ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยภาคธุรกิจปรับกลยุทธ์ช่วงเศรษฐกิจชะลอขอสินเชื่อธนาคารพาณิชย์เพิ่ม มองเป็นโอกาสต้นทุนขยายกิจการไม่แพงและเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ชี้แนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4 สดใส แต่ยอมรับสินเชื่ออุปโภคบริโภคแผ่วจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เริ่มเห็นภาคธุรกิจขอสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยมากขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจมองเห็นโอกาสในการขยายกิจการช่วงเศรษฐกิจไทยชะลอตัวว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการขยายกิจการไม่แพงนัก จึงมองว่าแนวโน้มสินเชื่อโดยรวมจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงขอสินเชื่อมากและส่วนใหญ่สินเชื่อภาคธุรกิจจะขยายตัวได้ดี
"ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว สถานการณ์ต่างๆปรับตัวได้ดี ซึ่งธนาคารพณิชย์เองก็ปรับกลยุทธ์ได้ดีพอสมควร เขาเห็นโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อขยายกิจการช่วงต้นทุนไม่แพง โดยไม่ต้องรอช่วงเศรษฐกิจดี แต่เขากลับมองว่าเมื่อต่อไปเศรษฐกิจดีขึ้นกิจการภาคธุรกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ทันที"ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าว
ทั้งนี้ สินเชื่อโดยรวมยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดในเดือน ส.ค.สินเชื่อรวมขยายตัวกว่า 12% ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้สินเชื่อธุรกิจขยายตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคชะลอตัวจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสำคัญผลของการกระตุ้นโครงการรถยนต์คันแรกหมดลง ทำให้ตัวเลขสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยายตัวลดลงอยู่ที่ 24% แต่ยังถือเป็นตัวเลข 2 หลักอยู่ในเดือน ส.ค.ซึ่งการหดตัวสินเชื่อประเภทนี้ไม่ต่าง ธปท.คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์สินเชื่อไม่น่าเป็นห่วงจนสร้างปัญหา แม้บางช่วงลูกหนี้บางกลุ่มอาจสะดุดในการชำระหนี้บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเลวร้าย อีกทั้งคุณภาพสินเชื่อและมาตรฐานปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ระดับ 2.2%ล่าสุดในไตรมาส 2 ซึ่งตัวเลขไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ ธปท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลล่าสุดยอดเอ็นพีแอลในระบบมีทั้งสิ้น 265,247ล้านบาท สัดส่วน 2.21% และมีเมื่อหักเงินกันสำรองแล้วมียอดเอ็นพีแอลสุทธิทั้งสิ้น 119,110 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.00%
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เริ่มเห็นภาคธุรกิจขอสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยมากขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจมองเห็นโอกาสในการขยายกิจการช่วงเศรษฐกิจไทยชะลอตัวว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการขยายกิจการไม่แพงนัก จึงมองว่าแนวโน้มสินเชื่อโดยรวมจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงขอสินเชื่อมากและส่วนใหญ่สินเชื่อภาคธุรกิจจะขยายตัวได้ดี
"ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว สถานการณ์ต่างๆปรับตัวได้ดี ซึ่งธนาคารพณิชย์เองก็ปรับกลยุทธ์ได้ดีพอสมควร เขาเห็นโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อขยายกิจการช่วงต้นทุนไม่แพง โดยไม่ต้องรอช่วงเศรษฐกิจดี แต่เขากลับมองว่าเมื่อต่อไปเศรษฐกิจดีขึ้นกิจการภาคธุรกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ทันที"ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าว
ทั้งนี้ สินเชื่อโดยรวมยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดในเดือน ส.ค.สินเชื่อรวมขยายตัวกว่า 12% ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้สินเชื่อธุรกิจขยายตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคชะลอตัวจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสำคัญผลของการกระตุ้นโครงการรถยนต์คันแรกหมดลง ทำให้ตัวเลขสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยายตัวลดลงอยู่ที่ 24% แต่ยังถือเป็นตัวเลข 2 หลักอยู่ในเดือน ส.ค.ซึ่งการหดตัวสินเชื่อประเภทนี้ไม่ต่าง ธปท.คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์สินเชื่อไม่น่าเป็นห่วงจนสร้างปัญหา แม้บางช่วงลูกหนี้บางกลุ่มอาจสะดุดในการชำระหนี้บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเลวร้าย อีกทั้งคุณภาพสินเชื่อและมาตรฐานปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ระดับ 2.2%ล่าสุดในไตรมาส 2 ซึ่งตัวเลขไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ ธปท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลล่าสุดยอดเอ็นพีแอลในระบบมีทั้งสิ้น 265,247ล้านบาท สัดส่วน 2.21% และมีเมื่อหักเงินกันสำรองแล้วมียอดเอ็นพีแอลสุทธิทั้งสิ้น 119,110 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.00%