xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวให้พ้นกองปฏิกูล

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

เผลอหน่อยเดียว 14 ตุลาคม 2516 ผ่านมา 40 ปีแล้วครับ

เป็น 40 ปีที่นักเลือกตั้งทั้งหลายที่อาศัยคำว่า ประชาธิปไตย ทำมาหากินกันอย่างมั่นคง อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ และมีอำนาจทางการเมือง มีหน้ามีตาเชิญคนโน้นคนนี้ไปร่วมปฏิรูปประเทศไทยอยู่เวลานี้ ทั้งที่ชัยชนะเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงการปฏิรูปประเทศไทยกันอีกเลย ถ้าหากนักการเมืองเราไม่หน้าด้านอย่างที่พวกเขาด้านมาแล้วและจะด้านต่อไปอีกจนกว่าจะมีกฎกติกาห้ามไม่ให้พวกเขาหน้าด้านก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 บ้านเมืองของเราวนเวียนอยู่กับเผด็จการทหาร แล้วก็ประชาธิปไตยหลอกๆ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เลือกตั้งยึดอำนาจร่างรัฐธรรมนูญวนเวียนกันอยู่อย่างนี้

ข้อเรียกร้องของประชาชนที่รักชาติรักประชาธิไตยขณะนั้น (ก่อนหน้า 14 ตุลาคม 2516) ก็คือให้มีรัฐธรรมนูญปกครองประเทศเป็นการถาวร มิใช่ใช้อำนาจหรือประกาศคณะปฏิวัติ หรือรัฐธรรมนูญการปกครองชั่วคราวของคณะทหาร เป็นข้อเรียกร้องพื้นๆ ธรรมดาๆ ที่หลายๆ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเขามีกัน

จนในที่สุดก็เกิดเหตุ 14 ตุลาคม 2516 ขึ้น เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่เรียกกันว่าได้มาด้วยเลือดด้วยเนื้อของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชน มีการเลือกตั้งที่ค่อนข้างจะต่อเนื่อง จะมีสุดบ้างก็ต่อเมื่อเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร แต่กระนั้นคณะปฏิวัติรัฐประหารก็ไม่อาจจะครองอำนาจได้นาน ยึดอำนาจได้ก็ต้องรีบสัญญากับประชาชนว่า จะเร่งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เร่งคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว การยึดอำนาจครั้งล่าสุด 19 กันยายน 2549 ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกของประชาธิปไตย

ใครไม่เลือกตั้งก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ใครไม่เลือกตั้งก็จะเป็นเผด็จการ ใครไม่เลือกตั้งก็จะเชย ไม่ทันโลก ไม่ทันสมัย จนในที่สุดกลายเป็นยุคทองของนักเลือกตั้ง นักการเมืองบางคนอาศัยการเลือกตั้งเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับองคาพยพอื่นๆ ของการเลือกตั้ง เช่น ไม่สนใจเข้าประชุมสภาฯ ไม่ต้องการให้สภาฯ ตรวจสอบ ฯลฯ

ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาสักพักเราก็เริ่มเห็นว่า เพียงมีรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูที่เนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญด้วยว่า เป็นประชาธิปไตยหรือไม่เพียงใด เนื่องจากการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยที่ทหารกลับเข้ากรมกองทำให้เป็นยุคทองของนักเลือกตั้ง การได้รับเลือกตั้งจากระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ทำให้สถานะของนักการเมืองเปลี่ยนแปลง มีอำนาจเพิ่มขึ้นทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากได้อยู่ในฝ่ายรัฐบาล จนกระทั่งเลขาธิการพรรคการเมืองพรรคหนึ่งบอกกับลูกพรรคว่า “สมัยหน้าจะไม่ทำผิดพลาดอีกต้องมาเป็นฝ่ายค้าน ต้องอดอยากปากแห้ง ไม่เหมือนเป็นรัฐบาล”

แล้วในที่สุดนักการเมืองคนนั้นก็นำพรรคของเขาอยู่ร่วมรัฐบาลเสียเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ มีความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ไม่มีการอดอยากปากแห้งเหมือนคราวที่เป็นฝ่ายค้านครั้งโน้นอีก

นักเลือกตั้งส่วนใหญ่ก็เช่นดียวกัน มีฐานะมั่งคั่งมั่นคงขึ้นกลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี การเมืองกลายเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าธุรกิจอื่นๆ จนนักธุรกิจอื่นๆ ต้องหันเหเข้ามาสู่การเมืองเพื่อที่จะได้สร้างความร่ำรวย ความมีหน้ามีตาในสังคม และการมีอำนาจทางการเมืองไปพร้อมๆ กัน

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ประชาชนส่วนหนึ่งจึงพออกพอใจ เพราะจะได้กวาดล้างนักการเมืองชั่วเสียที

มีการยึดอำนาจเมื่อปี 2553 ได้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมืองหลายสิบคน ที่รวยเป็นร้อยล้านพันล้าน และไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินเหล่านั้นได้ แต่ในที่สุดศาลก็ปล่อยให้นักการเมืองเลวเหล่านั้นรอดจากการถูกยึดทรัพย์

นักการเมืองชั่วเหล่านั้นก็สนับสนุนทหารที่ยึดอำนาจให้สืบทอดอำนาจต่อไป จนเกิดเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ขึ้น

หลังจากนั้นก็มีเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง เรียกร้องให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้มีองค์กรอิสระหลายองค์กร ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อที่จะตรวจสอบนักการเมืองเพื่อให้ได้นักการเมืองดี ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดการเลือกตั้งแทนกระทรวงมหาดไทย มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ส่วนศาลก็ให้มีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีศาลรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาข้อขัดแย้งกฎหมายทั่วไปกับรัฐธรรมนูญ และพิจารณาข้อร้องเรียนว่านักการเมืองทำผิดข้อห้ามที่กฎหมาย และรัฐธรรมนูญห้ามไว้หรือไม่

ทำท่าเหมือนจะดี แต่ก็มีนักการเมืองประเภทหน้าด้านมีอำนาจเงินมหาศาลเข้ามาเล่นการเมือง มันสามารถแทรกแซงองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญแทรกแซงคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มันสามารถใช้เงินกวาดต้อนนักการเมืองให้มาอยู่ในคอกของมัน

ในที่สุดมันก็อ้างประชาธิปไตย อ้างชัยชนะจากการเลือกตั้ง โดยละเลยที่จะพูดถึงองค์ประกอบอื่นๆ เป็นต้น การโฆษณาชวนเชื่อ การใช้สื่อ ใช้เงิน และการใช้นักการเมืองเลว รวมทั้งคุณภาพของผู้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งว่ามีความอ่อนแอทางการเมือง มีความคิดความอ่านทางการเมืองอย่างไร

40 ปีของ 14 ตุลาคม 2516 ดูคล้ายจะสูญเปล่า เพราะเราเริ่มพูดถึงการปฏิรูปการเมืองกันอีกครั้ง และจะต้องปฏิรูปอีก แต่นี่เพราะเรารู้ว่าเราอยู่ในกองปฏิกูลอันเน่าเฟะ

เราจะต้องก้าวให้พ้นกองปฏิกูลนี้ให้ได้โดยประชาชนที่ตื่นรู้กันอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น