วานนี้(30 ก.ย.56) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวภายหลังเกษตรกรชาวสวนยางที่อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ยุติการชุมนุมว่า ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินที่เราจะพยายามเร่งรัดให้ทำได้โดยเร็ว ส่วนปัญหาของผู้ที่ไม่มีเอกสารสิทธินั้น เรื่องนี้คณะอนุกรรมการที่มีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดูแล และมีคณะกรรมการจากกรมป่าไม้รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะยึดตาม 46 ข้อของพ.ร.บ.ป่าไม้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ว่า ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางพาราในระดับตำบลเร่งดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรที่มาขอขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อขอรับเงินสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตอัตราไร่ละ 2,520 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 890,000 ราย จากที่คาดการณ์ไว้จำนวน 1,000,000 ราย และมีการตรวจสอบพื้นที่แล้วจำนวน 26,000 ราย ทั้งนี้ได้จ่ายเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตแล้วเป็นจำนวน 4,600 ราย คิดเป็นเงิน 55,188,630 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามได้เร่งกำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่ในระดับตำบล เร่งตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรว่ามีคุณสมบัติตรงกับเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือไม่ หากถูกต้องก็จะดำเนินการจ่ายเงินต่อไป สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรซึ่งกำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. นั้น คาดว่าจะขยายเวลาการขึ้นทะเบียนไปจนถึงช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้
นายยุคล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้กำชับให้องค์การสวนยาง (อสย.) เร่งรวบรวมความต้องการการใช้ยางพาราจากหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งมีกำหนดจะต้องรวบรวมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประสานงานกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยเบื้องต้นศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีแผนจะนำยางพาราในสต็อกจำนวน 2 แสนตัน ไปซ่อมแซมถนนในพื้นที่ภาคใต้เป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร ส่วนการนำยางพาราไปทำถนนของกระทรวงคมนาคม และการนำยางพาราไปใช้เป็นยางกันกระแทกของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
อีกด้านนายทศพล ขวัญรอด ผู้ประสานงานกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน เปิดเผยว่า การเรียกร้องราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน ยังไม่สิ้นสุด หากรัฐบาลยังเพิกเฉยไม่ยอมแก้ไขปัญหาราคาที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ จากภาคีเครือข่าย 16 จังหวัด โดยวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะมีการชุมนุมที่แยกธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอมติในการเคลื่อนไหว และยืนยันว่าจะไม่มีการปิดถนนบริเวณแยกดังกล่าวแน่นอน
ส่วนที่ยอมเปิดถนนบริเวณแยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในช่วงทำบุญเทศกาลเดือนสิบ และแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกรณี ส่วนแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น เป็นการปล่อยตัวชั่วคราว การดำเนินคดียังเป็นไปตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จะมีการสัมมนาประชาชน ที่ อ.นาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความรู้กับกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน พร้อมเป็นการบอกกล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน ได้รับการปฏิบัติอย่างไรจากรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดต่างๆ มีชาวสวนยางไปลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาท กันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดลงทะเบียน ซึ่งมีแนวโน้มในหลายพื้นที่ว่าจะขยายเวลาเปิดลงทะเบียนออกไป เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และชาวสวนยางบางส่วนยังไม่ได้ไปลงทะเบียนด้วย
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ว่า ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางพาราในระดับตำบลเร่งดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรที่มาขอขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อขอรับเงินสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตอัตราไร่ละ 2,520 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 890,000 ราย จากที่คาดการณ์ไว้จำนวน 1,000,000 ราย และมีการตรวจสอบพื้นที่แล้วจำนวน 26,000 ราย ทั้งนี้ได้จ่ายเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตแล้วเป็นจำนวน 4,600 ราย คิดเป็นเงิน 55,188,630 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามได้เร่งกำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่ในระดับตำบล เร่งตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรว่ามีคุณสมบัติตรงกับเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือไม่ หากถูกต้องก็จะดำเนินการจ่ายเงินต่อไป สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรซึ่งกำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. นั้น คาดว่าจะขยายเวลาการขึ้นทะเบียนไปจนถึงช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้
นายยุคล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้กำชับให้องค์การสวนยาง (อสย.) เร่งรวบรวมความต้องการการใช้ยางพาราจากหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งมีกำหนดจะต้องรวบรวมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประสานงานกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยเบื้องต้นศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีแผนจะนำยางพาราในสต็อกจำนวน 2 แสนตัน ไปซ่อมแซมถนนในพื้นที่ภาคใต้เป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร ส่วนการนำยางพาราไปทำถนนของกระทรวงคมนาคม และการนำยางพาราไปใช้เป็นยางกันกระแทกของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
อีกด้านนายทศพล ขวัญรอด ผู้ประสานงานกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน เปิดเผยว่า การเรียกร้องราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน ยังไม่สิ้นสุด หากรัฐบาลยังเพิกเฉยไม่ยอมแก้ไขปัญหาราคาที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ จากภาคีเครือข่าย 16 จังหวัด โดยวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะมีการชุมนุมที่แยกธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอมติในการเคลื่อนไหว และยืนยันว่าจะไม่มีการปิดถนนบริเวณแยกดังกล่าวแน่นอน
ส่วนที่ยอมเปิดถนนบริเวณแยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในช่วงทำบุญเทศกาลเดือนสิบ และแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกรณี ส่วนแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น เป็นการปล่อยตัวชั่วคราว การดำเนินคดียังเป็นไปตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จะมีการสัมมนาประชาชน ที่ อ.นาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความรู้กับกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน พร้อมเป็นการบอกกล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน ได้รับการปฏิบัติอย่างไรจากรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดต่างๆ มีชาวสวนยางไปลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาท กันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดลงทะเบียน ซึ่งมีแนวโน้มในหลายพื้นที่ว่าจะขยายเวลาเปิดลงทะเบียนออกไป เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และชาวสวนยางบางส่วนยังไม่ได้ไปลงทะเบียนด้วย
