โจรใต้ลอบระเบิดรถ ซุ่มยิงทหารเจ็บ 3 ที่ยะลาเชื่อฝีมือ "รอกิ ดอเลาะ" แนวร่วมอาร์เคเค.ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันซุ่มยิงสายข่าวของ จนท.รัฐดับอีก 1 หลังเป็นผู้แจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่เข้าบุกถล่ม "เปเล่ดำ" ดับสมุนดับ ผู้ว่าฯ นราธิวาสสั่งเข้มทุกมิติหลังปะทะเดือดลั่นไม่กระทบคุย BRN ด้านปลัดกลาโหม เผยนายกฯและชาวบ้านในภาคใต้หนุนพูดคุย BRN ต่อ
วานนี้ (6 ก.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บนถนนทางหลวงสาย 418 ยะลา-บ้านบ่อเจ็ดลูก ม.6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ระหว่างหลัก กม.33-34 บริเวณเชิงสะพานข้ามลำธาร มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ ส.ท.ชัยยศ ดิมหมง อายุ 28 ปี จ.ส.อ.สมคิด มะโนเรือง อายุ 53 ปี และ พลฯ มานะ แสนเขียง อายุ 23 ปี สังกัด ฉก.ยะลา 13 โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองงยะลา พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดที่บริเวณเสาเหล็กกันทางกว้างเกือบ 1 เมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ราวเหล็กกั้นสะพานถูกแรงระเบิดบิดงอเสียหาย ห่างไปประมาณ 30 เมตร พบรถยนต์ 10 ล้อ ลำเลียงพลถูกแรงระเบิด และสะเก็ดระเบิด ล้อยางรั่ว กระจกหน้าแตกจอดอยู่กลางสะพาน
ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา อยู่ระหว่างสับเปลี่ยนกำลังพล โดยได้โดยสารรถจีเอ็มซี.และกระบะรวม 15 คันออกจากฐานที่ตั้งที่ อ.กรงปินัง เดินทางกลับฐานต้นสังกัด
ขณะมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายคาดว่าได้แอบนำระเบิดแสวงเครืองอัดถังแก๊สปิกนิกน้ำหนักประมาณ 20 กก.ใส่กระสอบปุ๋ยเคมีมาวางพิงไว้กับเสาหลักราวแผ่นเหล็ก รอจังหวะที่รถกำลังเจ้าหน้าที่ทหารขับผ่านแล้วจุดชนวนกับวิทยุสื่อสารเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นและเป็นจังหวะที่ จีเอ็มซี.คันที่ 5 ขับผ่านมาจนเป็นเหตุให้ทหารที่อยู่ภายในรถได้รับบาดเจ็บ 3 นายและรถยนต์เสียหาย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่มคนร้ายประมาณ 5 นาที จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าสนับสนุนและให้การช่วยเหลือ
ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มของนายรอกิ ดอเลาะ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่บ้านสาคอ หมู่ 4 ต.ท่าสาป เขตติดต่อแอบนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้เพื่อหวังสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร
**ยิงสายข่าวหลังแจ้งเบาะแส"เปเล่ดำ"
วันเดียวกัน ร.ต.ท.วันชัย รักษ์บุญเมือง พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตภายในสวนยางพาราบ้านกาโด๊ะ หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นคริสตัล สีแดง ทะเบียน จ-9995 ปัตตานี ล้มตะแคงอยู่ และพบศพนายโมฮำหมัดริตาอูเด่น ตะระซี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/1 หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นสายข่าวทหาร ฉก.นราธิวาส 30 และตำรวจ สภ.รือเสาะ นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ โดยถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าที่ศีรษะและหน้าท้อง 2 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักตามลำพังเพื่อไปกรีดยางพาราในสวน แล้วเสร็จได้ขี่รถจักรยานยต์กลับบ้านพัก เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่ดักซุ่มอยู่ข้างทางใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า ยิงใส่ผู้ตายจำนวน 2 นัด จนเสียชีวิตคาที่แล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นฝีมือสมุนของนายอุสมาน เด็งสาแม และนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรืออุสตาซรอฮิง อาซ่อง หรือฉายา "เปเล่ดำ" แกนนำระดับปฏิบัติการ RKK ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญพร้อมลูกน้อง 4 ศพเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาหลังเจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เนื่องจากผู้ตายเป็นผู้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าวจนจับตาย 4 โจรใต้ ทั้งนี้ ผู้ตายเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ต่อมาได้ออกมาแสดงตัวและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แจ้งเบาะแสต่างๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้าย จนกระทั่งเจอจุดจบในครั้งนี้
**ผู้ว่าฯ นราธิวาส สั่งเข้มทุกมิติ
ด้านนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงเหตุปะทะที่รือเสาะ มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นายและวิสามัญคนร้ายไป 4 ศพว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ที่พลีชีพในหน้าที่ โดยเหตุเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการปฏิบัติภารกิจของหน่วยกองกำลัง 3 ฝ่ายในพื้นที่ที่ต้องการกดดันไม่ให้กลุ่มที่เห็นต่างลงมือก่อเหตุได้ ซึ่งหลังจากเหตุปะทะ ได้สั่งกำชับกองกำลังทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ทุกระดับให้เพิ่มความเข้มงวดในทุกเรื่องทุกมิติ ทั้งเรื่องการลาดตระเวน ทั้งเข้าปิดล้อมตรวจค้น การดูแลรักษาความปลอดภัย
"โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงอย่างที่ อ.รือเสาะ ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ เชื่อว่าจากการวิสามัญคนร้ายระดับหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการ RKK จะไม่ส่งผลต่อการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่ม BRN ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพราะในการพูดคุยตามนโยบายของรัฐจะทำให้ความรุนแรงของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ลดลง"
**เผย"เปเล่ดำ"คู่สมุนก่อคดีไว้เพียบ
เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบคนร้ายที่เสียชีวิต 4 รายมีอยู่ 2 รายที่ไม่มีหมายจับส่วนอีก 2 รายคือนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือฉายา "เปเล่ดำ" อายุ 34 ปี พบมีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดนราธิวาส 2 หมายคือหมายจับที่ 380/2553 ลงวันที่ 19 ส.ค.2553 และหมายจับที่ จ.49/2555 ลงวันที่ 15 พ.ย. 2555 และนายอุสมาน เด็งสาแม อายุ 37 ปี พบว่ามีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดยะลา 5 หมาย คือ หมายจับที่ จส.32/2548, จส.84/2548, จส.72/2548, จส 130/2458 และ จส.38/2549
สำหรับพฤติกรรมของนายอับดุรอฮิง ดาอีซอ หรือเปเล่ดำ พบว่าที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุยิง ตชด.ที่ 44 ค่ายพระเจ้าตากสินเสียชีวิต 2 นายที่ตลาดนัดบ้าน บาลอ ม.2 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อ 12 ธ.ค.51 ซุ่มยิงเข้าไปในบ้านเลขที่ 94 ม1 ต.อาซ่อง อ.รามัน ทำให้ราษฏรเสียชีวิต 3 คนบาดเจ็บ 3 คนเนื่องจากเป็นการแก้แค้นให้กับสมาชิกกลุ่มที่ถูกนายยะโก๊ะ ยาโง๊ะ ลูกจ้างโครงการ 4500 ชุดรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านอูเปาะ ยิงตอบโต้ขณะถูกลอบยิงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทำให้กลุ่มสมาชิกบาดเจ็บสาหัส 3 คน เหตุเกิดเมื่อ 1 ธ.ค.51
นอกจากนั้น ยังเคยลอบวางระเบิดตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต 5 นายบนถนนวังพญา-ท่าธง อ.รามัน เคยลอบยิงตำรวจ สภ.รือเสาะ เสียชีวิต 4 นายเหตุเกิดบนถนนสายรือเสาะ-ศรีสาคร บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลรือเสาะ
ล่าสุดปฎิบัติการซุ่มยิงขบวนรถตำรวจชุด EOD ของนราธิวาส ขณะกลับปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดในเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ เหตุเกิดบนเขาบ้านยือลาแป ต.สุวารี อ.รือเสาะ รอยต่อจ๊ะกว๊ะ-บ้านปาลูกาสือนอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย ชาวบ้านถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเหตุการณ์นั้นมีการบันทึกภาพแล้วเปิดเผยผ่านยูทิวบ์ โดยในคลิปมีการประกาศจะทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลที่อยู่ในคลิปที่ถูกโพสต์นั้นมีนายรอฮิง ดาอีซอ อยู่ในคลิปนั้นด้วย และคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริง ก่อนที่คนร้ายจะซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ แต่ทางหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางหน่วยได้ออกมาปฏิเสธ และระบุว่าภาพในคลิปเป็นการจงใจสร้างขึ้นเพื่อยกระดับสถานการณ์และจงใจสื่อสารไปยังผู้สั่งการที่อยู่ในต่างประเทศ
ส่วนนายอุสมาน เด็งสาแม นั้น เป็นแกนนำในระดับสั่งการมีตำแหน่งเป็น ผบ.กองร้อยที่ 3 รับผิดชอบในการปฎิบัติการในพื้นที่ ต.บาลอ ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา และ ต.โคกสะตอ ต.บาตง ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมีนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ เป็นผู้บังคับหมวดที่ 1 นายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ ผู้บังคับหมวดที่ 2 และนายซอฟวัน สามะ เป็นผู้บังคับหมวดที่ 3 สำหรับนายอุสมาน เคยร่วมก่อเหตุในพื้นที่หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเป็นผู้ใช้อาวุธปืนร่วมกับพวกยิง ด.ต.อับดุลการิม ปะตะลู ตำรวจ สภ.จ๊ะกว๊ะ อ.รามัน เสียชีวิตภายในมัสยิดที่ ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา ขณะทำพิธีละหมาดในเดือนรอมฏอน
**ปลัดกห.เผยนายกฯหนุนพูดคุย BRN
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ยังคงสนับสนุนเวทีการพูดคุยกับกลุ่ม BRN ต่อไป ส่วนกระแสข่าวที่กลุ่ม BRN เตรียมเปลี่ยนตัวแกนนำพูดคุยนั้นตนมองว่า นายฮาซัน ตอยิบ ยังคงอยู่ในทีมงานกลุ่ม BRN และยังมีอำนาจในการดูแลกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งความชัดเจน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อความเข้าใจในแนวทางเดียวกัน
ปลัดกระทรวงกลาโหม ยังย้ำว่า กระบวนการพูดคุยยังคงมีการติดต่อกันผ่านผู้อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ โดยผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นคนกำหนดทิศทางการพูดคุยทุกครั้ง และไม่ได้เป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว
วานนี้ (6 ก.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บนถนนทางหลวงสาย 418 ยะลา-บ้านบ่อเจ็ดลูก ม.6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ระหว่างหลัก กม.33-34 บริเวณเชิงสะพานข้ามลำธาร มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ ส.ท.ชัยยศ ดิมหมง อายุ 28 ปี จ.ส.อ.สมคิด มะโนเรือง อายุ 53 ปี และ พลฯ มานะ แสนเขียง อายุ 23 ปี สังกัด ฉก.ยะลา 13 โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองงยะลา พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดที่บริเวณเสาเหล็กกันทางกว้างเกือบ 1 เมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ราวเหล็กกั้นสะพานถูกแรงระเบิดบิดงอเสียหาย ห่างไปประมาณ 30 เมตร พบรถยนต์ 10 ล้อ ลำเลียงพลถูกแรงระเบิด และสะเก็ดระเบิด ล้อยางรั่ว กระจกหน้าแตกจอดอยู่กลางสะพาน
ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา อยู่ระหว่างสับเปลี่ยนกำลังพล โดยได้โดยสารรถจีเอ็มซี.และกระบะรวม 15 คันออกจากฐานที่ตั้งที่ อ.กรงปินัง เดินทางกลับฐานต้นสังกัด
ขณะมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายคาดว่าได้แอบนำระเบิดแสวงเครืองอัดถังแก๊สปิกนิกน้ำหนักประมาณ 20 กก.ใส่กระสอบปุ๋ยเคมีมาวางพิงไว้กับเสาหลักราวแผ่นเหล็ก รอจังหวะที่รถกำลังเจ้าหน้าที่ทหารขับผ่านแล้วจุดชนวนกับวิทยุสื่อสารเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นและเป็นจังหวะที่ จีเอ็มซี.คันที่ 5 ขับผ่านมาจนเป็นเหตุให้ทหารที่อยู่ภายในรถได้รับบาดเจ็บ 3 นายและรถยนต์เสียหาย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่มคนร้ายประมาณ 5 นาที จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าสนับสนุนและให้การช่วยเหลือ
ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มของนายรอกิ ดอเลาะ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่บ้านสาคอ หมู่ 4 ต.ท่าสาป เขตติดต่อแอบนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้เพื่อหวังสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร
**ยิงสายข่าวหลังแจ้งเบาะแส"เปเล่ดำ"
วันเดียวกัน ร.ต.ท.วันชัย รักษ์บุญเมือง พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตภายในสวนยางพาราบ้านกาโด๊ะ หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นคริสตัล สีแดง ทะเบียน จ-9995 ปัตตานี ล้มตะแคงอยู่ และพบศพนายโมฮำหมัดริตาอูเด่น ตะระซี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/1 หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นสายข่าวทหาร ฉก.นราธิวาส 30 และตำรวจ สภ.รือเสาะ นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ โดยถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าที่ศีรษะและหน้าท้อง 2 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักตามลำพังเพื่อไปกรีดยางพาราในสวน แล้วเสร็จได้ขี่รถจักรยานยต์กลับบ้านพัก เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่ดักซุ่มอยู่ข้างทางใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า ยิงใส่ผู้ตายจำนวน 2 นัด จนเสียชีวิตคาที่แล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นฝีมือสมุนของนายอุสมาน เด็งสาแม และนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรืออุสตาซรอฮิง อาซ่อง หรือฉายา "เปเล่ดำ" แกนนำระดับปฏิบัติการ RKK ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญพร้อมลูกน้อง 4 ศพเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาหลังเจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เนื่องจากผู้ตายเป็นผู้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าวจนจับตาย 4 โจรใต้ ทั้งนี้ ผู้ตายเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ต่อมาได้ออกมาแสดงตัวและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แจ้งเบาะแสต่างๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้าย จนกระทั่งเจอจุดจบในครั้งนี้
**ผู้ว่าฯ นราธิวาส สั่งเข้มทุกมิติ
ด้านนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงเหตุปะทะที่รือเสาะ มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นายและวิสามัญคนร้ายไป 4 ศพว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ที่พลีชีพในหน้าที่ โดยเหตุเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการปฏิบัติภารกิจของหน่วยกองกำลัง 3 ฝ่ายในพื้นที่ที่ต้องการกดดันไม่ให้กลุ่มที่เห็นต่างลงมือก่อเหตุได้ ซึ่งหลังจากเหตุปะทะ ได้สั่งกำชับกองกำลังทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ทุกระดับให้เพิ่มความเข้มงวดในทุกเรื่องทุกมิติ ทั้งเรื่องการลาดตระเวน ทั้งเข้าปิดล้อมตรวจค้น การดูแลรักษาความปลอดภัย
"โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงอย่างที่ อ.รือเสาะ ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ เชื่อว่าจากการวิสามัญคนร้ายระดับหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการ RKK จะไม่ส่งผลต่อการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่ม BRN ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพราะในการพูดคุยตามนโยบายของรัฐจะทำให้ความรุนแรงของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ลดลง"
**เผย"เปเล่ดำ"คู่สมุนก่อคดีไว้เพียบ
เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบคนร้ายที่เสียชีวิต 4 รายมีอยู่ 2 รายที่ไม่มีหมายจับส่วนอีก 2 รายคือนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือฉายา "เปเล่ดำ" อายุ 34 ปี พบมีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดนราธิวาส 2 หมายคือหมายจับที่ 380/2553 ลงวันที่ 19 ส.ค.2553 และหมายจับที่ จ.49/2555 ลงวันที่ 15 พ.ย. 2555 และนายอุสมาน เด็งสาแม อายุ 37 ปี พบว่ามีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดยะลา 5 หมาย คือ หมายจับที่ จส.32/2548, จส.84/2548, จส.72/2548, จส 130/2458 และ จส.38/2549
สำหรับพฤติกรรมของนายอับดุรอฮิง ดาอีซอ หรือเปเล่ดำ พบว่าที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุยิง ตชด.ที่ 44 ค่ายพระเจ้าตากสินเสียชีวิต 2 นายที่ตลาดนัดบ้าน บาลอ ม.2 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อ 12 ธ.ค.51 ซุ่มยิงเข้าไปในบ้านเลขที่ 94 ม1 ต.อาซ่อง อ.รามัน ทำให้ราษฏรเสียชีวิต 3 คนบาดเจ็บ 3 คนเนื่องจากเป็นการแก้แค้นให้กับสมาชิกกลุ่มที่ถูกนายยะโก๊ะ ยาโง๊ะ ลูกจ้างโครงการ 4500 ชุดรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านอูเปาะ ยิงตอบโต้ขณะถูกลอบยิงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทำให้กลุ่มสมาชิกบาดเจ็บสาหัส 3 คน เหตุเกิดเมื่อ 1 ธ.ค.51
นอกจากนั้น ยังเคยลอบวางระเบิดตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต 5 นายบนถนนวังพญา-ท่าธง อ.รามัน เคยลอบยิงตำรวจ สภ.รือเสาะ เสียชีวิต 4 นายเหตุเกิดบนถนนสายรือเสาะ-ศรีสาคร บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลรือเสาะ
ล่าสุดปฎิบัติการซุ่มยิงขบวนรถตำรวจชุด EOD ของนราธิวาส ขณะกลับปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดในเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ เหตุเกิดบนเขาบ้านยือลาแป ต.สุวารี อ.รือเสาะ รอยต่อจ๊ะกว๊ะ-บ้านปาลูกาสือนอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย ชาวบ้านถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเหตุการณ์นั้นมีการบันทึกภาพแล้วเปิดเผยผ่านยูทิวบ์ โดยในคลิปมีการประกาศจะทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลที่อยู่ในคลิปที่ถูกโพสต์นั้นมีนายรอฮิง ดาอีซอ อยู่ในคลิปนั้นด้วย และคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริง ก่อนที่คนร้ายจะซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ แต่ทางหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางหน่วยได้ออกมาปฏิเสธ และระบุว่าภาพในคลิปเป็นการจงใจสร้างขึ้นเพื่อยกระดับสถานการณ์และจงใจสื่อสารไปยังผู้สั่งการที่อยู่ในต่างประเทศ
ส่วนนายอุสมาน เด็งสาแม นั้น เป็นแกนนำในระดับสั่งการมีตำแหน่งเป็น ผบ.กองร้อยที่ 3 รับผิดชอบในการปฎิบัติการในพื้นที่ ต.บาลอ ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา และ ต.โคกสะตอ ต.บาตง ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมีนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ เป็นผู้บังคับหมวดที่ 1 นายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ ผู้บังคับหมวดที่ 2 และนายซอฟวัน สามะ เป็นผู้บังคับหมวดที่ 3 สำหรับนายอุสมาน เคยร่วมก่อเหตุในพื้นที่หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเป็นผู้ใช้อาวุธปืนร่วมกับพวกยิง ด.ต.อับดุลการิม ปะตะลู ตำรวจ สภ.จ๊ะกว๊ะ อ.รามัน เสียชีวิตภายในมัสยิดที่ ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา ขณะทำพิธีละหมาดในเดือนรอมฏอน
**ปลัดกห.เผยนายกฯหนุนพูดคุย BRN
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ยังคงสนับสนุนเวทีการพูดคุยกับกลุ่ม BRN ต่อไป ส่วนกระแสข่าวที่กลุ่ม BRN เตรียมเปลี่ยนตัวแกนนำพูดคุยนั้นตนมองว่า นายฮาซัน ตอยิบ ยังคงอยู่ในทีมงานกลุ่ม BRN และยังมีอำนาจในการดูแลกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งความชัดเจน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อความเข้าใจในแนวทางเดียวกัน
ปลัดกระทรวงกลาโหม ยังย้ำว่า กระบวนการพูดคุยยังคงมีการติดต่อกันผ่านผู้อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ โดยผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นคนกำหนดทิศทางการพูดคุยทุกครั้ง และไม่ได้เป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว
