นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่าได้สั่งการให้การค้าภายในจังหวัด ตรวจสอบโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2556/57 ที่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้โรงสีต้องปิดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวที่จะเป็นส่วนเกินจากที่ชาวนาสามารถเข้าร่วมโครงการได้ เพราะโครงการรับจำนำครั้งนี้มีการจำกัดวงเงินที่ชาวนาจะร่วมโครงการได้ที่ 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ทำให้จะมีข้าวเหลือที่ต้องขายในตลาดทั่วไป ซึ่งชาวนามักจะขายให้โรงสีที่เปิดเป็นจุดรับจำนำนั้นๆเลย หากไม่มีการประกาศราคารับซื้อที่ชัดเจน อาจเป็นโอกาสให้โรงสีกดราคาข้าวจากชาวนาได้
“ได้กำชับค้าภายในจังหวัดให้กวดขันในเรื่องนี้ เพราะโครงการรับจำนำ จะมีข้าวส่วนที่เหลือไหลเข้าสู่ตลาดปกติ ซึ่งอาจเป็นโอกาสในโรงสีกดราคารับซื้อจากชาวนาได้ เพราะเห็นว่าชาวนาไม่มีทางเลือก”
ทั้งนี้ ยังให้เข้าไปสุ่มตรวจการรับจำนำ โดยเฉพาะการหักค่าความชื้น เพราะข้าวที่เก็บเกี่ยวขณะนี้มีปัญหาเรื่องความชื้นมาก อาจเป็นช่องทางให้โรงสีหักค่าความชื้นเกินไปกว่าปกติ รวมทั้งให้ตรวจสอบในเรื่องน้ำหนักด้วย เพื่อป้องกันชาวนาถูกโกงน้ำหนัก เพราะจะมีผลให้ชาวนาได้รับเงินน้อยไปกว่าที่ควรจะได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้มากขึ้น หลังจากการปรับเพดานปริมาณข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำไว้ที่ไม่เกินรายละ 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ทำให้มีการอ้างการแยกครัวเรือนใหม่และมาขอขึ้นทะเบียนเพื่อให้ข้าวได้เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด
สำหรับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1.5-1.67 หมื่นบาท ราคารับจำนำตันละ 2 หมื่นบาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 5% ราคาตลาดตันละ 8.3 พันบาท ถึง 1 หมื่นบาท ราคารับจำนำตันละ 1.5 หมื่นบาท
ทั้งนี้ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 รอบที่ 1 สิ้นสุดโครงการ ณ วันที่ 15 ก.ย.56 มีโรงสีเข้าร่วมโครงการรวม 906 แห่ง มีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 3.53 ล้านครัวเรือน ธ.ก.ส. จ่ายเงินให้เกษตรกร จำนวน 2.34 แสนล้านบาท มีปริมาณข้าวเข้าร่วมโครงการ 14.5 ล้านตัน และข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 รอบ 2 สิ้นสุด ณ 30 ก.ย.56 ชาวนาขึ้นทะเบียน 6.48 แสนราย ออกใบรับรองให้ 5.88 แสนราย ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้ชาวนาแล้ว 1.0058 แสนล้านบาท มีข้าวร่วมโครงการ 7.93 ล้านตัน รวม 2 รอบ 21.5 ล้านตันข้าวเปลือก
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยังไม่เห็นชอบให้ดำเนินโครงการติดตั้งชิปคอมพิวเตอร์บนกระสอบข้าวในโครงการรับจำนำ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต และสะดวกต่อการตรวจสอบ เพราะใช้งบประมาณมาก และไม่คุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งผลการศึกษาระบุว่า จะต้องใช้สูงถึงปีละ 300 ล้านบาท จึงให้ศึกษาใช้วิธีการอื่นทดแทน
ด้านนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) กล่าวว่า เมื่อไม่ได้รับการอนุมัติการจัดทำชิปติดบนกระสอบข้าวสารที่จะเข้าคลังกลาง ในการรับจำนำข้าว การจัดเก็บข้าวสารที่รับมอบจากโรงสีที่เข้าโครงการก็ยังใช้แบบผสม ทั้งการบรรจุในกระสอบที่ติดสัญลักษณ์ปีผลิตเหมือนที่เคยปฏิบัติ และจัดเก็บในไซโล ซึ่งมีผลดีต่อคุณภาพข้าวและการตรวจสอบ ซึ่งกำลังเปิดรับสมัครและคัดเลือก หลังคณะกรรมการกำกับการจำนำข้าว เห็นชอบอัตราและหลักเกณฑ์การสีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสารแล้ว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดรับจำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต56/57 ที่ได้เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาว่าขณะนี้เกษตรกรยังนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการไม่มาก เพราะโรงสีที่เข้าร่วมโครงการยังอยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวในฤดูกาลผลิตที่แล้วให้กับรัฐบาล และส่วนหนึ่งยังระบายข้าวออกไปไม่หมด จึงไม่มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้าวรอบใหม่ แต่คาดว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร แม้ว่าเกษตรกร จะได้รับใบประทวนแล้ว เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนเรื่องงบประมาณ จำนวน 270,000 ล้านบาท ที่จะนำมาดำเนินโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่นี้
“ได้กำชับค้าภายในจังหวัดให้กวดขันในเรื่องนี้ เพราะโครงการรับจำนำ จะมีข้าวส่วนที่เหลือไหลเข้าสู่ตลาดปกติ ซึ่งอาจเป็นโอกาสในโรงสีกดราคารับซื้อจากชาวนาได้ เพราะเห็นว่าชาวนาไม่มีทางเลือก”
ทั้งนี้ ยังให้เข้าไปสุ่มตรวจการรับจำนำ โดยเฉพาะการหักค่าความชื้น เพราะข้าวที่เก็บเกี่ยวขณะนี้มีปัญหาเรื่องความชื้นมาก อาจเป็นช่องทางให้โรงสีหักค่าความชื้นเกินไปกว่าปกติ รวมทั้งให้ตรวจสอบในเรื่องน้ำหนักด้วย เพื่อป้องกันชาวนาถูกโกงน้ำหนัก เพราะจะมีผลให้ชาวนาได้รับเงินน้อยไปกว่าที่ควรจะได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้มากขึ้น หลังจากการปรับเพดานปริมาณข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำไว้ที่ไม่เกินรายละ 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ทำให้มีการอ้างการแยกครัวเรือนใหม่และมาขอขึ้นทะเบียนเพื่อให้ข้าวได้เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด
สำหรับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1.5-1.67 หมื่นบาท ราคารับจำนำตันละ 2 หมื่นบาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 5% ราคาตลาดตันละ 8.3 พันบาท ถึง 1 หมื่นบาท ราคารับจำนำตันละ 1.5 หมื่นบาท
ทั้งนี้ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 รอบที่ 1 สิ้นสุดโครงการ ณ วันที่ 15 ก.ย.56 มีโรงสีเข้าร่วมโครงการรวม 906 แห่ง มีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 3.53 ล้านครัวเรือน ธ.ก.ส. จ่ายเงินให้เกษตรกร จำนวน 2.34 แสนล้านบาท มีปริมาณข้าวเข้าร่วมโครงการ 14.5 ล้านตัน และข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 รอบ 2 สิ้นสุด ณ 30 ก.ย.56 ชาวนาขึ้นทะเบียน 6.48 แสนราย ออกใบรับรองให้ 5.88 แสนราย ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้ชาวนาแล้ว 1.0058 แสนล้านบาท มีข้าวร่วมโครงการ 7.93 ล้านตัน รวม 2 รอบ 21.5 ล้านตันข้าวเปลือก
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยังไม่เห็นชอบให้ดำเนินโครงการติดตั้งชิปคอมพิวเตอร์บนกระสอบข้าวในโครงการรับจำนำ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต และสะดวกต่อการตรวจสอบ เพราะใช้งบประมาณมาก และไม่คุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งผลการศึกษาระบุว่า จะต้องใช้สูงถึงปีละ 300 ล้านบาท จึงให้ศึกษาใช้วิธีการอื่นทดแทน
ด้านนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) กล่าวว่า เมื่อไม่ได้รับการอนุมัติการจัดทำชิปติดบนกระสอบข้าวสารที่จะเข้าคลังกลาง ในการรับจำนำข้าว การจัดเก็บข้าวสารที่รับมอบจากโรงสีที่เข้าโครงการก็ยังใช้แบบผสม ทั้งการบรรจุในกระสอบที่ติดสัญลักษณ์ปีผลิตเหมือนที่เคยปฏิบัติ และจัดเก็บในไซโล ซึ่งมีผลดีต่อคุณภาพข้าวและการตรวจสอบ ซึ่งกำลังเปิดรับสมัครและคัดเลือก หลังคณะกรรมการกำกับการจำนำข้าว เห็นชอบอัตราและหลักเกณฑ์การสีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสารแล้ว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดรับจำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต56/57 ที่ได้เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาว่าขณะนี้เกษตรกรยังนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการไม่มาก เพราะโรงสีที่เข้าร่วมโครงการยังอยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวในฤดูกาลผลิตที่แล้วให้กับรัฐบาล และส่วนหนึ่งยังระบายข้าวออกไปไม่หมด จึงไม่มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้าวรอบใหม่ แต่คาดว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร แม้ว่าเกษตรกร จะได้รับใบประทวนแล้ว เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนเรื่องงบประมาณ จำนวน 270,000 ล้านบาท ที่จะนำมาดำเนินโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่นี้
