ASTVผู้จัดการรายวัน-อคส.ประกาศทีโออาร์หาผู้ผลิตข้าวถุงรวมใจ กำหนดให้ยื่นซอง 14 ต.ค.นี้ คาดก่อนสิ้นเดือนมีวางขายแน่ ส่วนข้าวถุงถูกใจ เหลือสต๊อกตกค้างแค่ 8 แสนถุง กำลังหาทางระบายออก “นิวัฒน์ธำรง” ยันโครงการจำนำต้องเดินหน้าต่อ คลังต้องหาเงินมาใส่ โต้ธนาคารโลกไม่เจ๊งสูงถึง 4 แสนล้าน
นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการข้าวสารบรรจุถุงเพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง และลดค่าครองชีพผู้บริโภค หรือข้าวถุงรวมใจ จำนวน 2 แสนตัน ว่า ขณะนี้ อคส.ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์เพื่อหาผู้ประกอบการรับจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงๆ ละ 5 กิโลกรัม (กก.) แล้ว
โดยให้ยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 14 ต.ค.2556 ก่อนเที่ยง และจะเปิดซองในช่วงบ่ายวันเดียวกัน รวมทั้งกำลังอยู่ระหว่างการประกาศทีโออาร์หาผู้รับกระจายข้าวสารบรรจุถุงดังกล่าวไปให้กับผู้ซื้อที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ เช่น ร้านถูกใจ ร้านโชว์สวย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายข้าวถุงรวมใจได้ภายในเดือนต.ค.นี้
สำหรับการสั่งซื้อข้าวถุงรวมใจ อคส. ได้ลงนามว่าจ้างให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นจุดรับคำสั่งซื้อ (คอล เซ็นเตอร์) จากร้านค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ โดยให้รวบรวมคำสั่งซื้อทั้งหมดและส่งมายัง อคส. จากนั้น อคส. จะสั่งให้ผู้ปรับปรุงข้าวสารผลิตข้าวสารบรรจุถุง เพื่อป้องกันปัญหาสต๊อกตกค้าง และในการจัดส่งถึงร้านค้า คาดว่าจะไม่เกิน 10 วัน
แต่หากพื้นที่ใกล้ก็จะเร็วกว่าที่กำหนด
ส่วนการป้องกันปัญหาข้าวสารบรรจุถุงเสื่อมสภาพ จะมีการกำหนดระยะเวลาส่งมอบสินค้า และกระจายสินค้า หลังจากที่ผลิตเสร็จแล้ว ซึ่งเบื้องต้นน่าจะไม่เกิน 2 เดือน
ทั้งนี้ ข้าวถุงรวมใจดังกล่าว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้นำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 แสนตันมาผลิตบรรจุถุง ซึ่งจะได้ประมาณ 40 ล้านถุง (ถุง 5 กก.) จำหน่ายในราคาถุงละ 85 บาท มีระยะเวลา 1 ปี แต่หากมีความต้องการเพิ่มกว่าที่อนุมัติไป ก็สามารถเสนอขออนุมัติข้าวสารเพื่อจัดทำเพิ่มเติมได้
นายชนุตร์ปกรณ์กล่าวว่า กรณีข้าวถุงถูกใจ ที่มีข่าวว่ามียอดตกค้างสูงถึง 73 ล้านถุงนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมียอดคงเหลือเพียงแค่ 8 แสนถุงที่ยังระบายออกไม่หมด โดยแบ่งเป็นยอด 3 แสนถุง ที่รอการระบาย และอีก 5 แสนถุง อยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงและรอส่งมอบให้รัฐ ซึ่ง อคส. และกรมการค้าภายใน
กำลังหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรกับข้าวถุงที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งมีหลายๆ แนวทาง ทั้งการนำกลับมาปรับปรุงและบรรจุถุงใหม่ แต่ในที่สุดแล้ว จะต้องหาทางระบายออกให้หมด
“การเก็บข้าวถุงไว้นาน อาจจะมีปัญหาเกิดมอดขึ้นได้ เพราะในขั้นตอนการบรรจุไม่มีมอดก็จริง แต่อาจจะมีไข่มอดตกค้างอยู่ พอเก็บไว้ระยะหนึ่ง อาจจะเกิดเป็นตัวมอดขึ้นได้ ซึ่งจะไปดูว่า ข้าวถุงถูกใจ ที่ทำเสร็จแล้ว คุณภาพเป็นอย่างไร ถ้ามีปัญหา ก็คงต้องนำไปปรับปรุงใหม่ ตอนนี้ ยังหารือกันอยู่ คงได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้”
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวต้องเดินหน้าต่อไป กระทรวงการคลังต้องหาเงินมาให้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตั้งไว้ 2.7 แสนล้านบาท ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินส่งคืน โดยล่าสุดได้ส่งเงินคืนแล้ว 1.6 แสนล้านบาท ยังเหลือข้าวในสต๊อกอีก จึงยังปิดบัญชีไม่ได้ โดย 2 ปี ใช้เงินจำนำปีละ 3.3
นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการข้าวสารบรรจุถุงเพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง และลดค่าครองชีพผู้บริโภค หรือข้าวถุงรวมใจ จำนวน 2 แสนตัน ว่า ขณะนี้ อคส.ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์เพื่อหาผู้ประกอบการรับจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงๆ ละ 5 กิโลกรัม (กก.) แล้ว
โดยให้ยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 14 ต.ค.2556 ก่อนเที่ยง และจะเปิดซองในช่วงบ่ายวันเดียวกัน รวมทั้งกำลังอยู่ระหว่างการประกาศทีโออาร์หาผู้รับกระจายข้าวสารบรรจุถุงดังกล่าวไปให้กับผู้ซื้อที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ เช่น ร้านถูกใจ ร้านโชว์สวย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายข้าวถุงรวมใจได้ภายในเดือนต.ค.นี้
สำหรับการสั่งซื้อข้าวถุงรวมใจ อคส. ได้ลงนามว่าจ้างให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นจุดรับคำสั่งซื้อ (คอล เซ็นเตอร์) จากร้านค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ โดยให้รวบรวมคำสั่งซื้อทั้งหมดและส่งมายัง อคส. จากนั้น อคส. จะสั่งให้ผู้ปรับปรุงข้าวสารผลิตข้าวสารบรรจุถุง เพื่อป้องกันปัญหาสต๊อกตกค้าง และในการจัดส่งถึงร้านค้า คาดว่าจะไม่เกิน 10 วัน
แต่หากพื้นที่ใกล้ก็จะเร็วกว่าที่กำหนด
ส่วนการป้องกันปัญหาข้าวสารบรรจุถุงเสื่อมสภาพ จะมีการกำหนดระยะเวลาส่งมอบสินค้า และกระจายสินค้า หลังจากที่ผลิตเสร็จแล้ว ซึ่งเบื้องต้นน่าจะไม่เกิน 2 เดือน
ทั้งนี้ ข้าวถุงรวมใจดังกล่าว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้นำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 แสนตันมาผลิตบรรจุถุง ซึ่งจะได้ประมาณ 40 ล้านถุง (ถุง 5 กก.) จำหน่ายในราคาถุงละ 85 บาท มีระยะเวลา 1 ปี แต่หากมีความต้องการเพิ่มกว่าที่อนุมัติไป ก็สามารถเสนอขออนุมัติข้าวสารเพื่อจัดทำเพิ่มเติมได้
นายชนุตร์ปกรณ์กล่าวว่า กรณีข้าวถุงถูกใจ ที่มีข่าวว่ามียอดตกค้างสูงถึง 73 ล้านถุงนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมียอดคงเหลือเพียงแค่ 8 แสนถุงที่ยังระบายออกไม่หมด โดยแบ่งเป็นยอด 3 แสนถุง ที่รอการระบาย และอีก 5 แสนถุง อยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงและรอส่งมอบให้รัฐ ซึ่ง อคส. และกรมการค้าภายใน
กำลังหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรกับข้าวถุงที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งมีหลายๆ แนวทาง ทั้งการนำกลับมาปรับปรุงและบรรจุถุงใหม่ แต่ในที่สุดแล้ว จะต้องหาทางระบายออกให้หมด
“การเก็บข้าวถุงไว้นาน อาจจะมีปัญหาเกิดมอดขึ้นได้ เพราะในขั้นตอนการบรรจุไม่มีมอดก็จริง แต่อาจจะมีไข่มอดตกค้างอยู่ พอเก็บไว้ระยะหนึ่ง อาจจะเกิดเป็นตัวมอดขึ้นได้ ซึ่งจะไปดูว่า ข้าวถุงถูกใจ ที่ทำเสร็จแล้ว คุณภาพเป็นอย่างไร ถ้ามีปัญหา ก็คงต้องนำไปปรับปรุงใหม่ ตอนนี้ ยังหารือกันอยู่ คงได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้”
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวต้องเดินหน้าต่อไป กระทรวงการคลังต้องหาเงินมาให้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตั้งไว้ 2.7 แสนล้านบาท ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินส่งคืน โดยล่าสุดได้ส่งเงินคืนแล้ว 1.6 แสนล้านบาท ยังเหลือข้าวในสต๊อกอีก จึงยังปิดบัญชีไม่ได้ โดย 2 ปี ใช้เงินจำนำปีละ 3.3