่อฟ้องร้องต่อศาลปกครองและศาลกรณีรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยมิชอบ ซึ่งถือเป็นการริดรอนสิทธิประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
วันเดียวกันที่เพจเฟซบุ๊กชื่อเสนาธิการกองทัพประชาธรรม ดูแลโดยพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี หนึ่งในคณะเสนาธิการร่วมได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กกรณีรัฐบาลต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ว่า “โปรดได้ช่วยกันแชร์ครับ เผื่อว่าโพสต์นี้จะหลุดไปถึงนายกรัฐมนตรีจีน เพื่อให้ท่านระงับการเยือนไทยครับ”
**แดงประสานเสียงอย่าวางใจอาถรรพ์ 8 ต.ค.
ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ผ่านวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่คนบางกลุ่มคิดว่าเป็นวันที่รัฐบาลอ่อนแอที่สุดมาได้แล้ว สิ่งที่คนเหล่านั้นทำได้เท่าที่เราเห็น คือ การไปชุมนุมปิดถนน ยึดพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล นปช.ก็หวังว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างเหมาะสม ส่วนกรณีที่กลุ่มสภาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (สปท.) กับ กลุ่ม 40 ส.ว.ที่อาจมองว่า 8 ต.ค. ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงการนัดหมายครั้งใหม่ในวันที่ 13 ต.ค. รัฐบาลและ นปช. จึงต้องเฝ้าจับตามอง อย่าได้ประมาทเป็นเด็ดขาด
ทั้งนี้ ในวันที่ 12 ต.ค. นี้ อยากเชิญชวนให้ นปช. ทุกคนมาร่วมฟังปราศรัย “เวทีสุภาพชนคนรักประชาธิไตยครั้งที่ 3” ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมืองตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ส่วนในวันที่ 13 ต.ค. ก็ขอเชิญชวนไปร่วมพิธีวางพวงมาลาไว้อาลัยแด่วีรชน 14 ต.ค.ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป