เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.วานนี้ (25ก.ย.) ได้เกิดความวุ่นวาย บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา 1 เนื่องจากนายสมเกียรติ แจ้งชัด ข้าราชการรัฐสภาสามัญ (ตำรวจรัฐสภา) ไม่อนุญาตให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบบัญชีรายชื่อ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม แกนนำกลุ่มประชาชนรักษาผลประโยชน์ชาติ เข้าร่วมสังเกตการประชุมเพื่อแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลโดยไม่ให้เหตุผล และยังไม่อนุญาตให้ ส.ส.ที่ลงนามรับรองบุคคลภายนอกให้ใช้ห้องแถลงข่าวรัฐสภาได้เข้าไปแถลงข่าวด้วย จนเกิดการโต้เถียงนานประมาณ 30 นาที โดยทาง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามนายสมเกียรติ ว่า ใครเป็นผู้สั่งการไม่ให้อนุญาต แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอ้างว่าขอไปปรึกษากับนายสุชาติ โรจน์ทองคำ ผ.อ.สำนักรักษาความปลอดภัยรัฐสภาก่อน
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที นายสมเกียรติ กลับมาด้วสีหน้าเคร่งเครียด และมีการเจรจาอีกครั้งท่ามกลางวงล้อมตำรวจรัฐสภา ที่กระจายอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยยืนยันไม่ให้นำ ร.อ.ทรงกลด เข้าไปแถลงข่าวในห้องแถลงของสภา แต่ไม่ยอมบอกเหตุผล ทำให้ นายบุญยอด ต้องโทรศัพท์สายตรงถึง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รับผิดชอบด้านสถานที่ และความปลอดภัยของรัฐสภา เพื่อสอบถามแนวทางปฏิบัติ ว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตในกรณีนี้ ซึ่งนายวิสุทธิ์ แจ้งว่าจะลงมาเจรจาเอง แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที นายสมเกียรติ ก็อนุญาตให้ กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำ ร.อ.ทรงกลด และตัวแทนประชาชนจำนวนหนึ่ง เข้าไปแถลงข่าวได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ยืนยันไม่อนุญาตมาโดยตลอด
ทั้งนี้ในการเข้าสภาของ ร.อ.ทรงกลด และตัวแทนประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ถูกตรวจค้นอย่างละเอียดจากตำรวจรัฐสภา ทำให้ประตูทางเข้าแออัด นักข่าว จึงขอตำรวจรัฐสภาเพื่อเข้าตรงประตูทางออก ซึ่งว่างอยู่ แต่ไม่ได้รับอนุญาตโดยให้เหตุผลว่า เป็นประตูทางออก ไม่ใช่ประตูทางเข้าต้องปฏิบัติตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดประตูทางออก เพื่อเดินเข้าไป ตำรวจรัฐสภา กลับอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ทำให้นักข่าวถามว่า ทำไมส.ส.เข้าได้ แต่นักข่าวเข้าไม่ได้ ทางตำรวจรัฐสภาอ้างว่า ส.ส.ต้องรีบเข้าไปทำหน้าที่ในการประชุม นักข่าวจึงตอบกลับไปว่า ต้องรีบเข้าไปทำข่าวเหมือนกัน เมื่ออ้างระเบียบปฏิบัติเหตุใดจึงไม่ปฏิบัติให้เสมอภาคกัน ทำให้ตำรวจรัฐสภาบริเวณดังกล่าวนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ใดๆ อีก
เมื่อทั้งหมดได้เข้าห้องแถลงข่าว ก็มีตำรวจรัฐสภาจำนวนมากมายืนควบคุมบริเวณรอบๆ ทั้งในห้องแถลงข่าวและนอกห้องแถลงข่าว รวมทั้งมีตำรวจสันติบาล คอยมาสังเกตการณ์และบันทึกคำแถลงข่าว รวมถึงยังมีผู้ช่วยส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนเข้ามาถ่ายภาพในห้องแถลงข่าวด้วย
นพ.วรงค์ กล่าวว่า กลุ่มประชาชนรักษาผลประโยชน์ชาติ ได้จัดการชุมนุมที่หน้าสภา และต้องการใช้สิทธิประชาชนสังเกตการณ์การประชุมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ได้ใช้สิทธิ ส.ส.ลงนามรับรอง จนกระทั่งขึ้นสู่ชั้น 3 กลับมีคำสั่งด่วนระงับ อ้างว่าต้องทำเรื่องล่วงหน้า 1 วัน ทำให้ไม่สามารถนำ ร.อ.ทรงกลด และประชาชนเข้าสังเกตการณ์การประชุมในวันดังกล่าวได้ และเมื่อครบกำหนด 1 วัน คือในวันนี้ 25 ก.ย. 56 กลับไม่มีคำตอบใด ๆ มายังตนจนกระทั่งถึงบ่ายโมง จึงได้รับการติดต่อจาก ร.อ.ทรงกลด ว่า นายสุชาติ ได้ติดต่อไปว่าจะไม่อนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์โดยไม่แจ้งเหตุผล ตนจึงอยากให้สภาทำหนังสือตอบเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าเหตุผลคืออะไร ที่ไม่ให้ประชาชนเข้าสังเกตการณ์การประชุมสภา ทั้งๆ ที่ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง และเห็นว่าเมื่อสภาตัดสิทธิก็ต้องฟ้องประชาชน ด้วยการนำตัวแทนเข้ามาแถลงข่าวร่วมกับ ส.ส. แต่ก็มีคำสั่งห้ามเข้าอีก สะท้อนสองมาตรฐานของสภา ทั้งที่ปฏิบัติตามระเบียบของสภาที่กำหนดไว้ทุกอย่าง ในขณะเดียวกันไม่สามารถชี้แจงเหตุผลได้ว่าทำไมจึงไม่อนุญาต
ด้านร.ท.ทรงกลด กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องการเข้าไปสังเกตุการณ์การประชุมสภามาก่อนจึงอยากมาดูด้วยตาตัวเองและมาพร้อมกับประชาชน 20 กว่าคน ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. โดยประชาชนอยากเห็นว่ารัฐบาลทำงาน 2 ปี แต่เพิ่งแถลงผลงานปีแรก จึงอยากรู้ว่ารัฐบาลทำอะไรบ้าง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนมีสิทธิรับรู้ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตุการณ์การประชุมสภา ทั้งที่ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง ไม่สร้างความวุ่นวายใดๆ แม้แต่น้อย และไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายเช่นนี้ เพราะตนคิดว่าแค่เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องประชุมเพียง 10 นาที ก็จะเดินทางกลับแล้ว จึงขอฟ้องสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์ที่มีการเลือกปฏิบัติ จำกัดสิทธิประชาชนด้วย เพราะในวันที่ 7 ส.ค. 56 ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตนถูกฟ้องดำเนินคดี แต่คนที่ใส่ชุดตำรวจกลับมาอยู่หน้ารัฐสภาได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี
“ผมแค่อยากรู้ว่าในสภามีลีลาอย่างไร เพราะในโทรทัศน์ก็เห็นแค่มุมเดียว และเห็นมีคลิปเสียบบัตรแทนกัน อยากเห็นบรรยากาศในห้องประชุมด้วยตาตัวเอง ถ้าถึง ป.ป.ช.ได้ ก็อาจจะทำ โดยจะปรึกษาทนายความว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ โดยเบื้องต้นคิดว่าผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ ผอ.สุชาติ แต่ยังเชื่อว่าข้าราชการน่าจะได้รับคำสั่งจากฝ่ายการเมือง คือ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นคนสั่งการ เพราะใหญ่ที่นี่ ถือเป็นการกระทำที่สองมาตรฐาน” ร.อ.ทรงกลด กล่าว
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า ตำรวจรัฐสภาแจ้งกับตนว่า นายไม่ให้เข้า แต่ไม่ยอกบอกว่า “นาย”คือใคร ทั้งนี้ตนเห็นว่า เรื่องนี้ต้องชัดเจนว่าวิธีปฏิบัติเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้มีคนเสื้อแดงทำการประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหน้าสภา ตำรวจรัฐสภาก็ยังอนุญาติใหนายแพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. พร้อมตัวแทนคนเสื้อแดง เข้ามายืนเรื่องถอดถอน 7 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.55 ต่อนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาในขณะนั้น โดยกล่าวหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ และยังปล่อยให้มีการสัมภาษณ์โดยอิสระ บริเวณห้องโถงอาคารรัฐสภาด้วย ดังนั้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและระเบียบวิธีปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร โดยจะนำเรื่องนี้เสนอต่อกรรมาธิการกิจการสภาฯในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.56) เพราะตนไม่คิดว่านายสุชาติ จะเป็นคนที่ตัดสินไม่อนุญาต แต่คิดว่าคนว่าน่าจะเป็นคนที่เหนือกว่า
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที นายสมเกียรติ กลับมาด้วสีหน้าเคร่งเครียด และมีการเจรจาอีกครั้งท่ามกลางวงล้อมตำรวจรัฐสภา ที่กระจายอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยยืนยันไม่ให้นำ ร.อ.ทรงกลด เข้าไปแถลงข่าวในห้องแถลงของสภา แต่ไม่ยอมบอกเหตุผล ทำให้ นายบุญยอด ต้องโทรศัพท์สายตรงถึง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รับผิดชอบด้านสถานที่ และความปลอดภัยของรัฐสภา เพื่อสอบถามแนวทางปฏิบัติ ว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตในกรณีนี้ ซึ่งนายวิสุทธิ์ แจ้งว่าจะลงมาเจรจาเอง แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที นายสมเกียรติ ก็อนุญาตให้ กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำ ร.อ.ทรงกลด และตัวแทนประชาชนจำนวนหนึ่ง เข้าไปแถลงข่าวได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ยืนยันไม่อนุญาตมาโดยตลอด
ทั้งนี้ในการเข้าสภาของ ร.อ.ทรงกลด และตัวแทนประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ถูกตรวจค้นอย่างละเอียดจากตำรวจรัฐสภา ทำให้ประตูทางเข้าแออัด นักข่าว จึงขอตำรวจรัฐสภาเพื่อเข้าตรงประตูทางออก ซึ่งว่างอยู่ แต่ไม่ได้รับอนุญาตโดยให้เหตุผลว่า เป็นประตูทางออก ไม่ใช่ประตูทางเข้าต้องปฏิบัติตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดประตูทางออก เพื่อเดินเข้าไป ตำรวจรัฐสภา กลับอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ทำให้นักข่าวถามว่า ทำไมส.ส.เข้าได้ แต่นักข่าวเข้าไม่ได้ ทางตำรวจรัฐสภาอ้างว่า ส.ส.ต้องรีบเข้าไปทำหน้าที่ในการประชุม นักข่าวจึงตอบกลับไปว่า ต้องรีบเข้าไปทำข่าวเหมือนกัน เมื่ออ้างระเบียบปฏิบัติเหตุใดจึงไม่ปฏิบัติให้เสมอภาคกัน ทำให้ตำรวจรัฐสภาบริเวณดังกล่าวนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ใดๆ อีก
เมื่อทั้งหมดได้เข้าห้องแถลงข่าว ก็มีตำรวจรัฐสภาจำนวนมากมายืนควบคุมบริเวณรอบๆ ทั้งในห้องแถลงข่าวและนอกห้องแถลงข่าว รวมทั้งมีตำรวจสันติบาล คอยมาสังเกตการณ์และบันทึกคำแถลงข่าว รวมถึงยังมีผู้ช่วยส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนเข้ามาถ่ายภาพในห้องแถลงข่าวด้วย
นพ.วรงค์ กล่าวว่า กลุ่มประชาชนรักษาผลประโยชน์ชาติ ได้จัดการชุมนุมที่หน้าสภา และต้องการใช้สิทธิประชาชนสังเกตการณ์การประชุมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ได้ใช้สิทธิ ส.ส.ลงนามรับรอง จนกระทั่งขึ้นสู่ชั้น 3 กลับมีคำสั่งด่วนระงับ อ้างว่าต้องทำเรื่องล่วงหน้า 1 วัน ทำให้ไม่สามารถนำ ร.อ.ทรงกลด และประชาชนเข้าสังเกตการณ์การประชุมในวันดังกล่าวได้ และเมื่อครบกำหนด 1 วัน คือในวันนี้ 25 ก.ย. 56 กลับไม่มีคำตอบใด ๆ มายังตนจนกระทั่งถึงบ่ายโมง จึงได้รับการติดต่อจาก ร.อ.ทรงกลด ว่า นายสุชาติ ได้ติดต่อไปว่าจะไม่อนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์โดยไม่แจ้งเหตุผล ตนจึงอยากให้สภาทำหนังสือตอบเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าเหตุผลคืออะไร ที่ไม่ให้ประชาชนเข้าสังเกตการณ์การประชุมสภา ทั้งๆ ที่ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง และเห็นว่าเมื่อสภาตัดสิทธิก็ต้องฟ้องประชาชน ด้วยการนำตัวแทนเข้ามาแถลงข่าวร่วมกับ ส.ส. แต่ก็มีคำสั่งห้ามเข้าอีก สะท้อนสองมาตรฐานของสภา ทั้งที่ปฏิบัติตามระเบียบของสภาที่กำหนดไว้ทุกอย่าง ในขณะเดียวกันไม่สามารถชี้แจงเหตุผลได้ว่าทำไมจึงไม่อนุญาต
ด้านร.ท.ทรงกลด กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องการเข้าไปสังเกตุการณ์การประชุมสภามาก่อนจึงอยากมาดูด้วยตาตัวเองและมาพร้อมกับประชาชน 20 กว่าคน ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. โดยประชาชนอยากเห็นว่ารัฐบาลทำงาน 2 ปี แต่เพิ่งแถลงผลงานปีแรก จึงอยากรู้ว่ารัฐบาลทำอะไรบ้าง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนมีสิทธิรับรู้ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตุการณ์การประชุมสภา ทั้งที่ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง ไม่สร้างความวุ่นวายใดๆ แม้แต่น้อย และไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายเช่นนี้ เพราะตนคิดว่าแค่เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องประชุมเพียง 10 นาที ก็จะเดินทางกลับแล้ว จึงขอฟ้องสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์ที่มีการเลือกปฏิบัติ จำกัดสิทธิประชาชนด้วย เพราะในวันที่ 7 ส.ค. 56 ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตนถูกฟ้องดำเนินคดี แต่คนที่ใส่ชุดตำรวจกลับมาอยู่หน้ารัฐสภาได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี
“ผมแค่อยากรู้ว่าในสภามีลีลาอย่างไร เพราะในโทรทัศน์ก็เห็นแค่มุมเดียว และเห็นมีคลิปเสียบบัตรแทนกัน อยากเห็นบรรยากาศในห้องประชุมด้วยตาตัวเอง ถ้าถึง ป.ป.ช.ได้ ก็อาจจะทำ โดยจะปรึกษาทนายความว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ โดยเบื้องต้นคิดว่าผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ ผอ.สุชาติ แต่ยังเชื่อว่าข้าราชการน่าจะได้รับคำสั่งจากฝ่ายการเมือง คือ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นคนสั่งการ เพราะใหญ่ที่นี่ ถือเป็นการกระทำที่สองมาตรฐาน” ร.อ.ทรงกลด กล่าว
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า ตำรวจรัฐสภาแจ้งกับตนว่า นายไม่ให้เข้า แต่ไม่ยอกบอกว่า “นาย”คือใคร ทั้งนี้ตนเห็นว่า เรื่องนี้ต้องชัดเจนว่าวิธีปฏิบัติเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้มีคนเสื้อแดงทำการประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหน้าสภา ตำรวจรัฐสภาก็ยังอนุญาติใหนายแพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. พร้อมตัวแทนคนเสื้อแดง เข้ามายืนเรื่องถอดถอน 7 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.55 ต่อนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาในขณะนั้น โดยกล่าวหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ และยังปล่อยให้มีการสัมภาษณ์โดยอิสระ บริเวณห้องโถงอาคารรัฐสภาด้วย ดังนั้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและระเบียบวิธีปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร โดยจะนำเรื่องนี้เสนอต่อกรรมาธิการกิจการสภาฯในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.56) เพราะตนไม่คิดว่านายสุชาติ จะเป็นคนที่ตัดสินไม่อนุญาต แต่คิดว่าคนว่าน่าจะเป็นคนที่เหนือกว่า
